ตอนที่ควีนฟังนานิบอกว่าเจเทาวน์รู้สึกกับหลินจือเชิงชู้สาว เธอที่นิ่งเงียบมาเสมอก็ตกใจจนลืมกินอาหาร
หลังจากได้สติคืนมาอย่างแรกเธอก็รีบรายงานเทาเท่เรื่องนี้ แต่เธอมองสายตาหลินจือนั้นนิ่งเฉย ไม่ใส่ใจคำพูดของนานิเลยสักนิด
และหลินจือยังบ่นนานิให้เธอฟังด้วย:“อย่าฟังเธอพูดเหลวไหลค่ะ เธอชอบพูดเรื่องชายหญิงมั่วๆแบบนี้แหละ”
หลินจือไม่รู้สึกเลยว่าเจเทาวน์คิดลึกกับเธอ เจเทาวน์ชายหนุ่มที่เป็นไอดอลชายระดับเทพแบบนี้ จะชอบเธอคนเขียนบทตัวเล็กๆที่ไม่ลึกลับซับซ้อนแบบนี้เหรอ?
แล้วก็ หลังจากถูกเทาเท่ทำลาย ตอนนี้หลินจือจึงมีปมกับผู้ชายที่โดดเด่นแบบนี้อย่างพวกเขา จึงไม่ยอมเข้าใกล้ตามสัญชาตญาณ
นานิไม่พอใจที่หลินจือขี้ขลาดแบบนี้:“ฉันบอกเธอนะหลินจือ เธออย่าไม่กล้าเผชิญหน้าสิ ไม่ใช่ว่าผู้ชายหน้าตาดีทุกคน จะเลวเหมือนเทาเท่นะ”
ควีน:“……”
ว่าเจ้านายของเธอต่อหน้าเธอแบบนี้ เข้าท่าเหรอ?
“ใช่ไหม น้องควีน”นานิพูดไปถามความเห็นควีนไปด้วย
ควีนหัวใจเต้นแรงกับคำนั้นที่นานิพูดว่า“น้องควีน” ในหัวก็อดไม่ได้ที่จะมีใบหน้าหล่อเหลาแต่ไม่ผูกมัดนั้นเข้ามา
เธอก้มลงแล้วพึมพำว่า:“ดูเหมือนว่าผู้ชายที่หน้าตาหล่อทุกคน จะเลวมากและเยอะจริงๆ”
ผู้ชายคนนั้นก็เลวมากและเจ้าชู้มาก แต่ไม่เป็นอุปสรรคที่เธอจะชอบ
เพราะว่า เธอควบคุมความชอบไม่อยู่
เธอก็อยากไม่ชอบนะ แต่ห้ามใจตัวเองไม่ได้
ตอนที่ควีนเหมือนกำลังตกอยู่ในความรู้สึกเจ็บปวด ทันใดนั้นก็มีเสียงคนกดออด
นานิไปเปิดประตู เป็นเจเทาวน์ที่ในมือถือไวน์แดงขวดหนึ่งเดินเข้ามา
หลินจือกับควีนตกใจมาก นานิกลับดูนิ่งเฉย
เจเทาวน์พูดยิ้มๆ:“เพิ่งเลิกงานกลับบ้าน เห็นรถของผู้ช่วยควีนจอดอยู่ด้านนอกบ้านนานิผมก็เดาว่าพวกคุณน่าจะกินข้าวด้วยกัน เลยเอาไวน์มาให้พวกคุณ”
หลินจือกับควีนรีบลุกขึ้นขอบคุณ เจเทาวน์เหมือนไม่ได้จะอยู่ทานข้าว แต่เขาเอาไวน์มาให้แล้ว พวกเธอจะกล้าไม่ให้เขาอยู่ทานข้าวได้ไง ดังนั้นเจเทาวน์จึงนั่งลงไปอย่างยากที่จะปฏิเสธคำเชิญได้ นานิจึงให้เขานั่งข้างหลินจือ
ควีนใช้เวลาที่เข้าไปห้องน้ำ รีบรายงานฉากที่ค่อนข้างคลุมเครือนี้แก่เทาเท่
