[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 451 : กระดูกสันหลังมังกรทอง!

หลิงหยุนให้ตู้กู่โม่ช่วยเขาปลุกเสกยันต์อยู่ตลอดทั้งบ่าย..

และนี่เป็นครั้งแรกที่ตู้กู่โม่เห็นหลิงหยุนปลุกเสกยันต์ เขาจึงมีอาการไม่ต่างจากตี้เสี่ยวอู๋ ผลลัพธ์ที่อัศจรรย์ของยันต์แต่ละชนิดนั้น ทำให้ตู้กู่โม่ถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก และในเวลานี้ตู้กู่โม่ก็ไม่ต่างจากนักวิทยาศาสตร์ที่ได้ค้นพบว่าเอเลียนส์มีอยู่จริง หรือไม่ต่างจากคนที่ได้พบเห็นยาน UFO ด้วยตาตัวเอง

หลิงหยุนมักทำให้มุมมองในชีวิตของคนอื่นเปลี่ยนแปลงได้เสมอๆ และครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่เพราะหลิงหยุนยุ่งเกินไป จึงไม่มีเวลาที่จะมานั่งอธิบายให้ตู้กู่โม่ฟัง เขาจึงได้แต่ตะโกนดุตู้กู่โม่แทน

ยันต์อัคนี ยันต์บำบัด ยันต์ขุมพลัง ยันต์ธารา และยันต์อีกมากมายหลายชนิด ยันต์เหล่านี้ล้วนเป็นยันต์ระดับต่ำสุดซึ่งหลิงหยุนสามารถปลุกเสกได้อย่างง่ายดาย และแทบไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย

แต่ก็มียันต์ขั้นสูงขึ้นมาอีกหนึ่งระดับอย่างเช่นยันต์อสนี ยันต์จ้าวสมุทร ยันต์เพชร ยันต์เกราะ และอีกมากมาย ซึ่งยันต์ระดับนี้หลิงหยุนจำเป็นต้องใช้พลังชีวิตในร่างกายจำนวนมากไปกับการปลุกเสก และเวลาที่ใช้ปลุกเสกก็ยาวนานกว่า

ตอนนี้พลังชีวิตที่มีอยู่ภายในบ้านก็ถูกเขาดูดซับเข้าไปในร่างกายจนหมดแล้ว หลิงหยุนจำเป็นต้องใช้น้ำลายมังกรในการเพิ่มพลังชีวิตของตนเอง เพื่อที่จะได้สามารถเขียนอักขระลงบนยันต์ได้

และเมื่อตู้กู่โม่ได้เห็นหลิงหยุนใช้น้ำลายมังกรอย่างสิ้นเปลือง เขาจึงได้แต่เกาศรีษะพร้อมกับกระทืบเท้ากรีดร้องโวยวายราวกับหญิงสาว

ช่างเป็นความโชคร้ายของตู้กู่โม่ที่ไม่สามารถดื่มน้ำลายมังกรจำนวนมากเหมือนหลิงหยุนได้ เพราะหากเขาดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปในปริมาณเท่ากับหลิงหยุน รับรองได้ว่าร่างกายของเขาจะต้องระเบิดเป็นจุนอย่างแน่นอน

ตอนนี้ร่างกายของหลิงหยุนมีพลังชีวิตเต็มเปี่ยมก็จริง แต่เดี๋ยวเดียวก็จะหมดอีก เขาจึงต้องถือน้ำเต้าที่บรรจุน้ำลายมังกรไว้ในมือข้างหนึ่งเพื่อคอยเติมอยู่ตลอดเวลา ส่วนมัจฉาหยิน-หยางในจุดตันเถียนของเขาก็หมุนด้วยความเร็วสูง และเส้นโค้งรูปมังกรทองก็เปล่งประกายสว่างไสวคล้ายกับมังกรทองขนาดเล็ก

จุดตันเถียนล่างของมนุษย์นั้นอยู่ตรงตำแหน่งใต้สะดือลงไปราวสามนิ้วมือ มีลักษณะเป็นทรงกลม และอยู่ติดกับกระดูกสันหลังของมนุษย์

กระดูกสันหลังของมนุษย์นั้นเปรียบได้กับหลอดเลือดของมังกร และในสภาวะนี้ที่แม้แต่ตัวหลิงหยุนเองก็ไม่รู้นั้น – เส้นโค้งรูปมังกรทองในจุดตันเถียนของเขา ได้เชื่อต่อเข้ากับกระดูกสันหลังของตัวเองแล้ว!

