หยางเฟิงรีบยกแก้วขึ้นมา “ท่านปู่น้อย ข้าขอคารวะท่าน!”
เมื่อดื่มกันเสร็จแล้ว เย่หลงสีหน้าได้เปลี่ยนเป็นจริงจังก่อนเอ่ย “หยางเฟิง เจ้าออกมาข้างนอกสักครู่สิ!”
เมื่อมองเห็นสีหน้าจริงจังของเย่หลง หยางเฟิงได้แต่งงวย
ก่อนจะเดินออกมาจากหอบรรพบุรุษ เย่หลงหยุด แบกกระเป๋ายืนรออยู่ตรงนั้น ทั้งตัวของเขาดูมีพลังราวกับดาบกระบี่คม
หยางเฟิงเดินมาก่อนจะเอ่ย “ปู่น้อย ท่านเรียกข้าออกมามีอะไรหรือ?”
เย่หลงมองไปที่หยางเฟิงด้วยสายตาเฉียบคมไม่กระพริบ ก่อนเอ่ย “หยางเฟิง สรุปเจ้าเป็นใครกันแน่?”
เมื่อต้องพบกับสายตาที่แหลมคมของเย่หลง ในใจของหยางเฟิงนั้นแอบประหลาดใจ
เขาพูดพลางยิ้ม “ปู่น้อย ข้าคือสามีของเย่เมิ่งเหยียนไง! ทำไมล่ะ หรือว่าท่านจะลืมไปแล้วหรอ?”
เย่หลงตอบพร้อมยิ้ม “ช่างมันเถอะ! ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าก็จะไม่ถาม ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนธรรมดา แต่ข้าก็ไม่รู้ตัวตนจริงๆของเจ้า แต่ว่าครั้งนี้ที่เจ้าช่วยหมู่บ้านตระกูลเย่ ข้าขอบใจแทนพวกผู้คนในหมู่บ้านจริงๆ!”
เมื่อได้ยิน ในใจของหยางเฟิงรู้สึกตกตะลึง
มองดูแล้วท่านผู้เฒ่าผู้นี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา
มองดูแล้วท่านน่าจะมองอะไรดีๆออก
แต่ทว่าหยางเฟิงไม่ได้สนใจ ก่อนจะพูดยิ้มๆ “ปู่น้อย นี่คือสิ่งที่ข้าควรจะทำ ท่านไม่ต้องมาขอบคุณข้าหรอก!”
“ไม่! พวกเราคนหมู่บ้านตระกูลเย่ตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่เคยติดหนี้บุญคุณใคร แต่สำหรับรอบนี้ ข้าให้จี้หยกนี้กับท่าน ก็เท่ากับว่าเป็นของขวัญในการขอบคุณก็แล้วกัน”
เมื่อพูดจบ
เย่หลงก็ดึงจี้หยกออกจากเอว ก่อนที่จะส่งมันให้กับหยางเฟิง
จี้หยกนี้ เป็นหยกมังกร สีทองออกโทนอุ่น เมื่อมองก็รู้ว่ามันมีราคาสูงมาก!
หยางเฟิงรีบผลักออกและพูด “ปู่น้อย ของขวัญที่แพงเช่นนี้ ข้ามิอาจรับไว้ได้!”
เย่หลงพูดเรียบๆ “เจ้ารับไปเถอะ! ของสิ่งนี้ต้องมีประโยชน์กับเจ้า ในอนาคตเจ้าจะต้องได้ใช้มันแน่ๆ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หยางเฟิงไม่เข้าใจในทันทีทันใด
ท่านผู้เฒ่าท่านนี้ช่างพูดวกไปวนมา ข้าฟังไม่ออกจริงๆว่าเขาหมายความว่าอย่างไร
แต่ในเมื่อเย่หลงพูดดังนั้น หยางเฟิงพยายามพูดบ่ายเบี่ยง แต่ก็ยากที่อาจจะปฏิเสธ
“ถ้าอย่างงั้นก็ขอบคุณท่านปู่น้อยเป็นอย่างมาก!”
เย่หลงพยักหน้า “อืม เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!”
หยางเฟิงไม่พูดอะไร ก่อนจะหันหลังเดินกลับไป
หลังจากมองหยางเฟิงเดินจากไป สายตาของเย่หลง ก็มีแสงเปล่งประกายออกมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“รอมาตั้งนานหลายปี สุดท้ายข้าก็รอเจ้าจนได้ ข้าหวังว่าข้าจะมองคนไม่ผิด ”
เมื่อพูดจบ เย่หลงมองไปบนฟ้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมายมากมาย
ดวงตาของเขา ราวกับว่ามีความหมายอย่างเต็มไปหมด เมื่อมองเขา ก็เหมือนราวกับกำลังจมอยู่ๆ…
ตอนนี้ราวกับว่ามีพลังบางอย่าง ที่แผ่ออกมาจากตัวเขาอย่างแรงกล้า
ในตอนนี้ เย่หลงไม่ได้เป็นผู้เฒ่าที่มีอายุร้อยปีอีกต่อไป
มองออกอย่างชัดเจนทันที ว่าเขานั้นเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้อันดับหนึ่ง!
วันที่สอง
หยางเฟิงนั้นกำลังรอคนและเตรียมพร้อมที่จะเดินทางออกจากหมู่บ้านตระกูลเย่
ผู้คนทั้งหมู่บ้านตระกูลเย่ ต่างก็ออกมาส่งกลับ!
เย่ไห่จับมือเย่หลงทั้งสองมือ ก่อนเอ่ย “ท่านปู่ พวกท่านไม่ต้องมาส่งข้าหรอก พวกข้ากลับกันเองได้”
เย่หลงพูดพลางยิ้ม“ หึหึ! โอเค ข้าหวังว่าในอนาคตหากพวกท่านมีเวลาว่างก็อย่าลืมกลับมาหมู่บ้านตระกูลเย่บ้างล่ะ”
“แน่นอน!”
พอพูดจบ เย่ไห่ก็รอคนขึ้นรถจนครบและเดินทางจากไป
ในตอนที่หยางเฟิงกำลังขึ้นรถ เย่หลงพูดขึ้นทันที “หยางเฟิง!”
หยางเฟิงหันหน้ากลับ ก่อนจะถามด้วยความสงสัย “ปู่น้อย ท่านเรียกข้ามีอะไรหรอ?”
เย่หลงเดินไปตรงหน้าของหยางเฟิง ก่อนจะพูดเบาๆ“จำเอาไว้ ไม่ว่าอย่างไรอย่าทำจี้หยกนี้หายเป็นอันขาด ในอนาคตท่านยังจะต้องกลับมายังหมู่บ้านตระกูลเย่อย่างแน่นอน!”
เมื่อพูดจบ ก็ตบบนบ่าของหยางเฟิง พร้อมยิ้มเบาๆ “ขึ้นรถเถอะ เดินทางปลอดภัยล่ะ!”
หยางเฟิงตอบรับพร้อมพยักหน้าอย่างงุนงง “รับทราบ!”
หลังจากที่หยางเฟิงขึ้นรถ
ครืน ครืน!
เสียงดังของรถยนต์ดังขึ้น
และหยางเฟิงก็จากไป
เย่หลงมองข้างหลังรถที่จากไป หรี่ตาลงและพูดเออเอง “ที่นี่คือบ้านของเจ้า หากจะหนีก็คงหนีไม่พ้น!”