เห็นแก่ตัว โดย Ink Stone_Fantasy
“วิธีการอะไร?” เหมียวอี้สงสัยใคร่รู้
แต่ช่วยไม่ได้ที่อวิ๋นจือชิวทำท่าทางเหมือนเก็บความลับสุดยอด ไม่ยอมบอกกล่าว พลิกตัวนอนหนุนแขนเขา ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มทั้งสองคน กอดที่หน้าอดของเขา แล้วบอกเพียงว่า “ดึกมากแล้ว นอนเถอะ!”
การได้กอดผู้ชายของตัวเองแล้วนอนหลับอย่างอุ่นใจ คือสิ่งที่นางโปรดปรานที่สุด เมื่อตัวเขาอยู่ในอ้อมกอดตัวเองจริงๆ ถึงจะรู้สึกอุ่นใจ หัวใจที่กังวลมาหลายร้อยปี ในที่สุดก็ปล่อยวางได้แล้ว ในที่สุดก็ได้ได้พักผ่อนอย่างไร้กังวล ไม่อย่างนั้นก็มักจะโดนฝันร้ายพัวพันเสมอ บางครั้งถึงขนาดเหงื่อกาฬออกทั่วตัวยามที่ฝึกตนด้วยซ้ำ
“อย่าทำแบบนี้สิ! บอกข้ามาว่าเรื่องเยียนเป่ยหงเป็นยังไงกันแน่ ถ้าเจ้าไม่พูดให้ชัดเจน ในใจข้าก็จะกังวลเรื่องนี้อยู่ตลอด” เหมียวอี้พูดพร้อมผลักหัวนางเบาๆ
“เยียนเป่ยหง…” อวิ๋นจือชิวเหลือบตาขึ้นมองเขา แล้วถอนหายใจ “หนิวเอ้อร์ ข้าถามเจ้าหน่อย เจ้ารู้ความลับบนตัวเยียนเป่ยหงมากแค่ไหนกันแน่?”
เหมียวอี้ตะลึงงันทันที เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า “ทุกคนล้วนมีความลับ เรื่องบางเรื่องข้าก็ไม่สะดวกจะไปเสาะหารากเหง้า แต่บนตัวเขามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลจริงๆ…”
เหมียวอี้เล่าเรื่องที่เยียนเป่ยหงฝึกตนได้เร็วมาก จากนั้นก็ยากจะผ่านด่านทัณฑ์มารไปได้ ตนจึงช่วยไปคลี่คลายสถานการณ์ เล่าให้นางฟังอย่างคร่าวๆ
“ใช่แล้ว ความลับที่เขาไม่ยอมบอกเจ้า ถูกตาเฒ่าเฉียวจับได้แล้ว เจารู้รึเปล่าว่าเยียนเป่ยหงฝึกเคล็ดวิชาอะไร?”
“เคล็ดวิชาอะไร?”
“เขาฝึกตนโดยไม่อาศัยลูกแก้วพลังปรารถนา ไม่อาศัยพวกยาแก่นเซียน วิชาที่เขาฝึกเป็นวิชามารที่แปลกประหลาดมาก ยึดวรยุทธ์ของนักพรตคนอื่นมาเป็นของตัวเองโดยตรง หรือพูดได้อีกอย่างว่า เขาดูดกลืนวรยุทธ์ของนักพรตคนอื่นมาเป็นของตัวเอง วิธีการฝึกตนแบบนี้น่ากลัวเกินไปจริงๆ!”