และในตอนนี้กระดูกสันหลังส่วนล่างที่อยู่ระดับเดียวกับจุดตันเถียนของหลิงหยุนนั้น เริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองจางๆ ทำให้เส้นโค้งรูปมังกรทองที่อยู่ในจุดตันเถียนดูคล้ายกับมีหางมังกรที่เลือนรางอยู่!

และแน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้กับคนธรรมดาทั่วไป!

หากเส้นโค้งรูปมังกรทองนี้สามารถแผ่ขยายไปทั่วทั้งกระดูกสันหลังของหลิงหยุนได้ ก็ย่อมหมายความว่าเส้นเลือดมังกรที่ใหญ่ที่สุดนี้ จะสามารถเปลี่ยนเป็นมังกรทองได้ในที่สุด!

ในระหว่างที่ปลุกเสกยันต์อยู่นั้น หลิงหยุนสัมผัสได้ว่าจุดตันเถียนของเขาหมุนด้วยความเร็วสูง และพลังหยิน-หยางในจุดตันเถียนที่น่าพิศวงของเขานั้น ก็มีพลังแข็งแกร่งแบบก้าวกระโดด!

หลิงหยุนปลุกเสกยันต์จนกระทั่งได้เวลาที่เขาต้องกลับไปทำอาหารเย็นให้กับฉินตงเฉี่วย และหนิงหลิงยู่ทาน..

เมื่อหลิงหยุนกลับไปที่บ้านเลขที่-9 ในอ่าวจิงฉู ก็พบว่าสาวสวยทั้งสองคนกำลังรอเขาอยู่แล้ว และดูเหมือนว่าทั้งคู่จะเปลี่ยนไป..

สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ผิวพรรณที่ละเอียดกว่าเดิม ขาวกว่าเดิม และสว่างไสวราวกับคริสตัล อีกทั้งยังมีประกายแวววาวเปล่งออกมาคล้ายกับนางฟ้าในเทพนิยาย

โดยเฉพาะเส้นผมที่ตอนนี้ดำขลับ เป็นเงางาม และมีน้ำหนัก ลมที่พัดเส้นผมจนปลิวสะบัดไปมานั้น ทำให้ภาพของสองสาวดึงดูดสายตาผู้ที่พบเห็นอย่างมาก

หลิงหยุนรู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากการผสมผสานระหว่างน้ำลายมังกร โสม และสมุนไพรเหอโชวูจากอาหารที่เขาเป็นพ่อครัวปรุงขึ้นในมื้อนั้นนั่นเอง สมุนไพรเหอโชวูนั้นมีคุณสมบัติในการช่วยให้เส้นผมดกดำและมีน้ำหนักก็จริง แต่มันก็ไม่ได้มีเพียงสมุนไพรชนิดนั้นเพียงอย่างเดียว

“ยังจะมายืนจ้องหน้าอยู่อีก! เจ้ากลับมาช้านะรู้ไม๊? ยังไม่รีบไปทำกับข้าวอีก?!” ดวงตากลมโตสวยงามของฉินตงเฉี่วยจ้องมองหลิงหยุนอย่างตำหนิระหว่างที่พูด

หนิงหลิงยู่ได้ทำอาหารให้ฉินตงเฉี่ยวทานเมื่อกลางวันนี้ แม้ว่ารสชาติจะอร่อยมากทีเดียว แต่หากเทียบกับอาหารฝีมือของหลิงหยุนแล้ว ฉินตงเฉี่วยได้แต่เก็บท้องไว้กินอาหารเย็นฝีมือเขา..

“โอ้โห.. ทั้งน้าหญิงแล้วก็หลิงยู่สวยขึ้นมากเลย สวยเหมือนกับเทพธิดาเลยล่ะ!”

