ตอนที่ทั้งสี่กินอาหารค่ำเสร็จก็ดึกมากแล้ว หลินจือก็เหมือนเดิมพักที่บ้านนานิส่วนควีนเรียกใช้บริการคนขับรถแทนให้ ส่วนเจเทาวน์กลับไปที่บ้านตัวเอง
เช้าวันถัดมานานิต้องไปสตูดิโอ หลินจือต้องไปเอาของที่บ้านเทาเท่ ดังนั้นนานิจึงให้หลินจือไปด้วย
ตอนที่รถโดยสารส่วนตัวของนานิใกล้ถึงที่พักของเทาเท่ เลย์ล่า ผู้จัดการของนานิก็โทรหาเธอ
อารมณ์ของเลย์ล่านั้นแตกสลายอย่างมาก:“แม่ทูลหัว ข่าวที่เธอชอบผู้หญิงขึ้นฮอตเสิร์ชแล้ว”
นานิจิบกาแฟจนเกือบจะพุ่งออกมา:“ฉันชอบผู้หญิง?”
“อือ”เลย์ล่าถามอย่างปวดหัว“ตอนที่เธอออกมาโอบไหล่กับหลินจือด้วยใช่ไหม?”
นานิมีเลย์ล่าที่พาเธอเข้าวงการ ดูแลเธอตั้งแต่แรก ดังนั้นเลยรู้จักหลินจือ และก็รู้ว่าเธอเป็นเพื่อนที่ดีมากของนานิ
นานิบอกไปตามตรง:“ใช่ ก็เมื่อคืนฉันดื่มมากไปจนตอนนี้ปวดหัว เลยพิงตัวหลินจือเดินออกไป”
นานิฟังจบจึงพูดอย่างโมโห:“เธอไม่ได้บอกเหรอว่าหมู่บ้านฉันเป็นส่วนตัวมากน่ะ ปาปารัสซี่พวกนี้แอบถ่ายตรงไหน?”
เลย์ล่าพูดอย่างทำอะไรไม่ได้:“ตอนนี้เธอกำลังดัง แค่พวกเราคิดไม่ถึง ไม่มีอะไรที่พวกปาปารัสซี่ทำไม่ได้”
หลินจือได้ยินอยู่ข้างๆ ก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เธอตกใจจนพูดไม่ออก
เมื่อก่อนเธอได้ยินนานิบ่นเรื่องที่สื่อไร้ยางอายบางส่วนกุเรื่องมั่วๆเพื่อหารายได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะไร้เหตุผลขนาดนี้
เธอแค่เดินใกล้ชิดกับนานิไม่กี่ก้าว ก็ถูกลือว่าชอบผู้หญิง?
โชคดีที่ตอนนี้เธอกับเทาเท่หย่ากันแล้ว ไม่งั้นเธอถูกเปิดเผยว่าชอบผู้หญิง ก็เป็นการแอบสวมเขาให้เทาเท่ และยังเป็นเขาที่น่ากลัวมาก
เทาเท่น่าจะไม่ได้โกรธจนปวดท้องเข้าโรงพยาบาล แต่อาจโกรธจนเป็นลมเลยก็ได้
นานิก็โกรธจะตายอยู่แล้ว ดึงผมหยักศกสีน้ำตาลของตัวเองแล้วถาม:“งั้นตอนนี้ฉันต้องทำไง?”
เลย์ล่าพูดว่า:“ทำยังไง?แน่นอนว่าต้องชี้แจง”
นานิโกรธจนตะโกนไป:“งั้นก็ดี เธอฟังให้ดีนะ:แม่ทูลหัวชอบผู้ชาย ชอบผู้ชาย!”