“ดูดกลืนวรยุทธ์ของนักพรตคนอื่นเหรอ?” เหมียวอี้ได้ยินแล้วหวาดหวั่นพรั่นพรึง ในวินาทีนี้เหมือนเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เขานึกย้อนไปถึงตอนการปราบจลาจลทะเลดาวนักษัตร ภาพที่เยียนเป่ยหงทำอะไรบางอย่างกับศิษย์สำนักศรีเมฆาอย่างลับๆ ล่อๆ รวมทั้งเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในภายหลัง
“ใช่แล้ว! ตาเฒ่าเฉียวจับกุมตัวเขาทันที บังคับให้เขามอบเคล็ดวิชาฝึกตน แต่เยียนเป่ยหงยอมตายแทนที่จะทำตาม ถึงได้ถูกจับขังที่นภาจอมมาร ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นเจ้ากับเขามีความสัมพันธ์กันระดับนั้น เขาคงไม่มีชีวิตรอดหรอก! หลังจากข้าไปขอร้องให้ท่านปู่ปล่อยเขา และได้ทราบเรื่องแล้ว ตาเฒ่าเฉียวก็โน้มน้าวข้าว่าอย่าคิดมากอีก เยียนเป่ยหงมีวิธีการฝึกตนที่น่ากลัวขนาดนี้ ท่านปู่ไม่มีทางปล่อยไปแน่นอน ที่ไม่ฆ่าเขาทิ้งก็เพราะกลัวข้าลำบากใจตอนอยู่ต่อหน้าเจ้า ใครขอร้องก็ไม่มีประโยชน์!”
เหมียวอี้กลับพูดต่ออย่างแน่วแน่ว่า “ข้าจะต้องคิดหาทางช่วยเขาออกมาให้ได้!”
อวิ๋นจือชิวทำสีหน้าลำบากใจทันที “ตอนนี้เจ้าไม่มีความสามารถที่จะต่อกรกับท่านปู่ข้า เรื่องนี้ข้าช่วยเจ้าไม่ได้จริงๆ”
“พี่ใหญ่เยียนเคยช่วยชีวิตข้า ต่อให้ไม่พูดถึงเรื่องช่วยชีวิต ขอเพียงข้ามีปัญหา ขอแค่ข้าเอ่ยปาก พี่ใหญ่เยียนก็ไม่เคยพูดพร่ำทำเพลง ต้องช่วยแน่นอน พุ่งเป้ามาที่จุดนี้อย่างเดียวก็พอ ตอนนี้เขาประสบปัญหาแล้ว ข้าจะนิ่งดูดายได้อย่างไร?” เหมียวอี้พลิกตัว กดนางให้นอนอยู่ใต้ร่าง ง้างริมฝีปากนางออกแล้วจูบชิมรสอย่างลึกซึ้ง หลังจากถอนจูบ เขาก็จ้องมองดวงตางามของนางพร้อมบอกว่า “ไม่ต้องให้เจ้าช่วยหรอก แค่หาโอกาสเหมาะๆ แล้วเจ้าก็ไปนภาจอมมารเป็นเพื่อนข้าสักรอบ ช่วยข้าขอพบปู่เจ้าสักหน่อย ไม่อย่างนั้นเกรงว่าข้าจะพบเขาไม่ได้ ข้าจะคุยกับปู่เจ้าต่อหน้า จะต้องได้คุยกันดีๆ แน่นอน ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ข้าก็จะลองพยายามอย่างสุดความสามารถ”
แขนงามสองข้างยืนออกมาจากผ้าห่ม นางคล้องคอเขาเอาไว้ แล้วกล่าวด้วยแววตาเปี่ยมรัก “ท่านสามีมีคำสั่ง หม่อมฉันจะกล้าฝ่าฝืนได้อย่างไร!” นางเป็นฝ้ายยื่นหน้าขึ้นไปจูบบนริมฝีปากเขา จากนั้นก็โน้มเขาลงมาอยู่ในอ้อมอกของตัวเองด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง “ท่านสามี ข้าอยากคลอดลูกให้ท่านค่ะ…”