หลังจากได้ฟังคำชมของหลิงหยุน สองสาวถึงกับยกมือขึ้นปิดปากที่กำลังแย้มยิ้ม หนิงหลิงยู่เองก็หน้าแดง ดวงตาคู่สวยของเธอใสเป็นประกายในขณะที่จ้องมองไปทางหลิงหยุน

เย็นนี้หลิงหยุนตั้งใจจะเน้นอาหารประเภทผัก เพราะการกินเนื้อสัตว์อย่างปลาใหญ่ หรือสัตว์ใหญ่ในทุกๆวันก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก และวันนี้เขาก็จะไม่ใช้น้ำลายมังกรแทนน้ำมัน และไม่ผสมโสมกับสมุนไพรเหอโชวูลงไปอีก

ร่างของหนิงหลิงยู่นั้นเป็นกายอัปสร ดังนั้นสภาพร่างกายของเธอจึงไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิงหยุนเลย ตอนที่ร่างของหนิงหลิงยู่ยังเป็นกายทิพย์อยู่นั้น ก็ดูดเอาปราณมังกรเข้าไปจำนวนมาก ดังนั้นร่างที่เป็นกายอัปสรของเธอในตอนนี้ จึงสามารถดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปจำนวนมากเท่าไหร่ก็ได้

หรืออาจพูดได้ว่า นอกเหนือจากหลิงหยุนแล้ว หนิงหลิงยู่เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถดื่มน้ำลายมังกรได้เหมือนกับเขา

สำหรับฉินตงเฉี่วยที่อยู่ในระดับสูงสุดของขั้นเซียงเทียน-3 นั้น หลิงหยุนเพียงแค่ใช้น้ำลายมังกรแทนน้ำมัน และในปริมาณเพียงแค่นั้น นางก็ต้องใช้เวลาในการย่อยสลายและดูดซับจนหมดถึงหนึ่งคืนเต็มๆ และน้ำลายมังกรในปริมาณเพียงแค่นั้นจะไม่เป็นอันตรายจนทำให้ร่างกายของเธอระเบิดได้

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และทั้งหมดก็ทานอาหารเย็นกันเสร็จเรียบร้อย..

“เจ้าเด็กดื้อ.. ต่อไปไม่ต้องทำอาหารให้หอมแล้วก็อร่อยมากก็ได้นะ ขืนข้ากินต่ออีกสักสองสามมื้อคงจะติดใจจนไม่สามารถแยก.. เอ่อ.. จนไม่สามารถกินอาหารที่คนอื่นทำได้!”

ฉินตงเฉี่วยถึงกับต้องหยุดเพื่อเปลี่ยนคำพูดกลางคัน หน้าของเธอแดงเพราะเกือบจะหลุดคำพูดออกไปว่า ‘ติดใจจนไม่สามารถแยกจากหลิงหยุนได้..’

หนิงหลิงยู่แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากอย่างน่ารักพร้อมกับบ่นพึมพำว่า “จริงด้วย.. ขืนกินแบบนี้ทุกวันต้องอ้วนแน่เลย!”

หลิงหยุนตอบกลับอย่างภาคภูมิใจ “หลิงยู่.. เธอกินเข้าไปได้เลยไม่ต้องกลัวอ้วน เพราะพี่ใหญ่เป็นหมองที่เก่งที่สุด แค่ฝังเข็มไม่กี่เล่ม ก็สามารถทำให้เธอกลับมามีรูปร่างที่สวยพร้อมเหมือนเดิมได้..”

หนิงหลิงยู่หน้าแดง และแอบดีใจอยู่เงียบๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหยุนเอ่ยชมรูปร่างของเธอ

“เจ้าเด็กดื้อ บอกมานะว่าเจ้าใส่อะไรลงไปในอาหาร!? เหตุใดข้าฝึกแค่คืนเดียว แต่ฝีมือกลับก้าวหน้าอย่างมาก!” ฉินตงเฉี่วยนึกขึ้นมาได้จึงรีบร้องถามหลิงหยุน

