บทที่ 51 คิดถึงฝีมือทำอาหารของหลินจือ

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

ประชุมจบลง เนมาที่เข้าร่วมการประชุมก็หาจุดที่ไม่มีคนโทรหาซูซี

หลังจากรับสาย เนมาพูดอย่างมีความสุขว่า:“ซุปตาร์ซูซี ดูเหมือนว่าที่คุณปลูกฝังสามีคุณจะใช้ได้ดีเลยทีเดียว”

ซูซีไม่เข้าใจ:“หมายความว่าไง?”

เนมาพูด:“พวกเราเพิ่งประชุมไป บทเปลี่ยนแล้ว เอาตามพล็อตนั้นที่คุณต้องการ สุดท้ายเดอะคิงได้คู่กับโคล”

ที่แท้ ก่อนหน้านี้ซูซีไม่พอใจพล็อตอยากให้เทาเท่เปลี่ยนบท หลังจากเทาเท่ปฏิเสธไปซูซีก็ติดต่อเนมา ให้เนมาคิดหาทางให้คำแนะนำเปลี่ยนบท

ก็แค่เนมายังไม่ทันเริ่ม การประชุมในวันนี้ก็เปลี่ยนบทแล้ว

เนมายังคิดว่าซูซีไปพูดอะไรกับเทาเท่เสียอีก ดังนั้นเทาเท่ถึงได้ให้เปลี่ยนบท

ซูซีก็ประหลาดใจ:“เปลี่ยนเป็นคู่กับโคลแล้ว?”

เนมาพูด:“ใช่ คุณต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”

ซูซียกมือขึ้นปิดปาก สักพักก็พูดไม่ออก เพราะว่าดีใจและตื่นเต้นมากจริงๆ

เธอคิดว่าเทาเท่จะไม่สนใจความรู้สึกของเธอเสียอีก คิดไม่ถึงว่าถึงเขาจะพูดว่าไม่เปลี่ยน แต่การกระทำก็ทำให้เธอพอใจ

ซูซีคิดว่าเทาเท่ตั้งใจเปลี่ยนบทเพื่อเธอ เธอไม่รู้เลยว่าเทาเท่ทำเพื่อความต้องการของตัวเองและตั้งใจทำให้หลินจือลำบากใจ สุดท้ายจึงจับพลัดจับผลูเปลี่ยนบท

ซูซีสงบอารมณ์ตัวเองและพูดต่อไปว่า:“งั้นเปลี่ยนเสร็จ ตอนจบของพระชายาเป็นอย่างไร?”

เนมาบอกพล็อตซูซีหลังจากที่พระชายาถูกหย่า ซูซีก็โกรธมาก:“อะไรนะ?เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขยอดเยี่ยมสุดๆ?”

“ทำไมเธอไม่ตายอย่างอนาถ?ทำไมเธอไม่หย่าแล้วไม่เหลืออะไรจนไปตายซะ?”แค่ซูซีคิดว่าบทนี้เป็นหลินจือที่เขียน แล้วทันใดนั้นก็เอาตัวละครในบทแทนด้วยเธอกับหลินจือ

บทเวอร์ชันก่อนหน้านี้ โคลตายอย่างอนาถ ทำไมพอเป็นบทใหม่ พระชายาคนแรกถึงไม่ตายอย่างอนาถแต่ยังอยู่อย่างมีความสุขล่ะ?

หลินจือทำให้ตัวเองดีซะเหลือเกิน?

ซูซีรู้สึกกระอักกระอ่วน เสียงที่พูดออกมาก็สั่นเล็กน้อยด้วยความโกรธ

เนมาก็ไม่กล้าขัดใจซูซี ได้แต่พูดไกล่เกลี่ย:“เอ่อ……นี่ไม่ได้เป็นการเน้นย้ำเหรอว่าเพศหญิงต้องการพลังงานบวกในการพัฒนาตนเองอย่างมีอิสรภาพ”

ซูซีพูดอย่างไม่พอใจ:“นี่เปลี่ยนไม่ได้เหรอ?ทำไมหลังจากพระชายาถูกหย่าถึงมีบทบาทเยอะอย่างนั้น ตายก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ?”

