บทที่ 285 – การเตรียมการ (5)
ตึง! ความตกตะลึงในดวงตาอึนยูริได้จางหายไป เธอคิดว่าขวานจะผ่าซอลจีฮูขาดครึ่ง แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่สิ มันไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้พอมองดูแล้ว ข้อมือของฆาตกร (แก้ไขจากนักฆ่าเป็นฆาตกร) กำลังถูกจับเอาไว้กลางอากาศ เหตุผลที่กว่าเธอจะสังเกตเห็นก็เพราะว่าซอลจีฮูยังคงมองมาที่เธออยู่ เขาได้หยุดการโจมตีเอาไว้โดยที่ไม่แม้กระทั่งจะมองกลับไป
“คุณมั่นใจนะ?”
เขาได้ถามออกมาอีกครั้งเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น อึนยูริที่กำลังสับสนได้แต่พยักหน้า จากนั้นซอลจีฮูก็หันหน้ากลับไป
“ฮ่าฮ่า เจ้าหนูนี่”
แขนในมือของซอลจีฮูกำลังสั่นไหว มันอยู่ห่างจากเป้าหมายแค่ไม่กี่เซ็นติเมตรแล้ว แต่ว่ามือที่จับมันเอาไว้มีแรงกดดันอันน่ากลัวจนทำให้มันขยับแขนไม่ได้เลย ฆาตกรอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนแขนกำลังติดอยู่ในหิน
“กี๊”
ขณะที่มันกำลังพยายามดิ้นสะบัด ขวานก็ได้เริ่มขยับลงมาเล็กน้อย
“หืมมม?”
แต่ว่าเมื่อซอลจีฮูออกแรงจับมากยิ่งขึ้น มันถึงขนาดหยุดนิ่งไปอย่างสิ้นเชิง
ซอลจีฮูไม่ได้ใช้มานาของเขาเลย พละกำลังของเขาอยู่ในระดับปานกลาง (ปานกลาง) ต่อให้นี่จะเป็นบทฝึกสอนแบบพิเศษ แต่แค่พละกำลังของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่มอนสเตอร์ตรงหน้าจะทำอะไรได้
กร๊อบ! ในท้ายที่สุดเมื่อเสียงแตกดังออกมา ฆาตกรก็ต้องร้องอย่างเจ็บปวด
“หากว่านายไม่ตามเรามา มันก็ไม่เกิดเรื่องแบบนี้หรอก”
ซอลจีฮูได้บิดข้อมือของฆาตกรโดยไม่ขยับเลยสักนิด
กร๊อบบบบ!
“อ๊ากกกก!”
ฆาตกรได้ร้องเสียงหลงออกมา เขาคงจะต้องเจ็บปวดมากจนทำให้ดิ้นพล่านด้วยความทรมาน แต่มือซ้ายของเขาก็ยังคงจับขวานไว้แน่น และเหวี่ยงมันออกมา-
“ยอดเยี่ยม”
แต่แล้วขวานก็ต้องตกลงเมื่อหมัดอันทรงพลังได้กระแทกเข้าที่ท้อง ซอลจีฮูได้โจมตีซ้ำอีกครั้งในจุดเดิมโดยไม่ยอมหยุดเลย ฆาตกรได้ทรุดตัวลงไปคุกเข่ากับพื้น จากนั้นเมื่อถูกเตะเข้าที่ปลายคางอย่างรวดเร็วแล้ว มันก็ได้นอนนิ่งไป
‘ที่เป็นสีเขียวก็เพราะอ่อนแอสินะ…’
ฝ่ายตรงข้ามคงจะไร้ซึ่งภัยคุกคามต่อซอลจีฮูต่อให้เขาจะกระชากคอมาบอกว่า ‘ช่วยฆ่าฉันที’ ก็ตาม สำหรับซอลจีฮูที่หวังว่าจะได้เจอกับการต่อสู้เอาชีวิตรอดแล้ว นี่มันทำให้เขาอดส่ายหัวอย่างผิดหวังไม่ได้
ท้ายที่สุดแล้วนี่ก็แค่บทฝึกสอน มีอีกหลายอย่างที่เขาต้องทำในเขตพื้นที่เป็นกลาง เพราะงั้นการใช้เส้นทางที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดมันคงจะดีกว่า
“กรรร…”
ฆาตกรขวานได้กัดฟันเงยหน้ามาจ้องซอลจีฮู
“อย่าแยกเขี้ยวสิ”
ยังไงก็ตามเท้าของซอลจีฮูก็กระแจกเข้าใส่ฟันของฆาตกรจนทำให้ฟันร่วงออกมาจนหมด
ตื๊ดดด! โทรศัพท์ได้สั่นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซอลจีฮูไม่รู้เลยว่ามีอัพเดทอะไร แต่ว่าเขาก็เฝ้ามองสำรวจดูที่เอวของฆาตกรอย่างตั้งใจ ตรงนั้นมีอาวุธมากมายถูกแขวนเอาไว้อย่างที่อึนยูริบอก แต่น่าเสียดายที่ไม่มีหอกอยู่เลย
“ไม่มีหอก? ทำไมไม่พกมาสักเล่มล่ะ?”
