หลังจากทะเลาะกับเทาเท่จนต่างเมินต่อกัน หลินจือก็เอาแต่หมกตัวเขียนงานอยู่ที่บ้าน
เธออยากรีบเขียนบทให้เสร็จ และให้กองถ่ายรีบถ่ายทำ รีบเสร็จสิ้นกับการเกี่ยวข้องกับเทาเท่นี้สักที
ถึงแม้เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่สมจริงเท่าไหร่ เพราะว่าถึงเธอส่งต้นฉบับไป ระหว่างถ่ายทำเกิดปัญหาทางกองก็ต้องเรียกหาเธอ แต่ถ้าเสร็จสิ้นไวขึ้นหน่อย ก็จะได้แยกกับเทาเท่เร็วขึ้นไม่ใช่เหรอ?
โดยปกติแล้วบทละครตอนหนึ่งจะมี 12000~15000 ตัว อดกลั้นไว้ โดยทั่วไปแล้วหลินจือจะเขียนวันละตอน เขียนจนเวียนหัว
วันนั้นเธอได้รับสายของเนมา“หลินช่วงนี้เรื่องที่พวกเรากำลังเตรียมกองถ่าย เจอปัญหาบางอย่าง อยากคุยกับคุณสักหน่อย ไม่งั้นพวกเรามากินข้าวกันตอนเที่ยงดีไหม?”
“ค่ะ คุณบอกที่อยู่ได้เลย”หลินจือตอบกลับไป
ในละครเรื่องหนึ่ง ผู้กำกับกับคนเขียนบทพูดคุยถึงพล็อตถือเป็นเรื่องปกติ
และเธอก็เขียนจนเหนื่อยล้าพอดี จึงอยากออกไปผ่อนคลายเล็กน้อย
จากนั้นเนมาก็บอกที่อยู่เธอ อยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งของสถานถ่ายภาพยนตร์เมืองเจสเวิร์ด หลินจือเก็บของเล็กน้อยแล้วเรียกรถไป
พอถึงห้องส่วนตัวหลินจือก็เคาะประตูเข้าไป ตอนที่เห็นชายวัยกลางคนคนนั้นที่นั่งอยู่ข้างเนมา ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยทันที
ผู้ชายคนนั้นคือผู้ช่วยผู้กำกับคนหนึ่งของเนมา หลินจือได้ยินนานิบ่นถึงผู้ช่วยผู้กำกับคนนี้กับเธอบ่อยๆ สับปลับและลามก ไม่รู้ว่าเอาเปรียบนักแสดงสาวๆไปกี่คนแล้ว
แน่นอนว่า นักแสดงสาวที่ดังๆเขาไม่กล้ายุ่งด้วย
แต่นักแสดงวัยรุ่นสาวๆที่เพิ่งเข้ามา หรือว่าผู้หญิงที่นิสัยอ่อนโยนรังแกง่าย เมื่อเผชิญหน้ากับล่วงละเมิดของเขาก็ได้แต่กล้ำกลืนความโกรธเอาไว้
หลินจือมองผู้ชายคนนั้น ในใจก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดี
ครั้งที่แล้วที่ทานข้าวกับเนมา มือของเนมาเกือบลูบเอวเธอ เธอกลับไปก็ยังรู้สึกกลัวขึ้นมาอยู่นาน
ครั้งนี้ออกมาเธอตั้งใจสวมอย่างมิดชิด เสื้อแขนยาวสบายๆหลวมๆกับกางเกงยีนขายาว ไม่โชว์ผิวใดๆทั้งนั้น กลัวว่าเป็นเพราะตัวเองสวมชุดแบบนั้นจึงทำให้พวกผู้ชายมีเจตนาไม่ดี
หลังจากเธอทักทายพวกเขาแล้วก็จำต้องเดินไปนั่ง จากนั้นมือของผู้ช่วยผู้กำกับคนนั้นก็วางบนไหล่เธอ
สายตาของชายหนุ่มมองไปที่ใบหน้าอันสวยงามของเธอตามอำเภอใจอย่างไม่เกรงกลัวใคร:“หลินปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว?ผิวนุ่มขนาดนี้ มีน้ำมีนวล”