เนมาพูดอีกว่า:“ประธานเทาเท่กับพวกเจเทาวน์ ที่ทุกคนต่างชอบเวอร์ชันใหม่นี้ เพราะว่าภายหลังพระชายาพึ่งพาตนเองและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้”

ที่เนมาไม่พูดก็คือ เขาก็ให้ความสำคัญส่วนนี้

“ฉันไม่สน!”ซูซีใกล้จะบ้าแล้ว“คุณต้องเปลี่ยนให้ตอนจบพระชายาตายอย่างอนาถ”

เนมาลำบากใจมาก:“เอ่อ……”

ซูซีพูดอีกว่า:“ไม่งั้นคุณก็ไล่หลินจือนั่นออกจากโครงการนี้ ให้คนอื่นมารับผิดชอบบทนี้”

“ในวงการคนเขียนบทมีคนเขียนบทที่มีชื่อเสียงเยอะแยะ หาใครสักคนที่เจ๋งกว่าหลินจือก็พอ”

ถ้าบทเปลี่ยนไม่ได้ งั้นหลินจือก็ต้องออกไป

ซูซีรับบทพูดทุกคำที่หลินจือเขียนในตอนท้ายบทไม่ได้ ตอนนี้เธอเกลียดหลินจือจะตายอยู่แล้ว

ตอนหย่าหลินจือขอไปตัวเปล่าอย่างเด็ดเดี่ยว ดูชีวิตสงบสุขดี ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลินจือจะไม่พอใจ แอบใช้บทมาถากถางเธอต่างๆวิธี

เนมาถอนหายใจ:“หลินจือเป็นคนเขียนบทที่เจเทาวน์สนับสนุน ผมกลัวว่าเสนอแล้วเจเทาวน์จะไม่เห็นด้วย”

ซูซีหัวเราะอย่างเย็นชาพูดว่า:“ทำไมต้องให้เจเทาวน์เห็นด้วย?คุณบังคับให้หลินจือออกไปเองไม่ได้เหรอ?”

“หาผู้ชายมาล่วงละเมิดทำให้เธอตกใจกลัว หรือคอยบีบเธอ เธอต้องรับไม่ได้แล้วออกไปเองแน่”ซูซีให้คำแนะนำอย่างร้ายกาจ

นิสัยอ่อนโยนอย่างหลินจือ จะทนต่อความขมขื่นแบบนี้ได้ไง

ตอนนั้นเธอขอหย่าเทาเท่เอง ไม่ใช่เพราะว่าถูกพินอินกับวีนารังแกจนขมขื่นหรอกเหรอ

ซูซีเชื่อว่า ถ้าเปลี่ยนเป็นที่ทำงานก็คงเหมือนกัน

เนมาตอบกลับ:“โอเค มีผู้ช่วยผู้กำกับคนหนึ่งลามกมาก เดี๋ยวผมกำชับเขาเอง”

ซูซีพอใจกับคำตอบของเนมามาก เลยให้ผมประโยชน์ต่อเนมาอย่างประจวบเหมาะ:“ผู้กำกับเนมา คุณวางใจได้ ต่อไปหนังใหญ่ๆของฟอเรนากรุ๊ป ฉันจะให้คุณถ่ายเอง”

เนมาต้องการผลประโยชน์แบบนี้ วางสายไปอย่างพอใจ

ตอนนี้คนทั้งเมืองเจสเวิร์ดต่างรู้ว่า เดี๋ยวซูซีก็จะแต่งงานกับตระกูลฟอเรนาแล้ว ถึงตอนนั้นซูซีกลายเป็นนายหญิงของตระกูลฟอเรนา ทีมของเขากับเธอก็จะเจริญรุ่งเรืองด้วย

ตอนดึกควีนไปตามคำเชิญที่นานิเลี้ยงข้าว แต่เธอคิดไม่ถึงว่าสถานที่ทานข้าวจะเป็นบ้านนานิและก็ยิ่งคิดไม่ถึงว่าหลินจือจะลงมือเข้าครัวเองด้วย

ตอนเธอกดออดประตูนานิก็มาเปิดประตูให้เธอ หลินจือกำลังยุ่งอยู่ในครัว ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของอาหาร

นานิคล้องแขนของเธออย่างสนิทสนมแล้วอธิบายว่า:“นี่ตัวตนของฉันไปกินข้างนอกต้องไม่สนุกแน่ คุณคงไม่ถือสาฉันที่เลี้ยงข้าวที่บ้านหรอกนะ?”