แต่ว่ารายงานเสร็จเธอก็ส่งไปอีกว่า:“นายคะ ฉันจะตั้งใจทานข้าวแล้ว เอาแต่ถือโทรศัพท์ส่งข้อความคงไม่ดีเท่าไหร่”
ดังนั้นทางฝั่งเทาเท่ก็ไม่ได้ข้อความอะไรจากควีนอีกเลย
หญิงสาวทั้งสามคนกับชายหนุ่มรูปหล่อสุภาพบุรุษ บรรยากาศงานเลี้ยงของทั้งสี่กลับมีความสุข
ควีนพูดน้อยมาก แต่เธอสังเกตเงียบๆ จากนั้นจึงพบว่าเจเทาวน์ใส่ใจหลินจือจริงๆ
เขาจะช่วยหลินจือปอกเปลือกกุ้ง ตักข้าวให้เธอ เทไวน์ให้เธอ และยังช่วยหลินจือดึงเก้าอี้อย่างใส่ใจตอนที่ลุกขึ้น
ควีนคิดว่า ถ้าเจ้านายยังรู้สึกอะไรอยู่กับหลินจือจริงๆ เจเทาวน์เป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งมาก
หากพูดถึงหน้าตาและนิสัยแล้วเจเทาวน์ก็ไม่แพ้เทาเท่ ที่สำคัญก็คือ เจเทาวน์ดีต่อหลินจือมาก ดูแลดีมาก
ส่วนเจ้านายตัวเองตอนที่คบกับหลินจือ มีแต่หลินจือที่ดีต่อเขา ดูแลเขา เขาไม่เคยใส่ใจหลินจือก่อนเลย แล้วนับประสาอะไรกับปฏิบัติดีต่อหลินจือ
ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ควีนคิดว่า หลินจือเลือกเจเทาวน์นั้นเป็นไปได้สูง
ข้าวมื้อนั้น เพราะว่าควีนคำนึงถึงจุดยืนของเจ้านายตัวเอง เลยกินไปอย่างกังวล
งานเลี้ยงเข้าสู่ช่วงสุดท้ายแล้ว หลินจือจึงดูโทรศัพท์
ในวีแชทนึกไม่ถึงว่าจะมีคนขอเป็นเพื่อนเธอ หลังจากเธอเปิดไปดูก็เจอเทาเท่สามคำนี้ในช่องขอเป็นเพื่อนอย่างนิ่งๆ ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้ว
หนึ่งปีก่อนหลังหย่าเธอลบช่องทางติดต่อกับเทาเท่ไปทั้งหมด และยังเปลี่ยนเบอร์ใหม่ ดังนั้นตอนนี้จู่ๆเทาเท่ก็มาขอเธอเพิ่มเพื่อนเพื่ออะไร?
การตอบสนองแรกของหลินจือก็คือไม่สนใจ เก็บโทรศัพท์แล้วกินข้าวต่อ
สามีภรรยาเก่าที่หย่ากันแล้ว จำเป็นต้องติดต่อผ่านวีแชทด้วย?
ควีนที่อยู่ข้างๆเห็นเธอไม่ดูโทรศัพท์อีกนานแล้ว ก็ทนไม่ไหวพูดเสียงเบากับเธอ:“หลินจือ ประธานเทาเท่บอกว่าเขามีเรื่องสำคัญมากกับคุณ”
ความหมายก็คือ ให้หลินจือเพิ่มเทาเท่แล้วคุยส่วนตัว
หลินจือตอบกลับเธอด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา:“เขามีเรื่องอะไรโทรหาฉันไม่ได้เหรอ?”
