เมื่อมองไปที่ยามร่างใหญ่ทั้ง 8 ที่แบกกล่องใหญ่ 4 กล่องเข้าไปในห้อง จี้เทียนซิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแสดงรอยยิ้มอันขมขื่น
“องค์หญิงน้อย เจ้าคิดจะทำอันใดไม่ทราบ ?”
องค์หญิงน้อยจี้เค่อบุ้ยปากของนางทันทีและกล่าวด้วยน้ำเสียงแปลกๆว่า “อะไรกัน พี่ใหญ่เทียนซิง ท่านมิต้อนรับผู้คนแล้วหรือไร ?”
“ฮึ ! สงสารผู้ที่เสียเงินเสียทองซื้อของพวกนี้ แถมยังต้องขนมาให้ถึงบ้านอีก”
จี้เทียนซิงโบกมือเป็นพัลวันพลางกล่าว่า “ที่ไหนกันเล่า องค์หญิงน้อยอุตส่าห์มาเยือนทั้งที ข้าจะไม่ต้อนรับเจ้าได้อย่างไร ?”
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็มองไปที่คนทั้ง 7 ที่อยู่ด้านหลังองค์หญิงน้อยและถามด้วยความสับสนว่า “เค่อเค่อ คนพวกนี้….. ?”
“อ๋อ พวกนี้หรือ แน่นอน พวกมันเป็นของขวัญที่เราเจ้าหญิงมอบให้ท่านไง !”
องค์หญิงน้อยเงยพระพักตร์ขึ้นมองไปที่ชายหนุ่มด้วยใบหน้าจิ้มลิ้มและเผยรอยยิ้มที่จริงใจออกมา
แค่ก แค่ก……
ทันทีที่องค์หญิงน้อยเอ่ยวาจาเหล่านั้นออกมา ชาย 6 คนที่มีใบหน้าหล่อเหลาในกลุ่มก็มีสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความตื่นตระหนก พวกมันทำท่าแกล้งไอ แค่กๆ เพื่อกลบเกลื่อน
“โอ้…… เหมือนข้าจะสื่อความหมายผิดไปหน่อย”
องค์หญิงน้อยรีบอธิบายต่ออย่างรวดเร็วว่า “พี่ใหญ่เทียนซิง ข้าได้ทราบว่าท่านได้รับบาดเจ็บ แต่น่าเสียดายท่านหมดสติไป หลังจากนั้นข้ามาอีกครั้ง สาวใช้ก็บอกว่าท่านไปธุระข้างนอก กว่าจะได้พบท่านก็ไม่ใช่เรื่องง่าย”
“ดังนั้น วันนี้รู้ว่าท่านอยู่บ้าน ข้าจึงขนบรรดายอดฝีมือและหมอประจำราชสำนักของข้าเพื่อให้พวกมันมารักษาท่าน พี่ใหญ่เทียนซิง ท่านมั่นใจได้เลย ข้าจะหาทางช่วยให้ท่านหายขาดให้จงได้ !”
จี้เทียนซิงอึ้งไปครู่หนึ่ง ที่แท้องค์หญิงน้อยมาที่บ้านสกุลจี้ก็เพื่อเรื่องนี้นี่เอง
ชายหนุ่มรู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจ มันเผยรอยยิ้มอันอ่อนโยนและกล่าวกับองค์หญิงน้อยว่า “นับตั้งแต่ที่ข้าประสบเหตุ ผู้คนรอบกายเพียงมองข้าเหมือนตัวตลก ไม่มีวันใดที่พวกมันไม่อยากให้ข้าตกตาย”
“แต่สำหรับเจ้า เค่อเค่อ ข้ามิคิดเลยว่าเจ้าจะยังเป็นห่วงเป็นใยข้าเหมือนเดิม…”
องค์หญิงน้อยมองไปที่มันด้วยสีหน้าจริงจังและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “พี่ใหญ่เทียนซิง ท่านต้องเชื่อข้า ไม่ว่าจักเวลาใดหรือตอนไหน ไม่ว่าท่านจะทุกข์ทรมานเพียงใดข้าก็จะไม่มีวันทอดทิ้งท่าน ข้าจดจำท่านได้เสมอ ข้าจี้เค่อจะยังเป็นห่วงเป็นใยและอยู่ข้างท่านตลอดไป !”
ถึงแม้ว่าในสายตาของจี้เทียนซิง องค์หญิงน้อยจี้เค่อจะยังเป็นสาวน้อยที่ยังไม่โต แต่มันก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าองค์หญิงน้อยนางนี้เต็มไปด้วยความจริงใจและมั่นคงต่อมัน ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีกลิ่นอายของความรักซุกซ่อนอยู่ในวาจาอีกด้วย
ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมองค์หญิงน้อยมักชอบที่จะพัวพันกับมันและชอบหนีออกจากวังมาเล่นกับมันเป็นประจำ ไม่ผิดแน่, นั่นก็เพราะนางมีสิเน่หาต่อมันนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มันมีพันธะสัญญาหมั้นหมายตบแต่งกับหลิงหยุนเฟยและมันก็ชอบพอนางอย่างมากเช่นเดียวกัน ดังนั้นองค์หญิงน้อยจึงทำได้เพียงเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ในใจ
เมื่อมันคิดถึงเรื่องนี้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพยักหน้า “เค่อเค่อ ขอบคุณเจ้าแล้ว”
องค์หญิงน้อยฉีกยิ้มอันอ่อนหวานและคล้องแขนมันเข้าไปในห้อง
“พี่ใหญ่เทียนซิง ข้าได้ยินมาว่าหลิงหยุนเฟยมาที่ตระกูลจี้เมื่อหลายวันก่อนเพื่อขอยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย ข้าอยากจะบอกให้ท่านเลิกรากับนางตั้งนานแล้ว !”