หลิงหยุนอดแปลกใจกับท่าทีที่สงบนิ่งของหนิงหลิงยู่ไม่ได้ เพราะนอกจากแววตาอยากรู้อยากเห็นที่จ้องมองมาทางเขานั้น ก็ไม่มีอาการตกใจหรือแปลกใจเลยแม้แต่น้อย หลิงหยุนจึงเข้าใจได้ทันทีว่าฉินตงเฉี่วยคงจะเล่า หรือสอนอะไรบางอย่างกับหนิงหลิงยู่บ้างแล้ว

หลิงหยุนอดคิดไม่ได้ว่าฉินตงเฉี่ยวทำหน้าที่เปิดโลกทัศน์ให้กับหนิงหลิงยู่ได้ดีมาก เขาจึงตอบกลับไปยิ้มๆ

“ความจริงแล้วก็ไม่ได้มีของดีอะไรมากมาย ก็แค่ใช้น้ำลายมังกรแทนน้ำมัน ใช้โสมที่อายุมากกว่าสองพันปี และสมุนไพรเหอโชวูที่อายุกว่าสามพันปีแทนกระเทียม..”

แม้แต่ท่านหมอเสี่ยว ตู้กู่โม่ และคนอื่นๆ หลิงหยุนก็ยังเปิดเผยเรื่องพวกนี้ให้รู้ แล้วเหตุใดเขาจึงจะต้องปกปิดฉินเตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่ด้วย เขาจึงเลือกที่จะตอบไปตามความจริง

เมื่อฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่ได้ฟังถึงกับตกใจและพูดอะไรไม่ออกครู่ใหญ่!

หลังจากที่หายตกใจ.. จู่ๆฉินตงเฉี่วยก็ยกแขนเรียวขาวของนางขึ้น และฟาดลงบนไหล่ของหลิงหยุน

“เจ้าเด็กดื้อ.. นี่เจ้าจะฆ่าน้าหญิงกับน้องสาวตัวเองหรือยังไง? ถึงได้กล้าใช้ของพวกนี้..”

หลิงหยุนยิ้มอย่างนึกขันพร้อมกับตอบไปว่า “น้าหญิงท่านสบายใจได้ ข้ารู้ว่าต้องใช้ในปริมาณเท่าไหร่? ทั้งสามสิ่งนั้นเป็นสมบัติล้ำค่า และเป็นผลดีต่อท่านกับหลิงยู่อย่างแน่นอน! รับรองว่าไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย..”

“แล้วเจ้าไปเอาน้ำลายมังกรนั่นมาจากที่ใหน?! บอกมาเร็วเข้า!” ฉินตงเฉี่วยถามอย่างดุดัน

“ขโมยมาจากรังมังกร..”

“รังมังกรงั้นเหรอ? แล้วอยู่ที่ใหน?”

“อยู่ใต้ก้นหลุมยักษ์..” หลิงหยุนพูดพร้อมกับชี้ไปทางเขามังกร

จากนั้นหลิงหยุนก็เล่าให้หญิงสาวทั้งสองฟังว่า เขาได้ไปพบเจออะไรที่ก้นหลุมยักษ์มาบ้าง และแน่นอนว่า เขาเลือกเล่าเฉพาะในส่วนที่เล่าได้ และตัดในส่วนที่ไม่ควรเล่าออกไป..

“พี่ใหญ่.. มีมังกรจริงๆเหรอ..?!” หนิงหลิงยู่ถามอย่างอัศจรรย์ใจ

“โอ้โห.. นี่เจ้าลงไปทางเมืองจิงฉู แต่กลับไปโผล่ที่ป่าเสินหนงเจี๋ย.. บนโลกนี้มีค่ายกลที่ทรงพลังเช่นนี้จริงหรือนี่?! ทำไมอาจารย์ของข้าไม่เคยพูดเรื่องพวกนี้ให้ข้าฟังบ้างเลย!?”

ฉินตงเฉี่วยเองก็ทั้งตกใจและอึ้งไปไม่น้อย จนลืมกระทั่งที่จะเอามือขึ้นปิดปากที่กำลังอ้านั้น เผยให้เห็นฟันขาวที่เรียงเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม

นี่หลิงหยุนได้ตัดเรื่องที่เกี่ยวกับระบบจักรวาลบนเพดานถ้ำออกไป เพราะนั่นจะยิ่งเป็นเรื่องที่ฉินตงเฉี่วยไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้ยินด้วยซ้ำไป

“พี่ใหญ่.. ฉันขอร้องล่ะนะ ต่อไปไม่ว่าพี่จะไปที่ใหน ขอให้บอกฉันล่วงหน้านะ.. ได้โปรด!”

