หลินจือคิดว่าเทาเท่จะเดินผ่านเธอแล้วเข้าประตูไปเลย ใครจะไปรู้ว่าเทาเท่กลับสั่งจอนห์ว่า:“นายกลับไปเถอะ”
จอนห์ตอบ แล้วเอากระเป๋าเดินทางในมือยื่นให้เทาเท่จากนั้นหันกลับออกไป
ดังนั้นตรงทางเดินเลยเหลือแค่หลินจือกับเทาเท่สองคน บรรยากาศจึงเงียบลงไปเล็กน้อยทันที
หลินจือรู้สึกถึงสายตาของเทาเท่ที่มองไปยังใบหน้าเธอ เธอจำต้องเงยขึ้นมองเขา พูดนิ่งๆ:“ฉันเอาอัลบั้มรูปมาแล้ว ขอบคุณที่คุณช่วยเก็บให้ฉัน”
หลังจากขอบคุณแล้วเธอจึงพูดอีกว่า:“ฉันไปก่อนนะ”
เธอพูดจบก็ก้มหน้าจะเดินผ่านเทาเท่ออกไป แต่เท้ายาวๆของเทาเท่ขยับไปด้านข้าง ขวางทางที่เธอไป
หลินจือมองไปที่เขาอย่างไม่เข้าใจ เอากระเป๋าในมือเทาเท่วางบนตู้ที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นเข้าใกล้เธอก้าวหนึ่ง
หลินจือคิดไม่ถึงว่าจู่ๆเขาจะเข้าไปใกล้ จึงถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ
เพราะว่าในมือยังกอดอัลบั้มรูปหนาๆสองอันไว้ ดังนั้นเธอเลยยืนไม่มั่นคง เซลงไปนั่งตรงที่เปลี่ยนรองเท้าอันใหญ่ด้านหลัง
เทาเท่ถือโอกาสโน้มตัว ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มปกคลุมทั้งตัวเธอไว้
หลินจือยอมรับว่า ตาสบตาใกล้ชิดกับเทาเท่แบบนี้ ในดวงตามีแต่คิ้วที่เข้มและใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม เธอก็ยังใจเต้นแรง แต่……ไม่ตกลงไปอีกแล้ว
เพราะเธอรู้ดี รักเขาจะเจ็บปวดเสียใจแค่ไหน ดังนั้นต้องรักษาสติไว้ให้ดี
มือของเทาเท่ลูบไล้แก้มอันบอบบางของเธออย่างตามอำเภอใจโดยไร้ความเกรงกลัว พูดอย่างมีความหมาย:“หลินจือ เล่นกลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับมาตั้งนาน ควรสิ้นสุดลงได้แล้ว
หลินจือถามอย่างไม่เข้าใจ:“อะไร?”
นิ้วหัวแม่มือของเทาเท่วางอยู่บนริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอ พร้อมกับกระซิบอย่างคลุมเครือ:“ผมบอกว่า คุณกลับประเทศมาตั้งนาน เอาแต่เล่นกลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับต่อหน้าผม ควรสิ้นสุดลงได้แล้ว”
“คุณก็ทำสำเร็จแล้ว ตอนนี้ผมสนใจภรรยาเก่าอย่างคุณมาก”
ถ้าบอกว่าวินาทีเมื่อกี๊หลินจือยังมึนงงกับความอ่อนโยนอย่างกะทันหันของเทาเท่ งั้นในตอนนี้คำพูดของเขาก็เหมือนน้ำเย็นที่ราดลงบนหัวเธอ ทำให้หัวใจเธอเยือกเย็นลงทันที
เธอไม่ใช่แค่ได้สติคืนมา แต่ยังโกรธจนตัวสั่น
เธอแบ่งเขตอย่างชัดเจนกับเขา เขากลับคิดว่าเธอกำลังใช้กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับ?
ที่แท้ หย่าไปหนึ่งปี เธอก็ยังเป็นคนเจ้าแผนการในใจเขาอยู่
แต่ว่า ใครให้ความมั่นใจกับเขากัน ทำให้เขาคิดว่าเธอยังเป็นห่วงเขา ยังอยากกลับมาอยู่ข้างกายเขา?