“ฮืออ… ฮืออ…”
เสียงร้องคร่ำครวญได้ดังออกมา แต่ซอลจีฮูก็กำหมัดอย่างไม่พอใจ
“หุบปากไปซะ”
ผั๊วะ! เมื่อถูกหมัดอันทรงพลังกระแทกปากที่โชกไปด้วยเลือด ฆาตกรก็เงียบลงไป ซอลจีฮูได้หยิบเอามีดยาวออกมา ก่อนที่จะสะบัดเล่น และหันกลับไปหาอึนยูริ
“คุณอยากจะปิดฉากมันไหม? นี่มันน่าจะทำให้คุณได้รับคะแนนได้บ้าง”
อึนยูริได้รีบส่ายหัวออกมาอย่างรุนแรง
“โอ้ ถ้างั้นผมคงต้องฆ่าเขาเองสินะ”
“ไม่ค่ะ! ไม่ใช่แบบนั้น”
เมื่อซอลจีฮูเดินเข้าไปใกล้ฆาตกร และยกมีดยาวขึ้น อึนยูริก็รีบวิ่งเข้ามาหยุดเขาไว้
“ดูนี่สิค่ะ”
อึนยูริได้ส่งโทรศัพท์ของเธอให้ซอลจีฮูที่กำลังสับสนอยู่ดู
[ผู้ส่ง: นิรนาม]
ป่า (สมุดบันทึกของผู้รอดชีวิตนิรนาม – หน้าที่ 22)
‘เรามาอยู่หน้าที่ 22 แล้ว…?’
ซอลจีฮูรู้สึกแปลกใจกับความคืบหน้านี้ แต่เขาก็ยังคงอ่านเนื้อหาข้างในอย่างสงบ
…
ในที่สุดพวกเราก็จัดการฆาตกรได้แล้ว! ถึงจะมีสองคนที่บาดเจ็บ แต่เราทุกคนก็ตื่นเต้นที่ได้รู้ว่าฆาตกรที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัวก็ตายได้เหมือนกัน
บางคนได้แนะนำให้จับฆาตกรเอาไว้ ในระหว่างที่คุยกันว่าจะทำยังไงกับเขา แต่เราต้องทำยังไงล่ะ? ทุกๆคนต่างฟันฆาตกรจนตายอย่างมีความสุข
เมื่อฆาตกรได้หมดลมหายใจสุดท้ายไป ควันดำได้พุ่งออกมาจากร่างเขา และลอยหายไปไกล มีวิญญาณร้ายสิ่งอยู่ในร่างฆาตกรงั้นหรอ?
แต่สิ่งสำคัญคือฆาตกรบ้านี่ได้ตายลงไปแล้ว หลังจากต้องหวาดกลัวอยู่นาน พวกเราทุกคนก็ได้หัวเราะและเฉลิมฉลองกับชัยชนะอย่างมีความสุข ในคืนนี้พวกเราก็น่าจะได้พักผ่อนอย่างสบายใจสักที
…แต่หลังจากนั้นไม่ถึงชั่วโมงก็มีเรื่องที่บ้ามากๆเกิดขึ้น
บ้าเอ้ย! เธอพูดถูก! แม่ที่หกโกรธแล้ว! พวกเราไม่ควรจะคร่าชีวิตของฆาตกรด้วยมือเราเองเลย!
…
หลังจากที่ได้อ่านสมุดบันทึกแล้ว ซอลจีฮูก็เข้าใจว่าทำไมอึนยูริถึงได้เข้ามาหยุดเขาไว้ เขาเกือบจะทำพลาดไปแล้ว ผู้รอดชีวิตไม่ควรที่จะฆ่านักฆ่าด้วยตัวเอง
‘แม่ที่หกโกรธแล้ว?’
