จิ่งเหิงปัวหายตัวเข้าไปที่ห้องเตาที่ต้มน้ำ
คนที่ก้มตัวเติมฟืนอยู่นอกสุดรู้สึกเพียงว่าข้างหลังเย็นวาบ คล้ายมีเสียงลมพัดผ่าน จากนั้นก็ไม่รู้อะไรอีกแล้ว
ภายในห้องเต็มไปด้วยไอร้อน คนหนึ่งมองไม่เห็นอีกคนหนึ่ง จิ่งเหิงปัวหลบอยู่หลังหม้อใหญ่ใบหนึ่งอย่างใจเย็น ถอดกระโปรงของตัวเองออก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดผ้าสีเหลืองของเด็กรับใช้
ไม่มีใครรู้ตัว ทุกคนต่างกำลังทำเรื่องของตน
นางเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ปลดปิ่นถอดต่างหูมัดผมขึ้น ซ่อนคนเข้าที่ลับ ฉวยมือมัดกระโปรงเป็นห่อผ้าน้อยซ่อนไว้ใต้ชุดผ้าฝ้ายตัวใหญ่ นางเก็บเสื้อผ้านี้ไว้ยังได้ใช้ประโยชน์
เมื่อทำเสร็จเพิ่งจะได้นั่งก็มีคนชะโงกหน้าเข้ามา โบกมือให้นางในไอควันขมุกขมัว “เจ้ากลากหวังเอ้อร์ ด้านหน้าต้องการคนรับใช้คนหนึ่ง เจ้าไปสิ”
“อ้อ” จิ่งเหิงปัวดัดเสียงใหญ่รับปาก แล้วลุกขึ้นเดินออกไป คนนั้นแต่งตัวเป็นพ่อบ้าน ไม่ได้มองนาง ชี้กระเป๋าที่อยู่ข้างๆ ใบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “นี่คืออาภรณ์ที่เตรียมไว้ให้เหล่าแขกสำคัญเปลี่ยน เจ้าช่วยข้ายกไปหน่อย”
จิ่งเหิงปัวขานรับแล้วยกกระเป๋าขึ้น โชคดีที่เป็นเสื้อผ้าทั้งนั้นจึงไม่หนักอะไรนัก อีกทั้งกระเป๋ายังบังหน้านางไว้ได้พอดี
ขณะที่นางตามพ่อบ้านไปที่สระอาบน้ำที่หอหน้า ด้านหลังก็ค่อยๆ มีคนหลายคนตามมา แต่ไม่มีใครที่เข้าใกล้นาง คล้ายแค่เดินไปทำงานด้วยกัน
เมื่อมาถึงสระอาบน้ำ พ่อบ้านก็สั่งให้นางส่งเสื้อผ้าเข้าไปในห้องเปลี่ยนอาภรณ์ที่อยู่ข้างสระอาบน้ำนั่นเอง ขวางไว้ด้วยฉากกั้นลายฉลุหลายแผ่น พ่อบ้านให้นางวางเสื้อผ้าไว้ข้างเตียงทุกหลัง จากนั้นดูจังหวะที่เหล่าผู้อาวุโสทางนั้นอาบน้ำ ต้มน้ำชงชาดีคอยไว้ล่วงหน้า รอให้เหล่าผู้อาวุโสขึ้นจากสระน้ำ ก็ต้องเตรียมทั้งน้ำชากับเสื้อผ้าพร้อมสรรพ จากนั้นถอยหลังออกไป
จิ่งเหิงปัวรู้สึกว่าขั้นตอนพวกนี้ก็ไม่ค่อยแตกต่างจากสระอาบน้ำแบบสโมสรในปัจจุบัน ดูท่าไม่ว่าเวลาจะห่างกันเท่าไร วิธีเสพสุขของพวกผู้ชายจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติเพื่อเป้าหมายเดียวกัน
ยิ่งเป็นดินแดนที่วุ่นวาย การเสพสุขแบบนี้จะยิ่งได้รับความนิยม การอยู่รอดไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งควรเสพสุขให้ทันเวลา
นางวางเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็หันหลัง ฝั่งตรงข้ามก็คือสระอาบน้ำ
นางหันไปมองแวบเดียวก็พลันชะงักงัน
ตรงข้ามฉากกั้นลายฉลุคือชีเปลือยฝูงหนึ่ง แต่สิ่งที่นางเห็นเป็นแวบแรกคือท่านมู่ที่กำลังถอดเสื้อผ้า
นางเห็นเขากำลังถอดชุดชั้นในสีขาวราวหิมะชั้นสุดท้ายออก ก่อนที่นางคิดอยากจะเบนสายตาออกโดยสำนึก แต่ไม่รู้ทำไมถึงเบนสายตาออกไปไม่ได้
ไอควันขมุกขมัว อาภรณ์ค่อยๆ ถูกปลดเปลื้องออก เขาถอดเข็มขัดด้วยท่วงท่าแผ่วเบา นิ้วมือเรียวยาวประณีต
นางเห็นกระดูกไหปลาร้าตรงแน่ว ผิวขาวกระชับเต่งตึง ข้างล่างคือหน้าอกที่เกลี้ยงเกลาเช่นเดียวกัน…ไม่มีแผลเป็น
นางไม่คิดจะมองต่อไปแล้ว พลันเบนสายตาออก หางตาเหลือบเห็นว่าเขากำลังถอดเสื้อผ้าส่งให้เหลยเซิงอวี่ เหนือท่อนแขนขึ้นไปเป็นโครงร่างที่สูงโปร่งดั่งไม้ไผ่แต่ก็ไม่ผอมแห้ง เอวผอมเพรียวเกลี้ยงเกลา โน้มไปข้างหน้าเล็กน้อยอย่างยืดหยุ่นงดงาม
ผิวกายของเขามันวาวนวลเนียนในไอควันอ่อนจาง ทำให้นึกถึงไข่มุกที่เปล่งแสงเองในค่ำคืนที่มืดมิด
ได้ยินเสียงเอื๊อกคล้ายเสียงกลืนน้ำลายรำไร และไม่รู้ว่าในหมู่ผู้อาวุโสฝูงนี้มีผู้ใดมีนิสัยรักเพศเดียวกันหรือไม่
จิ่งเหิงปัวชื่นชมฉากนี้อย่างเสียไม่ได้ นางก็ชอบมองพวกผู้ชายที่มีรูปร่างงดงามอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด หน้าอกที่เกลี้ยงเกลานั้นกลับทำให้นางเสียอารมณ์ขึ้นมา
นางเกลียดตัวเองที่มีแต่อะไรไม่รู้อยู่ในสมองทั้งวัน ช่างอ่อนแอเหลือเกิน
เสียงน้ำดังซ่า มีเสียงหัวเราะเกรียวกราวในสระน้ำ อีกทั้งบางคนส่งเสียงดังลั่นว่า “เสี่ยวมู่ ชาตินี้ผู้ชราไม่เคยผู้ใดเห็นสวมกางเกงอาบน้ำมาก่อนเลย เจ้านับเป็นคนแรก”
นางกอดอกเหม่อลอยท่ามกลางเสียงหัวเราะเกรียวกราวนั้น นึกถึงคนข้างกายพวกนั้นขึ้นมากะทันหัน ถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้พวกเขาจะอาบไหม จะถอดหรือไม่?
เหยียลี่ว์ฉีต้องอาบแน่นอน เขาต้องถอดแน่ ไม่ว่าอย่างไรเขาอะไรก็ได้ทั้งนั้น เมื่อยิ้มแย้มอาบเสร็จค่อยตอบโต้
ส่วนเผยซูจะไล่ทุกคนออกไปหรือไม่ก็ฆ่าทิ้งซะ จูงนางไว้ให้นางมองเขาอาบ มองเขาถอด
ส่วนเขา…
นางส่ายหน้า…จะเป็นไปได้อย่างไร!