เพราะว่าน้อยใจและโกรธน้ำตาในดวงตาเธอจึงก่อตัวมากขึ้น แต่เพื่อเกียรติของตัวเองแล้ว เธอจึงอดกลั้นไว้
เธอจ้องเทาเท่ที่ดูมั่นใจ ยกมุมปากขึ้นอย่างเยาะเย้ย:“คุณคิดว่าฉันกำลังทำกลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับคุณ?”
“หรือว่าไม่ใช่?”เทาเท่พูดอย่างมั่นใจ“ผู้จัดการของนานิช่วยเธอแถลง บอกว่าในใจเธอกับนานิต่างมีผู้ชายสมบูรณ์แบบที่ชอบแล้ว ไม่มีเรื่องชอบผู้หญิงอะไรทั้งนั้น”
หลินจือตะลึง ก้มหน้าลงหยิบโทรศัพท์ออกมา
ข่าวนี้ขึ้นฮอตเสิร์ช แป๊บเดียวก็เห็นแล้ว
คำแถลงของเลย์ล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่นานิถูกลือว่าชอบผู้หญิงในตอนเช้าคือ:“นานิกับหญิงสาวที่ถูกถ่ายได้เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ เป็นมิตรภาพที่แน่นหนาตั้งแต่สมัยมอปลาย และ ทั้งสองคนต่างก็มีชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบที่ชอบกันอยู่ในใจแล้ว ได้โปรดอย่าปล่อยข่าวลือ หากมีคนยังตั้งใจปล่อยข่าวลือและก่อปัญหาอีกต่อไป จะดำเนินการทางกฎหมายเพื่อเป็นการรับผิดชอบ ”
ที่แท้ ความมั่นใจของเทาเท่ก็มาจากคำพูดนี้
เพราะว่าเธอไม่ใช่คนในวงการ ดังนั้นเรื่องนี้เธอไม่สน เธอเชื่อว่าเลย์ล่าจัดการได้ดี
กลับคิดไม่ถึงว่า คำนี้ทำให้เทาเท่คิดว่าเธอยังนึกถึงเขา
หลินจือเก็บโทรศัพท์ เงยมองชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง แววตามีประกายความเยาะเย้ย:“ดังนั้น คุณคิดว่าผู้ชายสมบูรณ์แบบที่ฉันชอบอยู่ในใจ คือคุณ?”
ความเยาะเย้ยในดวงตาของเธอทำให้เทาเท่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเล็กน้อย:“ไม่ใช่หรือไง?”
หลินจือปฏิเสธไปโดยตรง:“แน่นอนว่าไม่ใช่!”
เธอเงยขึ้นสบตากับเขา สายตาเธอชัดเจนและแน่วแน่ :“ผู้ชายที่เก่งและโดดเด่นอยู่รอบตัวฉันมากมาย ทำไมฉันต้องแสวงหาการกดขี่ ไปชอบคนในอดีตที่ดูถูกและทำร้ายฉันด้วยล่ะ”
ใบหน้าของเทาเท่ดูแย่ลงทันที และรู้สึกอายเล็กน้อย
เขาเย่อหยิ่งถือตัวมาเสมอ เดิมทีเขาสงสัยว่าเธอยังพอมีใจให้เขา พออ่านคำแถลงของเลย์ล่าแล้วก็ยิ่งมั่นใจในแนวคิดนี้มากขึ้น
ดังนั้นจึงไม่สนว่าหมอจะคัดค้านแต่ยังยืนกรานจะออกจากโรงพยาบาล รีบมาขวางเธอไว้
แต่ตอนนี้เธอกลับพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่าเธอไม่คิดถึงเขาเลย และยังบอกว่าเขาเป็นคนในอดีตอะไรนั่นอีก
เขานึกถึงคำที่เธอเคยบอกว่าเดินหน้าไม่คิดถอยหลัง จากนั้นความโกรธก็พุ่งเข้าใส่หัวของเขา
ราวกับจะลงโทษเธอที่ช่างพูดจา เขาเงยคางเธอขึ้นแล้วจูบลงอย่างแรง จากนั้นเอาเธอไปชิดกับกำแพงด้านหลัง กดขี่ใส่ริมฝีปากอันอ่อนนุ่มของเธอไปมา