ควีนรีบโบกมือพูด:“ไม่ค่ะๆ อยู่บ้านสบายมาก”

นานิเป็นดาราสาวสุดฮอต ละครวัยรุ่นกับโจมอนกำลังออนแอร์อยู่ เธอเข้าใจถึงความอึดอัดที่นานิไม่กล้าออกไปกินข้าวได้

นั่งก็ต้องเป๊ะ พูดเสียงดังก็ไม่ได้ ดื่มเหล้าอย่างเต็มที่ก็ไม่ได้อีก ถ้าถูกถ่ายได้ไม่นานก็ขึ้นฮอตเสิร์ช

นานิหัวเราะขึ้นมา:“ขอบคุณที่คุณเข้าใจค่ะ”

นานิอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังเดี่ยว มีความเป็นส่วนตัวดี

ชั้นหนึ่งมีหน้าต่างสูงขนาดใหญ่ หลังจากทำอาหารเย็นเสร็จสามสาวนั่งอยู่ข้างโต๊ะอาหารตรงด้านหน้าหน้าต่างและกำลังเพลิดเพลินกับไวน์

ควีนถ่ายรูปอาหารที่ดูน่าทานเต็มโต๊ะ คิดดูแล้วจึงส่งให้เทาเท่ซึ่งกำลังพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลอย่างเงียบๆ

“เจ้านายคะ คืนนี้ฉันกับหลินจือและก็นานิกำลังกินข้าวที่บ้านนานิค่ะ อาหารเย็นเป็นหลินจือที่เข้าครัวทำให้”

ที่จริงแล้ว เมื่อก่อนควีนไม่ใช่คนที่ใจร้อนแบบนี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงใจร้อนอยากส่งรูปแบบนี้มาให้เจ้านายตัวเอง

บางทีเธออาจแน่ใจว่า เจ้านายเหมือนกับเธอ ที่คิดถึงอาหารอร่อยๆของหลินจือสุดๆ

เมื่อก่อนหลินจือมักจะเอาอาหารกลางวันให้เทาเท่ และทุกครั้งก็จะทำเพิ่มสองชุดให้เธอกับคิงด้วย ดังนั้นควีนก็รู้ว่าหลินจือทำอาหารอร่อยมาก

หลังจากเทาเท่ที่อยู่โรงพยาบาลได้รับรูปที่นานิส่งให้เขา ก็หิวทันที

เขาก็อยากชิมฝีมือการทำอาหารของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่กำลังป่วยแล้วไม่อยากอาหารใดๆ ก็ยิ่งคิดถึงฝีมือเธอ

ภายใต้การเตรียมอาหารของเธอในหลายปีนั้น เขากินอะไรก็อร่อย มีความอยากอาหารดี ไม่เคยมีปัญหาเรื่องกระเพาะอาหารเลย

กำลังคิดอยู่นั้น ข้อความของควีนก็ส่งมาอีกครั้ง:“เจ้านายคะ นานิบอกว่า ประธานเจเทาวน์คิดไม่ซื่อกับหลินจือ?ฉันนึกไม่ถึงมองไม่ออกเลยสักนิด”

เทาเท่ยังไม่ตอบอะไรไป ควีนก็พูดอีกว่า:“เจ้านาย ประธานเจเทาวน์ก็เพิ่งมา ตอนนี้กำลังกินข้าวกับพวกเรา คิดไม่ถึงว่าประธานเจเทาวน์กับนานิจะอยู่หมู่บ้านเดียวกัน”

ตอนเทาเท่เห็นประโยคสุดท้ายสีหน้าก็หม่นลง นานิและควีนกินข้าวที่หลินจือทำก็ว่าไปอย่างและ ยังไงพวกเธอก็ล้วนเป็นผู้หญิง

แต่เจเทาวน์ไปกินข้าวด้วยนั่นหมายความว่าไง?