บรรยากาศถูกทำลายทันที! เหมียวอี้เหงื่อแตก รีบแยกออกจากตัวนาง แล้วเตือนว่า “เถ้าแก่เนี้ย เจ้าอย่าทำซี้ซั้วนะ สถานการณ์ของพวกเราในตอนนี้ไม่เหมาะจะมีลูกหรอก”
ไม่เครียดคงไม่ได้ คนในแดนฝึกตนมีพลังอิทธิฤทธิ์อยู่ในตัว การมีพลังอิทธิฤทธิ์นี้ก็มีข้อดีเหมือนกัน ไม่สร้างปัญหาความยุ่งยากได้ง่ายๆ เหมือนมนุษย์ธรรมดา แต่ก็มีข้อเสียเหมือนกัน หลังจากมีอะไรกันแล้ว จะตั้งท้องหรือไม่ตั้งท้อง อำนาจตัดสินใจก็อยู่ในมือฝ่ายหญิง ถ้าผู้หญิงไม่อยากตั้งท้อง แค่ร่ายอิทธิฤทธิ์จัดการนิดหน่อยก็ได้แล้ว แต่ถ้าอยากจะตั้งท้อง นั่นก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก
พอเห็นเขาทำท่าตกใจ อวิ๋นจือชิวก็หลุดขำ นางหัวเราะจนตัวสั่น นางเองก็รู้ว่าตอนนี้ไม่เหมาะจะมีลูก แต่เมื่อครู่นี้นางเพิ่งเกิดอารมณ์ซาบซึ้งใจ แค่พูดออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ก็เท่านั้น หลังจากได้สติกลับมาก็รู้ว่าไม่เหมาะที่จะมีลูกตอนนี้ ถึงแม้นางจะอยากมีลูกกับเหมียวอี้สักคนหนึ่งมากก็ตาม
เมื่อเห็นนางทำเหมือนล้อเล่น เหมียวอี้ที่ไม่ได้เตรียมใจกับเรื่องนี้ก็โล่งอก “เถ้าแก่เนี้ย ข้าถามอะไรเจ้าเรื่องหนึ่งสิ เคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานที่เจ้าฝึก เป็นเคล็ดวิชาที่ไม่สมบูรณ์รึเปล่า?”
“เคล็ดวิชาที่ไม่สมบูรณ์เหรอ? จะเป็นไปได้อย่างไร! ข้าเพียงฝึกเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานมาไม่ครบก็เท่านั้นเอง เพราะข้าออกจากนภาจอมมารมานานมากแล้ว ข้าฝึกแค่หนึ่งในสามของเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานที่ท่านปู่ถ่ายทอดให้ ส่วนพวกผู้ใหญ่นตระกูลข้าก็ฝึกสองในสามส่วน อย่างมากไม่เกินสามในสี่ส่วน คนที่ฝึกได้ทั้งหมดมีเพียงท่านปู่ของข้า จะว่าไปแล้วก็ต้องขอบคุณท่านสามีที่เก่งกาจ ถ้าไม่เพราะท่านสามีหาผลไม้เซียนมาได้เยอะขนาดนั้น ข้าจะไปบรรลุวรยุทธ์ถึงระดับบงกชทองเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร”
“เจ้าเข้าใจความหมายผิดแล้ว ความหมายที่ข้าจะสื่อก็คือ เคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานที่ท่านปู่ของเจ้าฝึกไม่สมบูรณ์หรือเปล่า ตอนหลังยังมีระดับที่สูงกว่านี้อีกหรือเปล่า?”
“ระดับที่สูงกว่านี้เหรอ? ไม่เคยได้ยินท่านปู่พูดถึงนะ” อวิ๋นจือชิวถามอย่างระแวง “ทำไมจู่ๆ เจ้าถามเรื่องนี้ล่ะ?”