“พี่ใหญ่เทียนซิง ท่านไม่ต้องสนใจและไม่ต้องเสียใจเพื่อนาง ท่านเป็นชายหนุ่มที่โดดเด่นที่สุดในสายตาข้า หลิงหยุนเฟยต่างหากที่ไม่คู่ควรกับท่าน !”
“ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดไว้แล้ว สตรีนางนี้มีแรงจูงใจซ่อนเร้น นางเข้ามาใกล้ท่านเพื่อผลประโยชน์ พอท่านหมดประโยชน์ก็เขี่ยทิ้ง นางช่างเป็นสตรีที่ต่ำช้านัก !”
เมื่อกล่าวถึงหลิงหยุนเฟย องค์หญิงน้อยก็เผยสีหน้าที่ทั้งเศร้าทั้งเกลียดชัง อารมณ์ที่ปรากฏบนใบหน้าอันน่ารักของนางกลายเป็นเย็นชา
ทันทีที่นางกล่าวถึงหลิงหยุนเฟย แววตาของจี้เทียนซิงก็ฉายแสงเย็นยะเยือก แต่มันก็ดับวูบลงไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งคู่เข้าไปในห้องและนั่งลงพูดคุยสัพเพเหระอีกสองสามคำ จากนั้นองค์หญิงน้อยก็บอกให้หมอและผู้เชี่ยวชาญหลายคนทำการวินิจฉัยอาการของจี้เทียนซิง
จากการแนะนำขององค์หญิงน้อย จี้เทียนซิงจึงได้รู้ว่าชายชราผมขาวผู้นี้เป็นหมอประจำราชวงศ์ของนางนั่นเอง
และชายหนุ่มหล่อเหลาอีกหลายคนที่อยู่นอกห้องก็มิสามัญธรรมดาเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้เชี่ยวชาญยุทธ์และโอสถทั้งหลายที่ประสบความสำเร็จสูงมากในสาขาของตน
สำหรับกล่องหนักใหญ่โตทั้ง 4 ต่างก็บรรจุไว้ด้วยเม็ดยาวิญญาณและโอสถวิเศษ ตลอดจนวิชายุทธ์และวัสดุหลอมสร้างนับไม่ถ้วน
สิ่งของในกล่องทั้ง 4 นี้มีมูลค่าอย่างน้อยก็ห้าล้าน !
สำหรับเจตนาอันหวังดีขององค์หญิงน้อย จี้เทียนซิงตอบปฏิเสธไปและอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “เค่อเค่อ ข้าเข้าใจความหวังดีของเจ้า แต่ข้าเคยไปพบหมอที่มีความสามารถสูงส่งมาก่อนแล้ว ร่างกายของข้ามิได้อ่อนปวกเปียกอย่างที่เจ้ากังวล ตราบใดที่ข้าพักผ่อนเต็มที่ ไม่นานมันก็จะหายดีไปเอง”
องค์หญิงน้อยมุ่นหัวคิ้วจากนั้นก็พยักหน้า ถึงแม้นางจะเป็นห่วงมันมากก็ตาม แต่ก็คงเป็นเรื่องไม่เหมาะสมหากจะบังคับอีกฝ่ายมากเกินไป ดังนั้นนางจึงบอกให้บรรดาแพทย์และยอดฝีมือที่ยกโขยงมา ล่าถอยออกไปก่อน
“เอาล่ะ พี่ใหญ่เทียนซิง ในเมื่อท่านไม่ต้องการหมอหรือยอดฝีมือเพื่อวินิจฉัย งั้นข้าจะมอบกล่องบรรจุสารพัดยาและโอสถบำรุงให้ท่าน ท่านต้องยอมรับมัน ไม่งั้น… ข้าจะถือว่าท่านไม่เห็นข้าเป็นสหาย !”
จี้เทียนซิงได้เห็นทัศนคติที่เด็ดขาดและดื้อรั้นไม่เลิกราของนาง มันทำได้เพียงหัวเราะและพยักหน้าตอบรับ
องค์หญิงน้อยยิ้มเล็กน้อยและกล่าวกับมันว่า “พี่ใหญ่เทียนซิง ข้าเคยถามท่านพ่อและหมอหลวงมาก่อน ข้าทราบมาว่ามีสมุนไพรชนิดหนึ่งที่สามารถช่วยให้ท่านฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว!”