ดวงจันทร์พ้นยอดเขายามเหมันต์ ไม่ยอมแปดเปื้อนแม้แต่ธุลีดินของโลกมนุษย์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการลงสระแช่น้ำกับจอมยุทธที่เหม็นสาบฝูงนี้เลย
เขาจะอาเจียนเอาได้
จิ่งเหิงปัวหัวเราะเยาะ ตบศีรษะของตัวเองดังเพียะ ตอนนี้นางยิ่งเกลียดตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
คิดอะไรเนี่ย!
ข้างนอกยังคงแช่น้ำกันอีกสักพัก นางเห็นผู้ดูแลรองคนนั้นของท่านมู่เฝ้าอยู่ข้างสระน้ำอย่างจงรักภักดี อมยิ้มปฏิเสธคำเชิญแช่น้ำด้วยกันของผู้อื่นหลายครั้ง ท่าทางดูสำรวมยิ่งนัก
ห้องข้างสระห้องนี้ไม่มีใครเข้ามาเลย นางหลับตาลงเล็กน้อย ก่อนจะใช้โอกาสนี้ปรับปราณ
ในร่างกายมัวสลัวคล้ายเกิดไอควันจันทร์กระจ่าง ส่องสะท้อนสรรพสิ่งในโลกมนุษย์ รับรู้ได้กระทั่งการเคลื่อนไหวข้างนอก
พวกเขากำลังคุยเรื่องแบ่งอำนาจสำนักหลัวซา กำลังหยั่งเชิงท่านมู่ แต่ท่านมู่ไม่ได้เอ่ยอะไรเลย คล้ายกำลังตั้งใจแช่น้ำ ขานรับบ้างในบางครั้ง น้ำเสียงเกียจคร้านยิ่งขึ้น อู้อี้ระคนเสียงนาสิกหลายส่วน คล้ายนิ้วลูบกระดาษทราย เสียดสีจนในใจคันยุบยิบ
เมื่อแช่ไปสักพักก็มีคนบ่นว่าร้อน นั่งอยู่สองฝั่งของสระน้ำ ผ่านไปอีกสักพัก ท่านมู่ก็เอ่ยว่า “ข้าน้อยร่างกายอ่อนแอ แช่สระน้ำร้อนนานไม่ได้ เช่นนี้คงต้องขึ้นฝั่งแล้ว”
ในสระน้ำมีคนหัวเราะเอ่ยด้วยเสียงอู้อี้ว่า “รีบไปสิ อีกเดี๋ยวพวกเราก็ออกไป จิบชาคุยกัน หากเจ้าชอบก็เรียกแม่นางสักคนมาเพลิดเพลินกับเจ้า”
ท่านมู่ขึ้นจากสระ เขาเดินไม่ได้ ปกติแล้วจะแสดงวิชาตัวเบา ทว่าจะขึ้นจากน้ำก็ไม่ค่อยสะดวกนัก เหลยเซิงอวี่รีบไปรับ หลายคนนั้นที่นั่งอยู่ข้างสระก็ยิ้มเข้ามาใกล้ จะช่วยอีกแรง
ในใจของจิ่งเหิงปัวกระตุกวูบกะทันหัน
ร่างกายครึ่งหนึ่งของท่านมู่โผล่พ้นจากสระ
มือของเหลยเซิงอวี่ค่อยๆ คว้ามือที่ยื่นออกมาของเขาไว้
หลายคนอื่นที่นั่งข้างสระประคองแขนของท่านมู่ไว้
พริบตานั้นที่มือใกล้จะสัมผัส
ฝ่ามือของเหลยเซิงอวี่ก็กพลันตบออกไปข้างหน้าอย่างแรง พุ่งไปทางหน้าอกของท่านมู่!
ท่านมู่พลันเงยหน้าขึ้น แววตาตกตะลึงหวังจะดิ้นรน ทว่าสองฝั่งจับมือของเขาไว้ พลันมีแรงดั่งคีมเหล็ก ตรึงเขาไว้จนขยับไม่ได้!