เหมียวอี้ยิ้มเจื่อน “เจ้าไม่รู้น่ะสิ ที่รอบนี้ข้าโดนขังอยู่ที่พิภพใหญ่สามร้อยกว่าปี เป็นไปได้สูงว่าจะเกี่ยวข้องกับเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานที่ตระกูลอวิ๋นของเจ้าฝึก”
“มันเรื่องอะไรกัน?” อวิ๋นจือชิวเอามือยันเรือนร่างท่อนบนที่เย้ายวนขึ้นมาอีกครั้ง แล้วเบิกตากว้างมองเขา
“พอไปถึงพิภพใหญ่ ถ้าก็เจอคนคนหนึ่งโดนฝูงมารปีศาจไล่สังหาร…” เหมียวอี้เล่าเรื่องที่ตัวเองโชคร้ายเจอจงหลีค่วยแล้วพลอยลำบากไปด้วยให้นางฟัง เล่าว่าตอนหลังถึงได้รู้ว่าจงหลีค่วยโดนไล่สังหารเพราะไปแย่งแผนที่ซ่อนสมบัติมา แผนที่ซ่อนสมบัตินั้นเกี่ยวข้องกับภาคดินที่อยู่ในสามภาคของเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทาน อันได้แก่ภาพฟ้า ภาคคน ภาคดิน
หลังจากฟังจบ อวิ๋นจือชิวก็เรียกได้ว่าทำสีหน้าระแวงสงสัย หลังจากครุ่นคิดพักใหญ่ สุดท้ายก็เอนกายลงในอ้อมอกเหมียวอี้อย่างช้าๆ “หนิวเอ้อร์ เกรงว่าเจ้าคงจะพูดถูกแล้ว สามารถกลายเป็นหกเคล็ดวิชาพิเศษของพิภพใหญ่ได้ ก็คงจะไม่ธรรมดาขนาดนั้น ดีไม่ดีสิ่งที่ท่านปู่ของข้าฝึกอาจจะเป็นแค่ภาคคนของเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานเท่านั้น ท่านปู่อยากจะขึ้นเรือมังกรอเวจีมาตลอด คงจะเป็นเพราะอยากตามหาเคล็ดวิชาต่อจากนั้น นี่อาจจะเป็นความลับที่อยู่ในใจของหกปราชญ์แต่ละคน”
พอพูดถึงตรงนี้นางก็ตกใจ ลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง ไม่สนใจเลยว่าเรือนร่างงดงามยั่วยวนใจจะเปิดเผยออกมาหมด นางจ้องเหมียวอี้พร้อมถามว่า “หนิวเอ้อร์ เจ้าคงไม่คิดจะนำความลับนี้ไปแลกกับตัวเยียนเป่ยหงหรอกใช่มั้ย?”
เหมียวอี้มีความคิดแบบนี้จริงๆ พยักหน้ายอมรับ
“ไม่ได้!” อวิ๋นจือชิวยื่นคำขาด “ถ้าเจ้าจะช่วยเยียนเป่ยหง ข้าก็จะไม่คัดค้าน เจ้าอยากจะให้ข้าช่วยเจ้าอย่างไร ข้าก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่จะให้ทางนภาจอมมารรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด ที่พิภพเล็กมีเจ้ากับข้าสองคนเท่านั้นที่รู้ความลับเรื่องนี้ได้ ห้ามให้มีบุคคลที่สามเด็ดขาด!”
