บทที่ 48 เป็นตัวเลือกที่ดีในการคัดเลือกสามีคนที่สอง

รักหวานอมเปรี้ยว

เดิมทีมายมิ้นท์แกล้งทำเป็นหลับ เพื่อหลีกเลี่ยงการสนทนากับทามทอย

เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงโรงเรียนมัธยมอีจงเมืองเดอะซีแล้ว เธอจึงคลำหาโทรศัพท์โทรถามปีโป้ว่าอยู่ที่ไหน ทว่ากลับได้เห็นข่าวธุรกิจที่เด้งมาบนหน้าจอ

ที่แท้ก็เป็นข่าวของบริษัทตระกูลภักดีพิศุทธิ์บริษัทสาขาเมืองน้ำรุ้งเนื้อข่าวมีอยู่ว่าผู้บริหารระดับสูงของบริษัทได้ทำการยักยอกทรัพย์และหลบหนีไป จำนวนเงินมากถึงห้าร้อยล้าน จนเป็นเหตุให้เยี่ยมบุญเป็นลมล้มพับไป

ภาพที่แนบมาข้างล่างเป็นภาพขณะที่เยี่ยมบุญถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

เยี่ยมบุญถูกยักยอกทรัพย์อย่างนั้นเหรอ?

เยี่ยม!

ข่าวนี้ทำให้มายมิ้นท์ตบมืออย่างดีใจ ถึงขั้นอยากขอบคุณสองคนนั้นที่ยักยอกทรัพย์ของเยี่ยมบุญไป

ตั้งแต่ที่รู้ว่าตระกูลกิตติภัคโสภณล้มละลายมีส่วนเกี่ยวข้องกับเยี่ยมบุญ เธอก็พยายามหาทางรวบรวมหลักฐาน เพื่อล้างแค้นแทนพ่อของเธอ ทว่ากลับหาเบาะแสอะไรไม่ได้เลย

พอได้มาเห็นเยี่ยมบุญถูกหามเข้าโรงพยาบาล เธอจึงดีใจเป็นธรรมดา!

เมื่อรถขับมาถึงหน้าทางเข้าโรงเรียน ทามทอยก็จอดรถลงอย่างแน่นิ่ง ขณะที่ถอดเข็มขัดนิรภัย ยังถามมายมิ้นท์ขึ้นมาอีกว่า “คุณมาทำอะไรที่นี่? ผมจำได้ว่าหลังจากที่ตระกูลกิตติภัคโสภณล้มละลาย ตระกูลคุณก็ไม่มีญาติมิตรให้ไปมาหาสู่แล้วนี่นา”

มายมิ้นท์เหลือบมองเขา “คุณทามทอยใส่ใจฉันขนาดนี้เลยเหรอ? สืบค้นข้อมูลฉันมาหมดแล้วสิท่า?”

“เราต้องร่วมงานกัน เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ผมสืบค้นข้อมูลของคุณก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนี่” ทามทอยกระตุกริมฝีปากยกยิ้มเบาๆ “ทำไมเหรอประธานมายมิ้นท์ คุณคิดว่าผมชอบคุณเหรอ?”

“………..”

“คุณจะคิดอย่างนั้นก็ไม่แปลก” เขาลูบคางแล้วพูดว่า “ผู้ญิงที่หย่าแล้ว แถมยังเป็นเพื่อนที่ดีอีก ผมก็อยากลองดูอยู่นะ จะได้รู้ว่าแตกต่างกับผู้หญิงคนอื่นไหม”

“……..” เธอรู้สึกถ้าต้องเปรียบเทียบกับทามทอย ลาเต้ดูเป็นคนดีขึ้นมาเลย

มายมิ้นท์ไม่สนใจทามทอย เดินตรงไปบอกชื่อปีโป้กับยามหน้าประตูทางเข้า แล้วเขียนชื่อลงไปในช่องผู้ปกครอง

ในตอนนี้เองโทรศัพท์ก็สั่นเนื่องจากมีข้อความส่งเข้ามา เป็นข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชี

จำนวนตัวเลขที่ปรากฏ ทำเอามายมิ้นท์นิ่งอึ้งไปทันที

ร้อยล้าน?