เขาไม่เข้าใจเลยว่าวรรคนี้มันหมายความว่ายังไง แต่ในตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาไม่ควรจะฆ่าฆาตกร บางทีการฆ่าฆาตรกรอาจจะเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ทำให้บทฝึกสอนยากขึ้นก็ได้
‘ฉันไม่ควรจะดูถูกการฝึกสอนนี่สินะ?’
ก็นะ ถ้างั้นแล้วรางวัลมันจะน่าทึ่งขนาดไหนกัน ซอลจีฮูได้พึมพำกับตัวเอง พร้อมลดมีดยาวลง
เขาไม่ได้อยากจะฆ่าฆาตกร แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากจะปล่อยฆาตกรไป ขณะที่เขากำลังคิดว่าควรจะทำยังไงต่อ…
“อืมม…”
อึนยูริได้ถือเชือกเดินเข้ามาหาเขา
“อ่า เชือกนี่สามารถยับยั้งฆาตกรได้ใช่ไหม?”
“ค่ะ”
ในตอนแรกที่เห็นมัน เขาก็สงสัยอยู่เลยว่าจะใช้มันทำอะไร แต่ตอนนี้เขาเข้าใจดีแล้ว
อึนยูริได้เข้าไปมัดฆาตกรเอาไว้ทั้งๆที่ซอลจีฮูไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย เขาคิดว่าเธอจะแค่พันเชือกรอบตัวฆาตกรเฉยๆ แต่น่าแปลกที่เธอได้มัดเงื่อนตายกับฆาตกรอย่างน่าตกใจ มือของเธอได้ขยับไปมาอย่างลื่นไหว
ตื๊ดดดด!
…
[ผู้ส่ง: นิรนาม]
ป่า (สมุดบันทึกของผู้รอดชีวิตนิรนาม – หน้าที่ 24)
พวกเราจับฆาตกรได้อีกคนแล้ว คราวนี้มีหลายคนที่ตายจากไปเพราะพลังของฆาตกรเพิ่มมากขึ้น คราวนี้จะไม่มีการทำพลาดซ้ำอีกแล้ว พวกเราได้ใช้เชือกมัดฆาตกรเอาไว้
แต่เราจะทำยังไงดีล่ะ? เราจะกำจัดฆาตกรโดยไม่ให้แม่ที่หกรู้ได้ยังไงกัน?
พวกเราจะต้องหาทาง… แต่ว่าเสียงร้องของฆาตกรมันดังเกินไป พวกเราต้องรีบทำอะไรสักอย่างกับมัน…
…
สมุดบันทึกของผู้รอดชีวิตนิรนามได้อัพเดทขึ้นอีกครั้ง ซอลจีฮูได้สนใจอยู่กับ ‘โดยไม่ให้แม่ที่หกรู้’
จู่ๆก็มีข้อมูลถูกเผยออกมามากขึ้น ซอลจีฮูได้พูดขึ้นโดยคิดว่าพวกเขาต้องการเวลาสำหรับการวิเคราะห์ก่อนจะทำอะไรมากไปกว่านี้
“ไปกันก่อนเธอ อ่า พาเจ้านั่นไปด้วย”
ซอลจีฮูได้หยิบเชือก เปิดแผนที่ และจากนั้นก็เริ่มออกเดินไปพร้อมลากฆาตกรไปกับพื้น
***
มีเครื่องหมายอยู่บนแผนที่สิบห้าจุด นอกเหนือจากสามจุดที่เป็นสัญลักษณ์พิเศษแล้ว ที่เหลือต่างก็เป็นสัญลักษณ์เหมือนบ้านทั้งหมด
เมื่อเดินเข้าใกล้สัญลักษณ์รูปบ้าน ซอลจีฮูก็ได้เจอกับกระท่อมที่ปิดไฟอยู่อย่างที่คาดเอาไว้
เนื่องจากว่าทั้งเกาะได้ถูกปกคลุมไปด้วยป่า กระท่อมจึงดูเหมือนกับกระท่อมตามหนังสยองขวัญมากกว่ากระท่อมนักท่องเที่ยวปกติ
…
[ผู้ส่ง: นิรนาม]
กระท่อม (สมุดบันทึกของผู้รอดชีวิตนิรนาม – หน้าที่ 2)
ระหว่างวิ่งหนีกันชุลมุน พวกเราก็ได้มาเจอเข้ากับกระท่อม หลังจากวิ่งเข้าไปหลบอยู่ข้างใน และล็อคประตูทั้งด้านหน้ากับด้านหลังแล้ว พวกเราถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
การหาที่หลบพักได้ถือเป็นเรื่องนี้ แต่นับจากนี้ไปเราจะเอายังไงกันดี?