เขาพูดไปก็พยายามยื่นมือไปลูบหน้าของหลินจือ หลินจือทนไม่ไหวจึงลุกขึ้นหลบ
เธอพยายามฝืนยิ้มออกไป:“ขอโทษนะคะ ฉันขอตัวไปห้องน้ำหน่อย”
หลินจือออกจากห้องมาแล้วอย่างแรกก็โทรหานานิบอกนานิเรื่องที่ตัวเองเจอผู้ช่วยผู้กำกับสุดสับปลับคนนั้น
นานิเตือนขึ้นมาทันที:“เธอหาข้ออ้างปลีกตัวละกัน ผู้ชายคนนั้นน่าขยะแขยงมากๆ”
หลินจือปวดหัวมาก:“แต่ต่อไปพวกเรายังต้องรู้จักกันทั้งเรื่อง คงไม่ดีถ้าไปมีเรื่องกับพวกเขา”
นานิเป็นดาราดังแล้ว สามารถเมินผู้ชายหน้าด้านพวกนี้ได้ แต่เธอต่างกัน
เธอก็มีความสามารถพิเศษเป็นคนเขียนบทตัวเล็กๆเท่านั้น ยังไม่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง เธอเลยไม่กล้ามีเรื่องกับใคร
นานิพูด:“ตอนนี้ฉันก็ปลีกตัวไม่ได้ ไม่งั้นฉันไปเป็นเพื่อนเธอได้แล้ว ”
นานิถูกเลือกเป็นพระชายาเรียบร้อยแล้ว กินข้าวกับผู้กำกับและคนเขียนบทจึงเป็นเรื่องปกติมาก
หลินจือคิดเล็กน้อยแล้วพูด:“ฉันโทรหาประธานเจเทาวน์ละกัน”
“ถึงเจเทาวน์จะมา อย่างน้อยก็ต้องครึ่งชั่วโมงแหนะ”นานิปฏิเสธคำเสนอของเธอ
จากนั้นนานิก็พูดอย่างมีความสุขว่า:“แบบนี้ละกัน เธออยู่ในห้องน้ำอีกพักหนึ่งนะ ฉันคิดได้ว่าวันนี้โจมอนก็มาแคสงานแถวนี้พอดี ฉันจะให้เขาไปช่วยเธอ อย่างช้าที่สุดก็น่าจะสิบนาทีถึง”
หลินจือถอนหายใจยาวๆ:“ดีจัง”
นานิวางสายแล้วก็ติดต่อโจมอน แต่หลินจือกลับหลบอยู่ในห้องน้ำต่อ
ถึงเธอไม่อยากข้องเกี่ยวกับโจมอนมากนัก กลัวทำเขาเหนื่อยไปด้วย แต่สถานการณ์แบบนี้ในวันนี้เธอถึงทางตันแล้วจริงๆ
เธอคิดไม่ถึงว่าผู้ช่วยผู้กำกับสับปลับคนนั้นก็อยู่ด้วย และไม่สามารถหักหน้าพวกเขาได้โดยตรง
ถึงแม้เจเทาวน์จะสนับสนุนเธอ แต่ตอนนี้เธอทะเลาะกับเทาเท่นักลงทุนรายใหญ่ ถ้าเธอขัดแย้งกับพวกผู้กำกับ เทาเท่จะต้องอาศัยอำนาจส่วนรวมนี้มาแก้แค้นส่วนตัวกับเธอแน่
“พี่ เดี๋ยวผมจะไปเดี๋ยวนี้ พี่ยืนหยัดไปก่อนนะ”โจมอนส่งเสียงให้เธอในวีแชท หลินจือจึงถอนหายใจเบาๆ
มีเพื่อนเยอะก็มีหนทางแก้เยอะจริงๆ
แต่ว่าเธอเอาแต่หลบอยู่ในห้องน้ำไม่ออกมาก็ไม่ใช่ เพราะว่าเนมาโทรมาเร่งเธอแล้ว
ดูตำแหน่งของโจมอน อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้ว หลินจือจึงสูดหายใจลึกๆแล้วกลับไปที่ห้องส่วนตัว
แต่เธอคิดไม่ถึงว่าเธอเพิ่งเข้ามาในห้องส่วนตัว ผู้ช่วยผู้กำกับก็เข้ามาบล็อกเธอโดยตรง
หลินจือถอยไปติดกำแพง เธอเหลือบมองเนมาที่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ใส่ใจอะไรเพราะเห็นว่าไม่เกี่ยวกับตัวเอง จึงกัดฟันถามผู้ช่วยผู้กำกับ:“คุณทำอะไรน่ะ?”