มองออกว่าเขาโกรธหนักมาก หลินจือรู้สึกว่าริมฝีปากของตัวเองถูกกัดจนเจ็บ
แต่สำหรับเธอที่ตอนนี้พยายามแบ่งแยกความสัมพันธ์กับเทาเท่ จูบของเทาเท่เป็นความอัปยศที่บีบคั้นหัวใจสำหรับเธอ
เธอก็ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน ผลักชายหนุ่มที่จูบเธอออกไปทันที และน้ำตาก็รินไหลออกมาอย่างร้อนๆด้วยความไม่พอใจ
ที่จริงท้องของเทาเท่ยังไม่สบายเท่าไหร่นัก ถูกเธอผลักและเดินเซไปสองสามก้าวแบบนี้ เอวด้านหลังกระแทกไปที่มุมโต๊ะข้างๆ เจ็บปวดจนทำให้เขาเหงื่อไหล
เขายืนหน้าบึ้งจับเอวอยู่ตรงนั้น สายตาดูเหมือนจะบีบคอหลินจือให้ตาย
หลินจือไม่สนว่าเขาจะมีสีหน้าอย่างไร ยกมือขึ้นปาดน้ำตา ถืออัลบั้มรูปของตัวเองแล้วยืนขึ้นมา
“เทาเท่ ฉันชอบใคร ก็ไม่มีทางชอบคุณอีก”
“ระหว่างพวกเรา ความรักถูกทำลายลงความรู้สึกตายจากไป หยุดลงแค่นี้พอ”
เธอพูดสองคำนี้จบ ก็กอดอัลบั้มรูปวิ่งร้องไห้ออกไป
เทาเท่เกร็งกรามและยืนตรงที่เดิม รู้สึกหงุดหงิดแต่ในขณะเดียวกันก็ผิดหวังอย่างมาก
เขาเคยเห็นบทโครงร่างกับสรุปที่เธอเขียน รู้ว่าเธอมีพรสวรรค์ในงานเขียน แต่ไม่รู้ว่าที่เธอพูดมาแต่ละคำช่างน่าฟังเหลือเกิน
ความรักถูกทำลายลงความรู้สึกตายจากไป หยุดลงแค่นี้พอ
เธอเจ๋งจริงๆ
จนกระทั่งตอนนี้ ในที่สุดเขาก็แน่ใจว่า เธอไม่ได้คิดถึงอะไรเขาสักนิด และเธอก็ไม่ได้ใช้กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับเขา เธออยากแบ่งแยกกับเขาอย่างชัดเจน
ทั้งหมดเป็นความทะนงตัวเย่อหยิ่งของเขา มโนคิดไปเองทั้งนั้น
หลินจือกอดอัลบั้มรูปแล้วเรียกรถกลับไปที่คอนโดเธอ เธอร้องไห้ตลอดทาง
ตัดสินใจหย่ากับเทาเท่และหลังจากหย่ากันเสร็จสิ้น เธอก็ไม่เคยร้องไห้เสียใจขนาดนี้
พอนึกถึงที่เทาเท่พูดว่าเธอกำลังใช้กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับ เธอก็โกรธแทบตาย
เขาคงไม่รู้สินะว่า โคลของเขาเคยวางแผนตั้งท้องปลอมบังคับให้เธอหย่ากับเขา?
เขาคงไม่รู้สินะว่า ข่าวลือมั่วนิ่มในตอนเช้าของเธอกับนานิเป็นแผนการของโคลของเขา?
แผนการบ้าบอไอ้ห่าเอ๊ย!
เป็นครั้งแรกในรอบกว่ายี่สิบปีที่หลินจือสบถคำหยาบออกมาอย่างหงุดหงิด
หลังจากถึงบ้านหลินจือก็ล้างหน้าก่อนแล้วนั่งหน้าคอมจดจ่อกับการเขียนต้นฉบับอย่างจริงจัง ทันใดนั้นในใจเธอก็เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ไม่สิ้นสุด
เธอจะเปลี่ยนความเศร้าโศกและความโกรธให้เป็นพลัง เธอจะฟันฝ่าขวากหนามในเส้นสายคนเขียนบทกลายเป็นคนมีชื่อเสียง เธอจะเหยียบย่ำความเย่อหยิ่งของเทาเท่ไปที่ใต้เท้าแรงๆ