คงไม่ใช่ว่าบริษัทไหนสักแห่งโอนค่าโครงการให้คู่สัญญา แต่ผลปรากฏว่าโอนผิดเข้าบัญชีเธอหรอกใช่ไหม?

ในขณะที่มายมิ้นท์กำลังฉงนอยู่นั้น ก็ได้รับข้อความที่ส่งมาจากราเม็ง

ราเม็ง:พี่ครับ ช่วงนี้ผมรับงานบ่อย เลยได้เงินมาเยอะ ผมใช้ไม่หมด พี่เอาไปใช้ด้วยสิ กันไว้เผื่อเงินบริษัทไม่พอ

มายมิ้นท์:นายเพิ่งไปบูร์บงได้ไม่นานเองนะ รับงานอะไรกัน ค่าตอบแทนสูงขนาดนี้เลยเหรอ?

ครั้งนั้นตอนที่ราเม็งไปเทนเดอร์กรุ๊ปกับเธอ เขาใช้น้ำเสียงนุ่มนวลเอาชนะผู้ถือหุ้นที่รับมือยากเหล่านั้นได้ ไหนจะตอนที่ไปห้างสรรพสินค้า ท่าทีเคารพนอบน้อมที่ผู้จัดการห้างมีต่อราเม็งยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของมายมิ้นท์

ยิ่งเมื่อเธอนึกถึงคำพูดที่ลาเต้พูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ เธอก็ยิ่งสงสัยในตัวของราเม็งขึ้นมา

เขาเป็นแค่นายแบบจริงๆเหรอ?

ไม่รอให้ราเม็งตอบกลับ มายมิ้นท์ก็ส่งข้อความไปอีกว่า :บริษัทตระกูลภักดีพิศุทธิ์ถูกผู้บริหารระดับสูงยักยอกทรัพย์ไป ราเม็ง เรื่องนี้เกี่ยวกับนายไหม?

ผ่านไปไม่กี่วินาที ราเม็งก็ตอบข้อความกลับมา:เงินของเยี่ยมบุญถูกยักยอกเหรอ? น่าสงสารจังเลย

ราเม็ง:พี่ครับ ผมเป็นแค่นายแบบ ไม่เข้าใจเรื่องราวธุรกิจ อีกอย่างผมก็ไม่ได้รู้จักกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทสาขาของตระกูลภักดีพิศุทธิ์สักหน่อย แล้วผมจะไปมีความสามารถสั่งให้พวกเขายักยอกทรัพย์ของเยี่ยมบุญได้ยังไง

ไม่นานราเม็งก็ส่งรูปแคปหน้าจอสัญญาฉบับหนึ่งมา

ราเม็ง:พี่ครับ นี่เป็นสัญญาที่ผมเซ็นกับบริษัทC พี่ดูจำนวนเงินสิ เท่ากันกับที่ผมโอนให้พี่หรือเปล่าล่ะ?

เมื่อมายมิ้นท์อ่านสัญญาอย่างละเอียด ถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก รู้สึกว่าตัวเองคิดมากเกินไป

มายมิ้นท์: ขอโทษนะราเม็ง นายเป็นห่วงฉันกับเทนเดอร์กรุ๊ปขนาดนี้ ฉันยังมาสงสัยว่านายทำอะไรผิดกฎหมายอีก ฉันผิดเองแหละ

ราเม็ง:ไม่เป็นไร พี่ครับ ผมไม่ได้กลับไปฉลองปีใหม่ที่เมืองเดอะซีพี่อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะ

มายมิ้นท์:อืม นายอยู่ต่างประเทศก็ระวังตัวเองด้วยล่ะ

“นายแบบคนนี้โอนเงินให้คุณร้อยล้าน ดูเหมือนจะแคร์คุณมากเลยนะ” มายมิ้นท์พลันสะดุ้งเมื่อมีเสียงของทามทอยดังขึ้นมาข้างหู “อายุยังน้อย แถมยังใจกว้าง เป็นตัวเลือกที่ดีในการคัดเลือกสามีคนที่สองเลยนะ”

“เขาเป็นน้องชายของฉัน” มายมิ้นท์กดออกจากหน้าต่างสนทนา แสดงสีหน้าไม่ค่อยดีต่อพฤติกรรมแอบดูของเขา “เงินพวกนี้คือเงินที่เขาซื้อหุ้นเทนเดอร์กรุ๊ป”

เธอจะใช้เงินของราเม็งอย่างสูญเปล่าไม่ได้ ถึงตอนนั้นค่อยโอนสิทธิ์ถือหุ้นของเทนเดอร์กรุ๊ปให้เขาแล้วกัน

“เขาฉลาดดีนี่ รู้จักอาศัยความใกล้ชิดคว้าผลประโยชน์ซะด้วย” ทามทอยจิ๊ปาก “ประธานมายมิ้นท์ หุ้นขายยังไง ผมขอซื้อบ้างได้ไหม?”

ประธานมายมิ้นท์ไม่สนใจเขา หลังจากที่เอ่ยถามยามว่าโรงยิ,อยู่ที่ไหน ก็หันหลังเดินออกไปทันที

ภายในโรงยิม ตั้งแต่สิบโมงเช้าจนถึงตอนนี้ ครูฝึกที่มาจากทีมชาติได้มีการจดชื่อนักเรียนที่มีจุดแข็งเอาไว้แล้วหลายคน เหลือแค่พูดคุยกับทางผู้ปกครอง

มีแค่ผู้ปกครองของปีโป้ที่ยังมาไม่ถึง

ครูฝึกมองเวลา จากนั้นก็เดินมาทางปีโป้ “ปีโป้ ฉันให้เวลานายมาจะครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ทำไมผู้ปกครองนายยังไม่มาอีกล่ะ?”

ปีโป้เพียงแค่หันมองออกไปนอกโรงยิม ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา

เขาโทรไปหามายมิ้นท์ตั้งแต่เช้า แต่มายมิ้นท์ก็ตัดสายเขาตลอด จนตอนนี้อีกฝ่ายก็ยังไม่มา ดูท่าแล้วคงไม่คิดจะช่วยเขาจริงๆ

“นายเป็นต้นกล้าที่ดีและมีศักยภาพ ฉันถูกใจนายมาก แต่ว่าฉันก็อยากคุยกับผู้ปกครองของนายก่อน”

ครูฝึกตบบ่าของเด็กหนุ่ม เอ่ยพูดด้วยท่าทางเสียดาย “ถ้าคนในครอบครัวไม่อนุญาตให้นายเล่นบาส ฉันก็ทำอะไรไม่ได้”

ปีโป้กำหมัดแนน ผ่านไปนานถึงได้พูดเสียงเบาว่า “คุณรออีกสักหน่อยไม่ได้เหรอ ผมจะโทรไปอีก…..”

“ปีโป้ ครูฝึกเขาให้เวลานายหนึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ผู้ปกครองของนายก็ยังไม่มา เห็นได้ชัดว่าไม่สนับสนุนให้นายเล่นบาส” มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “ฉันว่านายอย่าเสียเวลาครูฝึกเขาเลย ให้เขากลับไปพักผ่อนเถอะ!”