“จะกังวลขนาดนี้ทำไมกัน?”ผู้ช่วยผู้กำกับคนนั้นหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเข้ามาใกล้เธอ“หลินคุณให้ผมชิมของดีสิ ผมรับรองว่าต่อไปบทไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสักนิด”
หลินจือพูดอย่างดูถูก:“บทที่ดีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน”
“และก็ วันนี้ฉันเพิ่งรู้ว่า ที่แท้พวกคุณสองคนก็ปฏิบัติเช่นนี้กับเพื่อนร่วมงานผู้หญิง ไม่รู้ว่าประธานเจเทาวน์กับประธานเทาเท่รู้แล้วจะมองพวกคุณอย่างไร”
ผู้ช่วยผู้กำกับหัวเราะอย่างเย่อหยิ่ง:“ฮีโร่มักสูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เพราะหลงใหลในตัวหญิงสาว ไม่ว่าพวกเราจะทำงานอย่างไร ก็มีคนปกปิดให้พวกเรา”
หลินจือฟังจบก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา มีคนปกปิดให้พวกเขา?
ผู้ช่วยผู้กำกับคนนั้นพูดอีกว่า:“นี่แหละความโหดร้ายของจริง ถ้าคุณรับไม่ได้ ก็ถอนตัว”
หลินจือกัดฟัน ยกมือขึ้นผลักผู้ช่วยผู้กำกับ:“ปล่อย”
“นี่ ดูไม่ออกเลยนะ ว่าจะขี้โมโหแบบนี้”ผู้กำกับคนนั้นพูดไปก็กดแขนทั้งสองข้างของหลินจือไปด้วย พยายามเข้ามาจูบหลินจือ
โจมอนผลักประตูเข้ามาเวลานี้พอดี เห็นท่าทางสับปลับของผู้ช่วยผู้กำกับคนนั้น จึงต่อยทันที จนผู้ช่วยผู้กำกับคนนั้นล้มลงไปที่พื้น
หลินจือตกใจ รีบไปดึงโจมอน“พอได้แล้วอย่าตีเลย หยุดเดี๋ยวนี้!”
อย่างไรก็ตามโจมอนที่มีแต่ความโกรธก็ลุกขึ้นอย่างไม่สนใจ ขี่บนตัวผู้ช่วยผู้กำกับคนนั้นแล้วต่อยไปแรงๆอีกครั้ง
“โจมอน!”เนมาก็ตกลงจนพุ่งเข้ามา เรียกโจมอนให้เขาหยุด
โจมอนที่ยังหนุ่มและแข็งแรง ออกแรงที่แขนผลักเนมาไปอีกด้าน แล้วปล่อยหมัดไปที่ตัวของผู้ช่วยผู้กำกับอีกครั้ง
สุดท้ายก็เป็นผู้ช่วยผู้กำกับคนนั้นที่ร้องไห้ขอร้อง:“อย่าทำเลยๆ”
“ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะล่วงละเมิดคุณ เป็นซูซีที่ให้พวกเราทำแบบนี้ เธอให้พวกเราทำอย่างไรก็ได้ให้ไล่คุณออกไปจากกองถ่ายนี้……””
หลังจากโจมอนได้ยินชื่อซูซีนี้ ก็ชะงักไปทันที จากนั้นหันไปมองหลินจือที่อยู่ข้างๆ
หลินจือก็ดูไม่อยากจะเชื่อนัก
ทำไมซูซีต้องทำขนาดนี้?
บทเธอก็เปลี่ยนตามความต้องการของซูซีแล้ว และเธอก็หย่ากับเทาเท่แล้ว และยังคอยอยู่ห่างๆเขาอีก ทำไมซูซียังต้องพุ่งเป้ามาที่เธออย่างร้ายกาจด้วย?