ความหมายคือมีอะไรก็พูดตรงๆ ไม่ต้องเพิ่มวีแชท
ควีนอ้าปาก สุดท้ายก็ก้มหน้าลงส่งคำที่หลินจือพูดไปให้เทาเท่
ผ่านไปสักพัก เทาเท่จึงตอบ
ควีนจึงช่วยพูดกับหลินจือ:“ประธานเทาเท่บอกว่าสิ่งของของคุณเมื่อก่อนยังอยู่ที่บ้านเขา ให้คุณหาเวลาไปเอา”
ตอนนั้นทำเรื่องหย่าเสร็จแล้วเอาใบหย่า วันนั้นตอนบ่ายหลินจือก็ไปต่างประเทศเลย
สิ่งของเมื่อก่อนของเธออยู่ที่บ้านหลังนั้นที่เธอเคยอยู่กับเทาเท่จริงๆ แต่หลินจือไม่คิดจะเอา เธอก็คิดว่าเทาเท่จะทิ้งไปนานแล้ว
ยังไงเขาก็รังเกียจเธอมากขนาดนั้นแล้ว หย่าแล้วอย่างแรกก็ต้องทำความสะอาดร่องรอยของที่เป็นของเธอสิ
ตอนนี้พอได้ยินเทาเท่ให้เธอไปเก็บของ หลินจือจึงตกใจเล็กน้อย
แต่จากนั้นเธอก็พูดกับควีนอย่างปฏิเสธมากว่า:“ฉันไม่เอาแล้ว ให้เขาทิ้งไปเถอะ”
ควีนก็ไปบอกเทาเท่อีกครั้ง ไม่นานนักควีนก็เอาโทรศัพท์ให้หลินจือดูรูป:“ประธานเทาเท่ถามว่า อัลบั้มรูปสองอันนี้ คุณก็ไม่เอาด้วยใช่ไหม?”
หลินจือเห็นภาพในอัลบั้มรูปสองอัน ก็เบิกตากว้างทันที
เสื้อผ้าและของใช้ในประจำวันต่างๆเธอไม่เอาได้ แต่อัลบั้มรูปสองอันนี้มีค่ามาก เพราะว่าด้านในมีรูปเธอกับแม่เธอเยอะมาก
เทาเท่ไม่พูดถึงเรื่องนี้ เธอคงลืมไปแล้ว
เธอจึงเงยหน้ามองไปที่ควีนอีกครั้ง คิดแล้วพูดว่า:“รบกวนคุณช่วยฉันบอกประธานเทาเท่หน่อยค่ะ ให้เขาส่งมาให้ฉันที่เบลดิ้งหรือส่งมาที่บ้านพักของฉันก็ได้”
ควีนช่วยทั้งสองคนบอกอย่างสุขุมรอบคอบและระมัดระวัง แป๊บหนึ่งก็ตอบเธอว่า:“ประธานเทาเท่บอกว่าสองสามวันนี้เขาอยู่โรงพยาบาล ส่งให้คุณไม่ได้ ให้คุณไปเอาเองค่ะ”
“ประธานเทาเท่ยังบอกอีกว่า รหัสของประตูบ้านก็ยังเป็นที่คุณตั้งเมื่อก่อน ไม่เปลี่ยน”
“อัลบั้มรูปใส่อยู่ในตู้เซฟ รหัสของตู้เซฟ……ก็ไม่เปลี่ยน”
หลินจือฟังจบ ก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำสีหน้าอย่างไร
เทาเท่ประสาทเหรอ ไม่เปลี่ยนรหัสอะไรเลย?
หลินจือแอบกัดฟัน จากนั้นพยายามพูดให้เสียงตัวเองฟังดูแล้วนิ่งๆ:“รบกวนคุณบอกประธานเทาเท่หน่อยค่ะ พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปเอา”
ในเมื่อเทาเท่อยู่โรงพยาบาล งั้นเธอก็จะรีบไปเอาตอนเขาไม่อยู่ จะได้ไม่เจอเขา
“ค่ะ”ควีนตอบกลับ
เพราะว่าเทาเท่ก่อกวนแบบนี้ หลินจือจึงรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอารมณ์กินข้าวแล้ว
พอคิดว่าพรุ่งนี้ต้องไปเหยียบ“บ้าน”หลังนั้นที่เคยอยู่กับเทาเท่ เธอก็อารมณ์ไม่ดี
สถานที่นั้นสำหรับเธอแล้ว มีความอ่อนหวานไม่สิ้นสุด และความโศกเศร้าไม่สิ้นสุด
การแต่งงานสามปีของเธอกับเทาเท่ เริ่มจากตรงนั้น และก็จบลงตรงนั้น
ถึงแม้เธอจะมองข้ามการแต่งงานที่ล้มเหลว แต่ถึงตอนนั้นเมื่อไปแล้วก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมองเห็นภาพที่ทำให้รู้สึกสะเทือนใจ ตอนนี้หลินจือได้แต่หวังว่าเทาเท่จะจัดบ้านทั้งหลังเปลี่ยนไปหมด