ไม่สิ ไม่ได้แล้ว มันจะต้องมีทางออกอยู่! อย่างแรกต้องค้นหารอบๆกระท่อมก่อน บางทีอาจจะเจออะไรที่มีประโยชน์ก็ได้
พวกเราควรจะปิดไฟเอาไว้ใช่ไหมนะ? กระท่อมนี้มันไม่ใช่ที่ปลอดภัย เพราะงั้นเราควรจะต้องระวังไม่ให้เป็นที่สนใจ…
…
ซอลจีฮูได้โยนฆาตกรขวานเอาไว้ใกล้ๆ และเข้าไปในกระท่อม เขาได้ล็อคประตูตามที่สมุดบันทึกเขียนเอาไว้ เขาถึงได้หันไปเปิดไฟ
กระท่อมหลังนี้มีอยู่สองชั้น และมีพื้นที่อยู่ประมาณ 130 ตารางเมตร ซอลจีฮูกับอึนยูริได้ค้นอยู่ทั่วทั้งกระท่อม แต่นอกจากอาหารกระป๋องนิดหน่อยกับขวดน้ำอีกสองขวด ก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเจอกับแผนที่ แต่นี่ก็ไม่จำเป็นเลยในเมื่อพวกเขามีสมุดบันทึกของผู้รอดชีวิตนิรนามอยู่
เมื่อค้นทุกอย่างจบ ซอลจีฮูก็ได้หันมามองอึนยูริ เธอกำลังจับแผ่นยันต์มาเล่นอยู่
“แผ่นยันต์ก็เหมือนกับกล่องของจำเป็น มันจะเปิดใช้งานเวทมนต์ที่คุณจำเป็นที่สุดในสถานการณ์นั้นๆ”
อึนยูริได้ผงะไป เธอได้รีบโยนยันต์ออกไปเหมือนกับเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิด
“ฉันไม่ได้จะใช้มันนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ผมหวังแค่ให้ได้สักอันก็พอแล้ว แต่นี่เรากลับได้ถึงสามแผ่น แค่เก็บไว้แผ่นเดียวก็พอ ส่วนที่เหลือคุณก็ใช้ได้ตามสบายเลย”
ซอลจีฮูได้พูดด้วยรอยยิ้ม
“โอ้ แล้วนี่คุณหิวไหม? อยากจะกินอะไรหน่อยไหม?”
อึนยูริส่ายหน้าออกมา
“หรือจะนอนพักสักสองชั่วโมงก็ได้นะ คุณคงจะเหนื่อย”
ส่ายๆ
ซอลจีฮูหยักไหล่ออกมา
“เอาล่ะ ถ้างั้นมาคุยกัน”
เขาได้นั่งลงในห้องนั่งเล่นที่เต็มไปด้วยฝุ่น เมื่ออึนยูรินั่งตามลงไป เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมา
“ให้ผมอธิบายแล้วกันนะว่าต่อจากนี้เราจะทำยังไงกันต่อ”
เขาได้ชี้ไปที่สัญลักษณ์พิเศษในแต่ละจุด
“สะพาน รถ แล้วก็เรือ… สัญลักษณ์มันดูเป็นแบบนี้ใช่ไหม? ก็นะ ดูแล้วทั้งสามอย่างอาจจะเป็นวิธีออกไปจากเกาะนี้”
“ค่ะ”
“ขึ้นสะพานที่ท้ายเกาะ นั่งรถเพื่อหลบหนีจากฆาตกรที่ไล่ฆ่า และหนีไป หรือว่าจะนั่งเรือหนีทางน้ำ ทั้งสองวิธีนี้ก็เป็นไปได้ทั้งหมด แต่ว่ามันไม่น่าจะง่ายแบบนั้น”
“…”
“จะต้องมีกับดักหรือแผนการบางอย่างคอยขัดขวางเราอยู่แน่ ไม่ว่าจะยังไงบทฝึกสอนก็จะไม่ปล่อยให้เราหนีไปได้ง่ายๆ”
เมื่อนึกย้อนไปถึงกับดักที่บันไดทางขึ้นชั้นสองในบทฝึกสอนปกติแล้ว อึนยูริก็พยักหน้าออกมา
“พูดตามตรงแล้วการหนีไปจากเกาะนี้ไม่ได้ยากเลย”