เหมียวอี้งงมาก นึกไม่ถึงว่านางจะมีปฏิกิริยารุนแรงแบบนี้ เขาลุกขึ้นตรงหน้านางแล้วเช่นกัน “เถ้าแก่เนี้ย ทำไมข้ารู้สึกว่าเจากำลังป้องกันฝั่งนภาจอมมารล่ะ? ต่อให้นภาจอมมารจะได้เคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานที่ครบสมบูรณ์ไป แต่ก็น่าจะไม่ปฏิบัติกับเจ้าอย่างทารุณนะ? ข้ารู้สึกว่าที่จริงแล้วปู่ของเจ้ารักเจ้ามาก”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวว่าจะรักหรือไม่รักข้า ตอนท่านอาหญิงสามนำสินเดิมเจ้าสาวมามอบให้ เจ้าลืมไปแล้วเหรอว่านางพูดว่าอะไร? ข้าเป็นลูกสาวของตระกูลอวิ๋นนั้นไม่ผิดหรอก แต่ข้าเป็นลูกสาวของตระกูลอวิ๋นที่แต่งงานออกมาแล้วเช่นกัน ไม่มีทางที่พวกเขาจะนำทรัพยากรของตระกูลอวิ๋นมามอบให้ข้าอีก บนศีรษะข้าสวมแซ่ของสามีเอาไว้ ใครๆ ก็รู้ว่าข้าคือเหมียวฮูหยิน! หากตระกูลอวิ๋นมีข้าเป็นลูกสาวคนเดียว แบบนั้นอะไรๆ ก็ง่ายขึ้น แต่ตระกูลอวิ๋นคือหนึ่งวงศ์ตระกูล เมื่อเผชิญหน้ากับผลประโยชน์ของทั้งตระกูล ลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้วอย่างข้าไม่มีค่าให้เอ่ยถึงเลย เรื่องในตระกูลใหญ่แบบนี้ เจ้าอาจจะไม่เข้าใจชัดเจน แต่ข้ากลับมาจากในตระกูลนั้น เข้าใจถึงความสัมพันธ์อันร้ายกาจที่อยู่ในนั้นดีกว่าเจ้า ตั้งแต่วันที่ข้าแต่งงานกับเจ้า ข้าก็วาสนากับเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานระดับที่สูงกว่านี้ของตระกูลอวิ๋นแล้ว ตระกูลอวิ๋นไม่อาจเปิดเผยเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานให้ภายนอกรู้ได้ ถ้าสามารถหาเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานในระดับที่สูงขึ้นพบ ก็ต้องควบคุมไว้ในมือข้าเท่านั้น จะนำสิ่งนั้นไปแลกเปลี่ยนกับอะไร อำนาจการตัดสินใจก็ควรจะอยู่ในมือข้า หนิวเอ้อร์ เจ้าอย่าคิดนะว่าข้าเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ตัวบางอย่างจำเป็นต้องมีไว้บ้าง อย่าบอกนะว่าถ้ามีคนจะมานอนกับเมียเจ้า เจ้าก็จะให้? ตระกูลอวิ๋นคือตระกูลพ่อแม่ข้า การที่พวกเขาจะดูแลข้า ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในทำนองคลองธรรมอยู่แล้ว และการที่ข้าจะดูแลตระกูลพ่อแม่ของตัวเอง ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในทำนองคลองธรรมเช่นกัน ตราบใดที่ข้าสามารถทำได้ ข้าจะต้องทุ่มกำลังดูแลตระกูลอวิ๋นแน่นอน ความสัมพันธ์แบบนี้ไม่มีอะไรให้ตำหนิ หนิวเอ้อร์ ถ้าเจ้ากล้าทำผิดต่อตระกูลพ่อแม่ข้า ข้าจะเป็นคนแรกที่ไม่ปล่อยเจ้าไป แต่การทำแบบนี้ก็มีระดับของมัน ต่อให้พวกเขาดูแลข้า แต่ข้าก็ไม่อาจจะให้ลูกของข้าในอนาคตไปเหยียบอยู่บนหัวของตระกูลอวิ๋นได้ และข้าก็ทนไม่ไหวที่จะให้ลูกของข้าถูกตระกูลอวิ๋นควบคุม! ถ้าหาเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานในระดับที่สูงกว่านี้ไม่เจอก็ไม่เป็นไร ถ้าหาพบจะต้องกุมไว้ในมือข้าเท่านั้น ข้าจะเป็นคนตัดสินใจว่าควรจะใช้อย่างไร คนที่จะดูแลตระกูลอวิ๋นได้มีเพียงข้าเท่านั้น!”