“ผู้ชายที่ฉันชอบชื่อว่า——”นานิโกรธจนเกือบพูดชื่อผู้ชายที่ตัวเองชอบออกมา แต่พอคิดถึงชายคนหนึ่งที่อยู่ไกลกันอีกฟากหนึ่งที่อาจทิ้งเธอไปนานแล้ว ก็กลับมานั่งอย่างท้อใจ
เลย์ล่าก็โมโหนานิ:“เธอมาตะโกนเสียงลั่นกับฉันว่าเธอชอบผู้ชายจะมีประโยชน์อะไร?ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้ซะหน่อย สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือให้พวกอยากรู้อยากเห็นพวกนั้นเชื่อว่าเธอและหลินจือบริสุทธิ์”
เดิมทีนานิปวดหัว ตอนนี้ก็ยิ่งอารมณ์เสีย
เธอได้แต่พิงไปที่หลินจือ อธิบายให้เลย์ล่าฟังอย่างไม่เหลืออะไรอีกแล้ว:“ฉันไม่สนว่าเธอจะทำยังไง สรุปคือฉันกับหลินจือชอบผู้ชาย”
เลย์ล่าตอบ:“งั้นฉันจะลองแถลงลงดู”
เลย์ล่าพูดอีกว่า:“ใช่สิ ช่วงนี้เธอไปมีปัญหาอะไรกับซูซี?เพราะฉันสืบได้ว่าพวกแบล็กเมล์เหล่านี้มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นซูซีที่หาคนมาทำ”
นานิได้ยินชื่อของซูซีก็โกรธ:“ใครทำอะไรเธอล่ะ ยัยแรดแบบนั้นฉันขี้เกียจจะสนด้วยซ้ำ”
หลินจือที่อยู่ข้างๆได้ยินชื่อของซูซีก็เข้าใจทันที เธอพูดเบาๆกับนานิ:“ต้องเพราะฉันแน่”
ซูซีจะต้องพาลเกลียดไปด้วยแน่ เพราะว่าไม่ถูกชะตากับเธอดังนั้นเลยเกลียดนานิไปด้วย
และเป็นไปได้ว่าจงใจจะเล่นงานเธอ แต่นานิซวยไปด้วย
แต่ไม่ว่าอย่างไร แผนของซูซีนี้เรียกได้ว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ทำให้เธอเสียหาย และยังทำให้นานิที่กำลังดังติดอยู่กับการต่อสู้ทางสังคมที่ดุเดือด
เธอยังดี แต่เป็นแค่คนเขียนบทไม่มีชื่อเสียง อาจมีแค่คนที่รู้จักเธอเท่านั้นที่จำได้ว่าคนในรูปคือเธอ แต่นานิซวยมาก
นานิกัดฟันพูดไปว่า:“ซูซียัยแพศยานี่ ทางที่ดีอย่าให้ฉันจับจุดอ่อนอะไรเธอได้เลย ไม่งั้นแม่ทูลหัวฉันเอาเธอตายแน่”
หลังจากนานิโทรศัพท์กับเลย์ล่าเสร็จ หลินจือจึงพูดอย่างขอโทษไปว่า:“ขอโทษนะ ทำเธอเหนื่อยไปด้วย”
นานิไม่ชอบให้เธอพูดแบบนี้ พูดอย่างไม่ใส่ใจสุดๆ:“มีอะไรให้ขอโทษกัน พวกเรารู้อยู่แก่ใจตัวเองก็พอแล้ว”
นานิด่าด้วยความโกรธ:“ซูซีประสาทเหรอไง?เธอไม่ได้จะแต่งงานกับเทาเท่แล้วเหรอ?หรือว่าแต่งไม่ได้แล้ว?”
“ฉันจะรอวันที่เธอฝันสลาย แล้วฉันจะเหมาจุดดอกไม้ไฟที่นอกสถานที่หลายวันเพื่อนฉลองให้เธอเลย”
หลินจือ:“……”
ทันใดนั้นนานิก็เอนตัวไปกอดหลินจือแล้วพูดด้วยสายตาที่ดูเสียใจมาก:“ถ้าตอนสี่สิบพวกเราสองคนยังไม่แต่งงาน พวกเรามาอยู่ด้วยกันเถอะ”
“ได้สิ”หลินจือตอบตกลงอย่างมีความสุข
จากประสบการณ์แต่งงานที่ล้มเหลวและน่าเศร้ากับเทาเท่ ตอนนี้หลินจือไม่คาดหวังกับความรักและแต่งงานแล้ว เธอยังคิดว่าอยู่คนเดียวแบบนี้ไปตลอดชีวิตก็ไม่แย่
นานิเงียบไปสักพัก แล้วพึมพำอย่างเศร้าๆ:“เขาไปต่างประเทศตั้งหลายปี ปีนี้ควรกลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ?”