“มันอยู่ในเทือกเขาเย่ มันเรียกว่าดอกไม้ดาราแดงซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าปรากฏขึ้นเพียงครั้งเดียวในทุกๆ 60 ปี ดอกไม้ชนิดนี้สามารถซ่อมแซมตันเถียนและเส้นชีพจรที่บอบช้ำเสียหาย ตลอดจนช่วยเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้กับยอดยุทธ์ได้เป็นอย่างมาก”
“เสด็จปู่ของข้าตันเถียนเสียหายตั้งแต่เยาว์วัย ท่านไม่อาจฝึกฝนพลังต้นกำเนิดได้ชั่วชีวิต จากนั้นหลังจากท่านได้ดอกไม้ดาราแดงมาก็สามารถซ่อมแซมตันเถียนและบ่มเพาะจนถึงเขตแดนเชื่อมปราณได้”
“พี่ใหญ่เทียนซิง หมอหลวงบอกกับข้าว่าดอกไม้ดาราแดงเบ่งบานเพียงแค่ 6 วัน ดังนั้น อีกเหตุผลหนึ่งที่ข้ามาหาท่านก็เพื่อจะแวะไปตามหาดอกไม้นั้นเพื่อช่วยท่าน”
เมื่อจี้เทียนซิงได้ยินคำพูดของนาง ในใจเขาก็รู้สึกอึดอัดและสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “เค่อเค่อ เจ้าไม่อาจไปยังเทือกเขาเย่ได้ ที่นั่นคือป่าแห่งความตายที่มีชื่อเสียง !”
“เทือกเขาเย่เต็มไปด้วยภยันตรายสูงมาก ที่นั่นมีสัตว์ร้ายและสัตว์อสูรที่ทรงพลังมากมาย เพียงประมาทเล็กน้อยเจ้าก็อาจจะตายได้ !”
“และสืบเนื่องจากการที่ดอกไม้ดาราแดงกำลังจะปรากฏขึ้น ที่นั่นย่อมต้องเต็มไปด้วยกองกำลังมากมาย ถึงเวลานั้นยอดฝีมือของทุกฝ่ายจะรวมตัวกันและมันจะเป็นอันตรายยิ่งขึ้น”
องค์หญิงน้อยฉีกยิ้มและกล่าวว่า “พี่ใหญ่เทียนซิง เรื่องนั้นท่านไม่ต้องห่วง ข้าพายอดฝีมือมามากมายปกป้องข้า !”
“ในเมื่อท่านได้รับบาดเจ็บจนระดับฝึกฝนลดไปอยู่ที่ขั้นปรับแต่งกายา ท่านไม่ควรติดตามข้าไปยังเทือกเขาเย่ ท่านนอนพักผ่อนรอฟังข่าวดีจากข้าที่นี่ก็แล้วกัน !”
จี้เทียนซิงเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและพยายามโน้มน้าวให้องค์หญิงน้อยล้มเลิกความคิด อย่างไรก็ตาม นางเป็นเด็กหัวแข็งเมื่อตัดสินใจไปแล้วย่อมไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ เห็นได้ชัดว่านางวางแผนและเตรียมการล่วงหน้าไว้แล้ว
หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ องค์หญิงน้อยก็ปลอบโยนชายหนุ่มอีกสักพัก จากนั้นก็อำลาจากไป
หลังจากส่งองค์หญิงน้อยเสร็จ จี้เทียนซิงก็กลับไปที่ห้อง
มันมองไปที่กล่องใหญ่ 4 กล่องที่วางกองเอาไว้ ในนั้นเต็มไปด้วยโอสถล้ำค่าและสมุนไพรที่ช่วยในการบำรุงรักษา มันเผยรอยยิ้มอย่างขมขื่นและสั่นหัว
*“*องค์หญิงน้อยผู้นี้ ช่างดีต่อข้าเหมือนเดิม… นางรีบมุ่งหน้าไปเทือกเขาเย่เสียแล้ว หวังว่านางจะไม่พบเจออันตราย”
“ข้าก็ต้องไปที่เทือกเขาเย่เช่นกัน แต่ข้าต้องเก็บไว้เป็นความลับและไม่อาจบอกผู้ใดได้… ”
หลังจากนั้นไม่นานจี้เทียนซิงก็แบกกล่องทั้ง 4 ที่องค์หญิงน้อยมอบให้เอาไปไว้ในห้องฝึกลับใต้ดิน
มันเปิดกล่องและดูและพบว่าในนั้นเต็มไปวิชายุทธ์และวัสดุต่างๆมากมายรวมไปถึงขวดหยกสีขาวหลายสิบขวดพร้อมกับโอสถ
น่าเสียดายที่เม็ดยาและโอสถส่วนใหญ่เป็นประเภทเสริมสร้างและฟื้นฟู ไม่มีโอสถสำหรับเสริมความแข็งแรงของเส้นชีพจรแม้แต่น้อย
ในเวลากลางคืน จี้เทียนซิงก็ออกจากห้องลับและกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน หลังจากหลับเต็มอิ่มไปคืนหนึ่ง เช้าวันถัดมาชายหนุ่มก็จัดเตรียมสัมภาระในการเดินทางและออกจากตระกูลจี้อย่างเงียบงัน เพื่อมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาเย่