บทที่284 หนาวเกินไปแล้ว
คุณพระ ถึงแม้จะไปขโมยเงินมา ก็ต้องขโมยอีกนานเลยนะ?

คัมภีร์ซือจิงมีค่ามาก เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าเลย แต่หนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงเยอะเกินไปแล้ว

ไฟความแค้นในใจขององค์หญิงตังตังลุกโชนขึ้น แต่ก็ไม่กล้าเพิ่มราคาอีก

กู้ชูหน่วนมองดูด้วยสายตาได้ใจ แล้วพูดหยอกล้อว่า “แขกผู้มีเกียรติชั้นบน ทำไมเหรอ ไม่มีเงินเลยไม่กล้าเพิ่มราคาเหรอ? ในเมื่อไม่มีเงิน ก็รีบกลับบ้านไปจะดีกว่านะ อย่ามาทำให้ขายหน้าตรงนี้ เพราะยังไงก็ไม่เคยเห็นเจ้าจะประมูลของอะไรได้เลย แค่เอาแต่เพิ่มราคามั่วๆก็เท่านั้น”

องค์หญิงตังตังที่ตอนแรกอยากจะยอมแพ้ แต่พอได้ยินนางพูดแบบนี้ ไฟแห่งความโกรธก็ลุกโชนปะทุขึ้นอีกครั้ง ตะโกนไปอย่างไม่สนใจว่า “หนึ่งร้อยหกสิบล้านตำลึง”

ครั้งนี้นางจะเพิ่มราคาไปสิบล้านตำลึง

เสี่ยวลวี่แทบจะสลบเหมือด

พอตะโกนออกไปแล้ว องค์หญิงตังตังก็เสียใจเล็กน้อย

เงินมากมายขนาดนี้ นางจะเอามาจากไหนกัน

ถ้าเสด็จแม่รู้เขา จะต้องด่านางตายแน่เลย

องค์หญิงตังตังหวังว่ากู้ชูหน่วนจะเพิ่มราคาอีกครั้ง แต่กู้ชูหน่วนกลับชูนิ้วโป้งให้นาง “แขกชั้นบนกล้าหาญมาก คัมภีร์ซือจิงไม่กี่เล่มกลับยอมจ่ายถึงราคาหนึ่งร้อยหกสิบล้านตำลึง ข้านับถือใจยิ่งนัก ในเมื่อแขกชั้นบนชอบคัมภีร์ซือจิงเล่มนี้ งั้นข้าก็จะยอมเสียสละให้เจ้าก็แล้วกัน”

เปรี้ยง……

องค์หญิงตังตังรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงกลางกระหม่อม เกือบช็อตนางจนตาย

กู้กู้กู้……กู้ชูหน่วนยอมแพ้งั้นเหรอ?

นางยอมแพ้แล้ว? งั้นคัมภีร์ซือจิงก็เป็นของนางน่ะสิ?

ร่างกายโซเซ องค์หญิงตังตังพยุงโต๊ะไว้ถึงประคองตัวเองไว้ได้

ไม่เคยมีสักครั้งที่นางอยากให้คนอื่นเพิ่มราคาอีกครั้ง แต่ทั้งงานกลับเงียบสงบกันหมด มีแค่พิธีกรเสี่ยวลู่ขยับปากไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่

องค์หญิงตังตังอยากจะโขกหัวให้ตายไปเลย

นางรู้สึกว่าตัวเองถูกกู้ชูหน่วนแกล้งอีกแล้ว

อ๋องเจ๋อขมวดคิ้วแน่นเป็นปม

เสด็จน้องของเขาโดนกู้ชูหน่วนหลอกอีกแล้วสินะ

กู้ชูหน่วนไม่คิดที่จะประมูลคัมภีร์ซือจิงด้วยซ้ำ นางแค่ตั้งใจหลอกล่อให้องค์หญิงตังตังมาแย่งประมูลไป

หนึ่งร้อยหกสิบล้านตำลึง……

นี่ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆเลยนะ ก่อนหน้านี้ไทเฮาก็โดนกู้ชูหน่วนหลอกเอาเงินไปจนหมด ตอนนี้คงไม่เหลือสมบัติมากเท่าไหร่แล้วล่ะ

ครั้งนี้……

นอกจากจะเอาจากคลังหลวงแล้ว ไม่งั้นพวกเขาไม่มีทางเอาเงินมากมายพวกนั้นออกมาได้แน่

ซ่างกวนฉู่หัวเราะ มองดูกู้ชูหน่วนอย่างสนใจ

อี้เฉินเฟยยิ้มอย่างเอ็นดู ดวงตาอ่อนโยนคู่นั้นมองกู้ชูหน่วนไม่ละสายตา

คนรับใช้ของเขาลูบหน้าอกตัวเองแล้วพูดว่า “ยังดีๆ ยังดีที่แม่นางกู้ยอมแพ้เสียก่อน ไม่งั้นเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึง หากพวกเราจ่ายให้จริงๆ คงได้กระอักเลือดตายแน่”

กู้ชูหยุนอดไม่ได้ลูบอกตัวเองอย่างตกใจ

ยังดีที่นางยอมแพ้ไปเสียก่อน

ไม่งั้นนางได้ตกลงไปในกับดักของกู้ชูหน่วนแน่

หนึ่งร้อยหกสิบล้านตำลึง ครั้งนี้องค์หญิงตังตังได้ล้มละลายเป็นแน่ และเลวร้ายกว่าอ๋องเจ๋ออีก

องค์หญิงตังตังไม่พอใจ นางตะโกนไปว่า “ข้าไม่ประมูลแล้ว เมื่อกี้ข้าตะโกนผิดไป หนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงให้นาง เอาคัมภีร์ซือจิงให้นางเถอะ”

ฮือฮา……

บรรยากาศทั้งงานเปลี่ยนไปทันที ขนาดสายตาของพิธีกรยังเปลี่ยนไปเลย ประกายไปด้วยความเยือกเย็นที่เย็นเข้ากระดูก

“แขกชั้นบน เจ้าคิดว่าที่จัดงานประมูลเฟิงเซียงเป็นที่ที่เจ้าจะมาก่อเรื่องได้ง่ายๆงั้นเหรอ?”

“ข้า……ข้าออกเงินสิบล้านตำลึงได้ แต่ที่เหลือหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงไปเอากับนางนู้น” องค์หญิงตังตังชี้ไปยังกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนกะพริบตาเหมือนคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิด “เมื่อกี้ข้าอยากจะจ่ายเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงเพื่อประมูลคัมภีร์ซือจิง แต่ตอนนี้ข้าไม่อยากได้แล้ว น้ำใจในครั้งนี้ของเจ้า ข้าขอน้อมรับไว้ คัมภีร์ซือจิงดีขนาดนี้ เจ้าเก็บไว้ใช้เองเถอะ อย่าปฏิเสธข้าเลย”

“เจ้าแกล้งข้างั้นรึ”

“ข้าแกล้งเจ้ายังไงกัน? ข้าไม่ได้บังคับให้เจ้าเพิ่มราคาสักหน่อย แล้วสุดท้ายคนที่ประมูลได้คือเจ้า ไม่ใช่ข้าเสียหน่อย”

องค์หญิงตังตังโกรธจนหน้าดำหน้าแดง นางมองไปยังพิธีกรเสี่ยวลู่ แล้วพูดว่า “ผู้หญิงคนนี้ตั้งใจแกล้งข้า นางตั้งใจเพิ่มราคาสูงๆ อยากหลอกให้ข้ามาตัดกับดักนาง พวกเจ้าไปเอาเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงกับนาง ข้าใจดีแถมอีกสิบล้านตำลึงให้ก็ได้”

เสี่ยวลู่หัวเราะประชด “คนที่แกล้งคงไม่ใช่แขกหมายเลขยี่สิบแปดหรอก แต่เป็นเจ้ามากกว่า เมื่อกี้ตอนที่แขกหมายเลขยี่สิบแปดเสนอราคาอยากจะแย่งประมูล ข้าจำได้ว่าเจ้าก็ตะโกนออกมาไม่น้อยเหมือนกันนี่? ถ้าอย่างนั้นข้าขอเดาว่า เจ้าตั้งใจเพิ่มราคาเพื่อหลอกให้นางเสียเงิน?”

พอพูดจบ เสี่ยวลู่ก็ลูบเส้นผมที่ทัดอยู่หลังหู พูดด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ว่า “และในเมื่อเป็นงานการประมูล จะเพิ่มราคาก็ไม่ได้ผิดกฎอะไร เจ้าติดกับของคนอื่นเอง พูดได้เพียงว่าเจ้าไม่ระวังเอง จะโทษคนอื่นไม่ได้ หรือว่าเจ้าอยากผิดคำพูด”

องค์หญิงตังตังถูกตอกกลับจนพูดไม่ออก

จึงต้องเปิดเผยตัวตนของตัวเอง “ข้าเป็นองค์หญิงตังตังแห่งแคว้นเย่ ลูกสาวแท้ๆของไทเฮา น้องสาวแท้ๆของฮ่องเต้ พวกเจ้าก็แค่ที่จัดงานประมูลเฟิงเซียง บังอาจจะทำอะไรข้างั้นเหรอ?”

อ๋องเจ๋ออดไม่ได้กุมขมับ

เจ้าของเบื้องหลังที่จัดงานประมูลเฟิงเซียงเป็นหอหนึ่งในหล้า หอหนึ่งในหล้าเป็นหน่วยงานข่าวกรองที่ดีที่สุดในใต้หล้า ขอแค่พวกเขาอยากตรวจสอบอะไรสักอย่าง ก็ไม่มีอะไรที่พวกเขาไม่สามารถตรวจสอบได้

เสด็จน้องล่วงเกินพวกเขา คงจะทำให้ข่าวอื้อฉาวของไทเฮา ฮ่องเต้ รวมไปถึงนางประกาศสู่ชาวโลก

ที่น่ากลัวไปกว่านั้นก็คือ หอหนึ่งในหล้าอาจจะเผยแพร่แผนที่กองกำลังทหารของแคว้นเย่กับหลายๆแคว้นได้

ถึงตอนนั้นแคว้นเย่ก็จะตกอยู่ในอันตรายจริงๆ

ฮ่องเต้ทั่วใต้หล้านี้ ใครไม่อยากสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับหอหนึ่งในหล้านี้

เสด็จน้องกลับหาเรื่องพวกเขา นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ?

เป็นไปตามที่คาดไว้ องค์หญิงตังตังพูดแบบนี้ออกไป ถึงแม้เสี่ยวลู่จะยังบิดเอวไปมาเหมือนงู พูดจาอ่อนโยน แต่คำพูดของนางกลับทำเอาคนที่ได้ยินแล้วขนลุกซู่

“องค์หญิงงั้นเหรอ? ถึงแม้จะเป็นองค์หญิง ทำลายกฎของการประมูลก็ไม่ได้เหมือนกัน เจ้าดูสิว่าเสด็จแม่กับฮ่องเต้เสด็จพี่จะเอาเงินมาไถ่ตัวเจ้าไปไหม ไม่งั้นด้วยกฎของที่จัดงานประมูลเฟิงเซียง พวกเราจะตัดแขนขาของเจ้าทีละข้างทุกวัน จนกระทั่งเจ้าถูกตัดชิ้นส่วนบนร่างกายจนตายทั้งเป็น”

องค์หญิงตังตังกลืนน้ำลาย ยังอยากจะพูดอะไร แต่กลับมีคนลากตัวนางไปเสียก่อน

“บังอาจ เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร ข้าเป็นลูกสาวแท้ๆของไทเฮา และเป็นลูกสาวแท้ๆที่นางเอ็นดูและรักมากที่สุด”

“เกรงว่าเจ้าจะยังไม่รู้ความจริงนะ อย่าว่าแต่องค์หญิงเลย ถึงจะเป็นฮ่องเต้ พวกเราก็จับเหมือนกัน และยังสามารถทำลายทั้งแคว้นของเจ้าได้อีกด้วย”

สีหน้าขององค์หญิงตังตังซีดเซียวเหมือนแผ่นกระดาษ

สายตาของเสี่ยวลู่เยือกเย็นมาก คำพูดเยือกเย็นมากเช่นกัน