หลินจือรู้ว่า“เขา”ที่นานิพูดถึงคือใคร จึงตอบไปเบาๆว่า:“อือ”
นานิพูดเยาะเย้ยตัวเองอีกครั้ง:“เธอว่า เขายังเกลียดฉันไหม?”
ผู้ชายที่นานิชอบ ชื่อนัตสึ เป็นเพื่อนมอปลายของพวกเธอ
นานิเป็นคนเรียนไม่เก่ง นัตสึเป็นเด็กเรียน ทั้งสองเคยคบกันลับๆแบบรักกันมาก
ต่อมานัตสึทิ้งโอกาสไปเรียนต่างประเทศเพื่อนานินานิเลิกกับเขาเพื่อให้เขามีอนาคตที่สดใส เพื่อให้เขาไปต่างประเทศ
ตั้งแต่นั้นมาทั้งสองก็กลายเป็นความเจ็บปวดที่ไม่สามารถบรรยายได้ของกันและกัน นัตสึก็ไม่พอใจนานิ
ตอนนี้หลินจือเผชิญหน้ากับคำถามของนานิเวลานั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
รถโดยสารส่วนตัวจอดลงที่บ้านของเทาเท่แล้วหลินจือก็ลงจากรถ จากนั้นนานิก็ไปที่สตูดิโอ
หลินจือยืนอยู่หน้าประตูที่แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง สูดหายใจลึกๆแล้วจึงกรอกรหัสเข้าไป
ตอนเข้าไปในบ้านหลินจือก็ตะลึงงันไปหมด นึกไม่ถึงว่าเทาเท่จะจัดของในบ้านเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ยังเป็นอย่างที่เธอจัดไว้ก่อนหย่า
หลินจือต้องยอมรับว่า คุณภาพทางจิตใจของเทาเท่ช่างแข็งแกร่งมาก ใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้นึกไม่ถึงว่าจะไม่เป็นไรเลย
หรือจะพูดอีกอย่างว่า เขาไม่เคยสนใจเธอ ดังนั้นก็ไม่สนใจเรื่องที่เกี่ยวกับเธอ
คิดถึงตรงนี้แล้วหลินจือก็หลับตาลงอย่างเศร้าสร้อยและรีบขึ้นไปชั้นบน หาอัลบั้มรูปสองอันของตัวเองในตู้เซฟห้องทำงานเจอแล้วก็รีบไป
เธอเพิ่งเดินไปถึงทางเข้า ที่ประตูก็มีเสียงดังขึ้นมา เทาเท่เปิดประตูเดินเข้ามาจากด้านนอก
เขาสวมเสื้อเชิ้ตลำลองสีเทาดำ ดูผอมไปเล็กน้อย
จอนห์ตามอยู่ด้านหลังเขา ที่มือถือกระเป๋าเดินทางไซส์เล็ก น่าจะเป็นของที่เทาเท่ใช้อยู่ในโรงพยาบาล
เพราะว่าหลินจือตกใจมากไป จึงยืนอยู่ที่เดิมสักพักยังไม่ได้สติคืนมา
เขาไม่ได้บอกเหรอว่าสองสามวันนี้จะอยู่ที่โรงพยาบาล?ทำไมจู่ๆก็กลับมา?
จอนห์อธิบายอย่างประจวบเหมาะ:“วันนี้ประธานเทาเท่ออกจากโรงพยาบาล”
หลินจือจึงได้สติคืนมา ตอบรับไปเบาๆแล้วก้มหน้าจะออกไป อย่างไรก็ตามร่างสูงใหญ่ของเทาเท่ก็มาขวางตรงหน้าประตูไว้ เธอได้แต่หันไปด้านข้างให้เขาเข้ามาก่อน