ข้างๆเขายังมีผู้ชายหลายคนอยู่ด้วย ต่างก็เป็นคนที่ได้เซ็นสัญญาเข้าฝึกกันทั้งนั้น ในเวลานี้ใบหน้าของทุกคนต่างประดับไปด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจ

“…………” ปีโป้ถลึงตาใส่คนที่พูด

“ถลึงตาใส่ฉันทำไม หรือว่าฉันพูดแทงใจดำนาย?” เด็กผู้ชายคนนั้นหัวเราะคิกคักออกมา แถมยังเยาะเย้ยปีโป้ว่า “เฮ้อ! เป็นคุณชายตระกูลนวบดินทร์ไม่เห็นจะดีตรงไหน มีแต่ปล่อยให้คนในครอบครัวมาบงการ ขนาดจะเล่นบาสยังเล่นไม่ได้”

ขณะที่พูด เขาก็ส่ายหน้าไปด้วย “น่าสงสารจริงๆ น่าสงสารสุดๆ”

ผู้ชายข้างๆหัวเราะออกมา

“นายพูดอีกทีซิ!” ปีโป้ตะคอกใส่ผู้ชายคนนั้น โกรธจนแทบพุ่งเข้าไปหาเรื่องพวกเขา

“นี่แกจะทำอะไร จะทำร้ายลูกฉันเหรอ?” แม่ของผู้ชายคนนั้นมาขวางเขาเอาไว้ เท้าสะเอวถลึงตาใส่ปีโป้ “เด็กเปรต อย่าคิดว่าเป็นคนของตระกูลนวบดินทร์แล้วฉันจะกลัวแกนะ กล้าแตะต้องลูกฉันก็เข้ามาสิ!”

ครูฝึกรีบเข้ามาขวางปีโป้ พร้อมกับไกล่เกลี่ยสถานการณ์ “เอาล่ะๆ ในเมื่อเซ็นสัญญาแล้ว พวกนายกับผู้ปกครองก็…….”

“เด็กน้อย ฉันว่านายต่างหากที่น่าสงสาร” เสียงเย็นๆของผู้หญิงคนหนึ่งสอดแทรกเข้ามา

นักเรียนและผู้ปกครองในโรงยิมต่างหันไปทางหน้าประตูทางเข้า จากนั้นก็เห็นผู้หญิงหุ่นสูงเพรียวสวมใส่เสื้อคลุมสีดำเดินเข้ามา แผ่รังสีความอบอุ่นและนิ่งสงบ ข้างหลังของเธอยังมีชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่ดูหล่อเหลามีเอกลักษณ์

เมื่อเห็นว่าเป็นมายมิ้นท์ ตาของปีโป้ก็เป็นประกายในทันที ทว่าเมื่อมองไปยังทามทอยที่ตามมาข้างหลัง ทั้งร่างกายก็รู้สึกเครียดเกร็ง

ให้ตาย ผู้หญิงคนนี้บอกพี่ชายเขาแล้วงั้นเหรอ?

ทามทอยมาจับตัวเขากลับไป?

แม่ของเด็กผู้ชายคนนั้นเลิกคิ้วขึ้น ถลึงตาใส่มายมิ้นท์ “เมื่อกี้เธอว่าใครน่าสงสาร?”

“ว่าคุณไง แล้วก็ลูกชายของคุณด้วย” มายมิ้นท์หยุดยืนอยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น ริมฝีปากสีแดงกระตุกขึ้น “น้องชายของฉันเป็นคุณชายตระกูลนวบดินทร์แน่นอนว่าต้องมีดีอยู่แล้ว มีทรัพย์สมบัติให้ผลาญเล่นเป็นร้อยๆล้าน อยากทำอะไรก็ไม่ต้องลงมือทำเอง”

มายมิ้นท์เชิดคาง แล้วเอ่ยถามเด็กผู้ชายคนนั้น “เด็กน้อย เคยนั่งเฮลิคอปเตอร์สักครั้งไหม?”

เด็กผู้ชายคนนั้นส่ายหัวโดยอัตโนมัติ “ไม่เคย…..”

“น่าสงสารจัง แค่เฮลิคอปเตอร์ยังไม่เคยนั่ง” มายมิ้นท์ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ก็นะ พ่อแม่นายทำงานได้เงินแค่ไม่เท่าไหร่เอง นายต้องไม่เคยเข้าใจคำว่าเสพสุขอยู่แล้วล่ะ ในอนาคตนายยังต้องทำงานให้คนอื่นอีกใช่ไหมล่ะ”