ขณะที่พูดอวิ๋นจือชิวก็ดึงหูเหมียวอี้ “เจ้ายังมีหน้าจะให้ตระกูลอวิ๋นดูแลพวกเราไปตลอดเหรอ? เจ้าไม่ละอายใจเหรอถ้าจะอาศัยบารมีของตระกูลอวิ๋นไปตลอด? ให้ตระกูลอวิ๋นได้พึ่งบารมีเจ้าหน่อยไม่ได้รึไง? เจ้าให้ข้ามีหน้ามีตาสักหน่อยไม่ได้เชียวเหรอ? ทุกคนล้วนได้ผลประโยชน์ ก็แค่เปลี่ยนลำดับความสำคัญก็เท่านั้น ข้าเองก็ทำไปเพื่อเจ้า เข้าใจหรือยัง? ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อนนะ ถ้าเจ้ากล้านำความลับเรื่องเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานไปแลกกับเยียนเป่ยหง ข้าจะให้ทางนภาจอมมารฆ่าเยียนเป่ยหงก่อนเลย!”
“เจ้าใช้วิธีการนี้อีกแล้ว!” เหมียวอี้รู้สึกไม่ชอบที่นางเอาแต่บิดหูตัวเอง จึงเอามือดึงออก ก่อนจะนอนลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร ข้ายังมีอะไรจะพูดอีกล่ะ ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ได้ฝึกเอง ข้าแค่รู้สึกว่าคนตระกูลเดียวกันสู้กันไปสู้กันมาแบบนี้…เจ้าไม่เหนื่อยเหรอ?”
อวิ๋นจือชิวห่มผ้าพลางยกขาขึ้นมานั่งคร่อมบนเอวเขาเสียเลย นางเอาผ้าห่มห่อตัวไว้แน่น แล้วมองลงมาพลางกล่าวว่า “ข้าไม่เหนื่อย ข้าเต็มใจมาก เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะปิดตาข้างเดียวเพื่อดูเจ้าทำตัวไร้ความรับผิดชอบต่อไปแล้วกัน ถ้าข้าเข้าข้างตระกูล เจ้าที่ถูกขนาบอยู่ตรงกลางก็ลำบากใจ ให้ข้าออกหน้าจัดการให้จะเหมาะสมที่สุด เจ้าเป็นลูกเขยที่ดีไปเถอะ แค่จำไว้ว่าต้องเชื่อฟังเมียอย่างว่านอนสอนง่ายก็พอแล้ว…เจ้าหมายความว่ายังไง? กลอกตาทำไม? หรือรู้สึกว่าข้าพูดผิดตรงไหน?” มือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากผ้าห่ม บีบจมูกเหมียวอี้เอาไว้ “แกล้งตายทำไม! ข้าออกจะสวยงามเหมือนดอกไม้ ทั้งยังถอดเสื้อผ้าหมดแล้วด้วย คนมากมายอยากจะมองให้เป็นบุญตาแต่ก็ไม่มีโอกาส ลืมตาขึ้นมามองข้า!”
เหมียวอี้พูดไม่ออกมาก เริ่มตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรกที่วัดเมี่ยวฝ่า ผู้หญิงคนนี้ก็ปั่นหัวตนแล้ว ตอนหลังมาอยู่ที่โรงเตี๊ยมเมฆาวายุนางก็แกล้งเขาไม่หยุด ตอนนี้ขนาดแต่งงานกันแล้ว นางก็ยังไม่แก้นิสัยนี้อีก การอบรมของนภาจอมมารมีปัญหาชัดๆ! ตั้งแต่อวิ๋นเฟยหยางไปจนถึง…เขาเองก็ขี้เกียจจะนับ แต่ละคนดุเหมือนเสือกันทั้งนั้น
ดังนั้นการมาเถียงเรื่องนี้กับนางจึงไม่มีความหมายใดๆ รีบเปลี่ยนประเด็นสนทนาทันที “เถ้าแก่เนี้ย ข้าได้ของดีมาจากพิภพใหญ่ เจ้าอยากจะดูหน่อยมั้ย?”