พลั่ก! เสียงทุ้มต่ำที่เลือดเนื้อปะทะกัน ศีรษะท่านมู่เอนไปข้างหลัง ถูกฝ่ามือนี้โจมตีจนกระเด็นถอยไป กระอักโลหิตแดงฉานกลางอากาศ โปรยปรายลงสระอาบน้ำดั่งสายฝน
ขณะเดียวกันกับที่ท่านมู่ถูกโจมตี จิ่งเหิงปัวก็ยังไม่ทันได้เคลื่อนไหว พลันมีเสียงดังฉึก กำแพงข้างหลังและไม้พื้นเตียงข้างกายนางมีอาวุธนับไม่ถ้วนยิงออกมา สะบั้นลงมาทางนางทันที!
เสียงหัวเราะลั่นดังอยู่นอกห้อง
“ไอ้โง่! เจ้าลอบสังหารที่ห้องรับรองแขกไปแล้ว นึกว่าหลังจากนี้พวกเราจะไม่ได้เตรียมป้องกันเลยรึ?”
ไม่ทันสิ้นเสียงหัวเราะ ก็มีเสียงอุทานว่าเอ๊ะดังขึ้น “…คนเล่า?”
เงาของจิ่งเหิงปัวในห้องข้างสระหายไปแล้ว
พริบตาต่อมานางก็ปรากฏตัวเหนือสระอาบน้ำ
นางพุ่งชนฉากกั้น เหยียบคลื่นเข้าสู่ไอควันลอยโขมง แต่ละก้าวย่ำบนศีรษะผู้อาวุโสในน้ำพวกนั้น
“ไอ้โง่! ครั้งแรกข้าสังหารพวกเจ้าได้ แน่นอนว่าย่อมสังหารพวกเจ้าได้เสมอ!”
ฟิ้ว! เงาคนสายหนึ่งลอยมาทางนาง เป็นท่านมู่ที่ถูกโจมตีจนตัวลอยนั่นเอง
ผมยาวที่เปียกโชกของเขาพลิ้วสยายกลางอากาศ ท่วงท่าอ่อนแอดั่งขนนกที่ใกล้จะหักสะบั้น
จิ่งเหิงปัวไม่อยากรับไว้ แต่ผีสางเทวดากลับดลใจให้ยื่นสองมือออกไป
ท่านมู่ร่วงลงในอ้อมแขนนางดังพลั่ก
นางถูกน้ำหนักนั้นถ่วงจนเรือนร่างจมลงเล็กน้อย เหยียบศีรษะที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครข้างล่างจนจมลงไปใต้น้ำอีกครั้ง
พอนางก้มหน้าลงมอง เห็นว่าท่านมู่หมดสติไปแล้ว มุมปากเปื้อนเลือดลายพร้อย
นางอุ้มเขาไว้ งงงวยอยู่บ้าง คิดว่าเมื่อครู่ตัวเองโผล่มาตรงกับทิศทางของเขา คงไม่ใช่เพราะจิตใต้สำนึกจะรับเขาไว้หรอกกระมัง?
จิตใต้สำนึกแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไร
ตอนนี้จะทำอย่างไรดีเล่า โยนทิ้งหรือ?
ผู้ชายในอ้อมแขนปากซีดดั่งดอกอิงฮวายามวสันต์
นางอยากปล่อยมือเหลือเกิน เห็นเขาลอยอยู่ใต้น้ำก็น่าจะสะใจเช่นกัน เมื่อครู่ใครใช้ให้เขาทำนางเสียเรื่อง?
แม้จะคิดแบบนี้ แต่สองแขนของนางกลับรวบกอดเขาไว้แน่น ก้มหน้ามองเหล่าผู้อาวุโสที่ปีนขึ้นฝั่งตัวเปล่าเปลือยฝูงนั้น สายตาฉายแววโหดเ**้ยม
“รูปร่างเช่นนี้ยังกล้ามุดออกมาให้ขายหน้าอีก? ลงไป!”
ฉันเหยียบ! ฉันเหยียบ! ฉันจะเหยียบๆๆ!
ศีรษะที่จมๆ ลอยๆ อยู่ในน้ำล้วนเป็นหินปูพื้นของนาง นางเหยียบลงบนร่างที่ขาวเนียนไม่ก็ดำขลับเหล่านั้นอย่างแรง ราวกับเหยียบหมูที่น่ารังเกียจทีละตัว
ผู้อาวุโสบางส่วนพุ่งออกไปตัวเปล่า บางคนก็ต้องการตอบโต้ ทว่าเรือนร่างของนางแปลกประหลาดเหลือเกิน ลอยไปมาดั่งภูตพรายโดยแท้ ผู้ใดเสนอหน้าออกมาจะโดนนางเหยียบแรงขึ้น ไม่กี่ครั้งคนเหล่านั้นจึงมุดอยู่ก้นสระไม่ออกมาเสียเลย
ข้างนอกมีคนพุ่งเข้ามา ในมือล้วนเป็นอาวุธแต่ไม่กล้าโจมตี เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ข้างในไม่ได้พกอาวุธเพื่อแสดงความเยือกเย็น หากต่อสู้ยามนี้ ผู้ที่บาดเจ็บจะเป็นพวกเขาเอง
เจ้าของร้านที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดมีสีหน้าอึมครึม พวกเขาเจอจิ่งเหิงปัว จงใจพานางมาที่นี่ หวังจะขุดรากถอนโคนรวดเดียวด้วยการดักซุ่มที่ห้องข้างสระ ผู้ใดจะรู้ว่านางนี้อัศจรรย์เกินไป ผู้ใดเจอเข้าผู้นั้นเสียเปรียบ
ตอนนี้จิ่งเหิงปัวควบคุมกริชไล่เชือดทีละคนได้ แต่นางกำลังใคร่ครวญวาจาของท่านมู่
ฆ่าคนพวกนี้ทิ้งจะมีประโยชน์หรือ?
ฆ่าจักรพรรดิแล้ว ก็แค่เปลี่ยนจักรพรรดิคนใหม่ ฆ่าหัวหน้าพวกนี้แล้ว ไม่นานก็มีหัวหน้าใหม่
การต่อสู้แย่งชิงอำนาจที่เกิดขึ้นระหว่างเปลี่ยนหัวหน้าจะกระทบต่อความสงบสุขของไต้เม่า โลหิตของไต้เม่าเป็นโลหิตของยุทธภพแล้ว จะถ่ายโลหิตทั้งหมดทิ้งกะทันหันไม่ได้ ไต้เม่าจะสูญสิ้น
ที่นี่จะเป็นดินแดนที่นางอาศัยปักหลัก นางต้องการพิชิต ไม่ใช่ทำลาย
ท่านมู่ในอ้อมแขนยังไม่ฟื้นขึ้นมา และไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาเป็นอย่างไรกันแน่
ผู้คนในสระอาบน้ำไม่ห่วงภาพลักษณ์แล้ว เริ่มพุ่งออกไปข้างนอก มีบางคนตะโกนว่า “ยิงธนู! ยิงธนู!”
เสียงตะโกนแหลมสูงยิ่งเพิ่มความวุ่นวาย ฝนธนูแทงทะลุไอควันสีขาวอ่อน ร่วมพุ่งไปเหนือสระอาบน้ำ
เสียงฉึกๆ ดังขึ้นไม่ขาดสาย ผิวกำแพงกับละอองน้ำสาดกระเซ็น ไม่นานบนผิวสระอาบน้ำก็มีลูกธนูดำขลับลอยล่อง ไม่เปื้อนคราบโลหิต
ทุกคนมองหน้ากันไปมาอีกครั้ง ความหนาวเย็นพวยพุ่งจากก้นบึ้งหัวใจ
ข้างบนสระอาบน้ำว่างเปล่า มีเพียงไอควันลอยโขมงไร้เสียง
สตรีลึกลับที่ไปมาดั่งภูตพรายนั้น รวมทั้งท่านมู่ หายไปต่อหน้าต่อตาอีกครั้ง