หนิงหลิงยู่นึกถึงเรื่องตื่นเต้นที่หลิงหยุนต้องพบเจอที่ก้นหลุมยักษณ์แล้ว ก็ได้แต่หวาดกลัวจนต้องเกาะแขนของเขาแน่น

หลิงหยุนได้บอกเล่าสาเหตุที่แท้จริงของการหายตัวไปหลายวันให้กับฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่ฟังแล้ว ส่วนคนอื่นๆนั้นเขากลับเลือกที่จะไม่บอกความจริง

แม้มันจะเป็นเรื่องเล่าที่เขาได้ตัดบางส่วนออกไป แต่ก็ยาวเพียงพอที่จะเล่าให้สองสาวฟังอยู่นาน

“เจ้าเด็กดื้อ.. ถ้ามีเวลาพาข้าไปดูมังกรด้วยสิ ข้าอยากเห็นว่าหน้าตาของมันเป็นยังไง?!”

ฉินตงเฉี่วยนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่ยอมรับเรื่องราวที่แปลกประหลาดลี้ลับได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และนางก็กำลังคิดที่จะได้เล่นกับเจ้าสีนิล

“ฉันก็อยากไปด้วย!” แม้แต่หนิงหลิงยู่เองก็เติบโตขึ้นมากตั้งแต่มีน้าหญิงมาอยู่ด้วย

หลิงหยุนไม่สามารถต้านทานลูกอ้อนของสองสาวได้ จึงได้แต่พยักหน้ารับปาก “งั้นก็รอให้สอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยผ่านไปก่อน แล้วพวกเราค่อยไปพร้อมกัน.. ดีไม๊?”

ฉินตงเฉี่วยได้ฟังก็พอใจอย่างมาก นางพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับหัวเราะคิกคัก “คำนวณเวลาดูแล้ว ก็คงอีกไม่นานสินะ..?!”

ในที่สุดก็ถึงเวลาที่หนิงหลิงยู่ต้องเรียนรู้เรื่องฝึกฝนกำลังภายในแล้ว เขามองฉินตงเฉี่วยพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“น้าหญิง.. ท่านคงต้องสอนวรยุทธให้กับหลิงยู่แล้วล่ะ?”

ฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่พยักหน้าพร้อมกัน แต่สีหน้าของหนิงหลิงยู่ดูจะออกไปในทางหวาดกลัว

หลิงหยุนจึงพูดต่อว่า “น้าหญิง.. ท่านสอนวรยุทธให้หลิงยู่ก็ต้องระมัดระวังหน่อยนะ!”

เมื่อฉินตงเฉี่วยได้ฟังหลิงหยุนสั่งการ จึงได้ยื่นนิ้วชี้ออกไปจิ้มหน้าผากของเขาพร้อมกับพูดประชดว่า

“ข้าไม่กล้าสอนหรอก! พรสวรรค์ของหลิงยู่ดีมากถึงเพียงนี้ ข้าคงไม่เหมาะจะสอนนาง เจ้าสอนเองก็แล้วกัน!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นหนิงหลิงยู่ก็ยิ่งหน้าแดง จนไม่สามารถที่จะเก็บงำความตื่นเต้นไว้ได้

หลิงหยุนเองก็กังวลว่าคนอื่นจะสอนหนิงหลิงยู่ผิดๆ และถึงตอนนั้นหากเขาต้องมาแก้ไขให้ ก็จะเป็นปัญหามาก..!

“ถ้าเช่นนั้น.. อาทิตย์หน้าข้าก็จะเป็นคนสอนให้นางเอง!”

หนิงหลิงยู่พยักหน้าอย่างตื่นเต้น ฉินตงเฉี่ยวมองหลิงหยุนตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วถามขึ้นว่า

“เจ้าเด็กดื้อ.. แล้วนี่เจ้าจะไปใหนอีก?”