ซอลจีฮูกอดอกขึ้น
“หากว่าพวกเราตั้งใจจะหนี เราก็หนีไปได้ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำ”
แต่ว่าทั้งซอลจีฮูกับอึนยูริก็รู้ว่าไม่ควรจะทำแบบนั้น
“ถึงเราจะไม่มั่นใจว่ามีอะไรอยู่บนเกาะนี้ แต่ว่าเราจะต้องหาความลับของมัน นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้รับรางวัลพิเศษจากด่านลับนี่”
ซอลจีฮูเม้มปาก
“แต่ว่าผมก็คิดไม่ออกเลยว่ามันอยู่ที่ไหน มันไม่มีอะไรที่ดูพิเศษบนแผนที่อีกแล้ว… ลำบากจริงๆเลย”
ขณะแตะหน้าจอ ซอลจีฮูก็ถอนหายใจออกมา
“หากว่าเรามีเบาะแส…”
อึนยูริได้พึมพำกับตัวเอง หลังจากคิดอยู่นาน เธอก็มองไปที่ซอลจีฮู และสูดหายใจ จากนั้นจู่ๆ…
[มันไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ต้องทำอะไรหรอกนะคุณอึนยูริ นี่เป็นสิ่งที่คุณต้องจดจำเอาไว้]
สิ่งที่คิมฮันนาห์พูดได้ย้อนกลับเข้ามา
“…อืม”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง อึนยูริก็ค่อยๆพูดออกมา
“ฉันคิดว่ามีเบาะแสอยู่ค่ะ”
ดวงตาซอลจีฮูเบิกกว้างขึ้น
“มันอาจจะเป็นแบบที่ผมคิดก็ได้ ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าเรื่องอะไร?”
“อ่า ได้แน่นอนค่ะ”
อึนยูริได้พูดอย่างสงบ
“อย่างแรกข้อมูลที่เราได้รับมามีมากแล้ว ฉันคิดว่ามีฆาตกรทั้งหมดห้าคน”
“ทำไมล่ะ?”
“หน้าที่ 22 ส่วนที่บอกว่าแม่ที่หกโกรธ”
อึนยูริได้ปัดหน้าจอเปิดไปหน้าที่ 22 ของสมุดบันทึกของผู้รอดชีวิตนิรนาม
“ฉันคิดว่าแม่ในที่นี่เป็นการเปรียบเปรย”
ซอลจีฮูลูบคาง
“บนโลกเราแม่คือทุกๆอย่าง… อะไรทำนองนี้ใช่ไหม?”
“ค่ะ จากที่ฉันตีความคือมีฆาตกรทั้งหมดห้าคน หนึ่งไปจนถึงห้า และแม่ที่หกคือคนที่คอยควบคุมพวกเขา”
“อืม… เป็นไปได้ไหมว่านักฆ่าแต่ละคนต่างก็มีแม่แต่ละคนเช่นกัน? ถ้าแบบนี้ก็เป็นไปได้ว่าฆาตกรมีอย่างน้อยหกคน”
“ในตอนแรกที่หน้าหน้าที่ 22 ฉันก็คิดแบบนี้ แต่ว่าหน้าถัดไปมันก็ได้บอกออกมาว่าไม่จริง”
อึนยูริได้เปิดไปที่หน้า 24
[พวกเราจับฆาตกรอีกคนได้แล้ว]
[เราจะกำจัดเขายังไงโดยไม่ให้แม่ที่หกรู้?]
“อย่างที่เห็นคือพวกเขาจับตัวฆาตกรได้หลังจากที่ฆาตกรคนแรกไป ทั้งสองคนต่างก็ถูกกำจัด แต่ว่าทั้งคู่ต่างก็มีแม่คนที่หกเข้ามาเกี่ยว”
ซอลจีฮูรู้สึกประหลาดใจ
“อ่อ ถ้างั้นแล้ว…”
“ฉันคิดว่าแม่คนที่หกเกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่ซ่อนอยู่”
ซอลจีฮูเลิกคิ้วขึ้น
“เนื้อหาหน้า 22 กับหน้า 24 เกี่ยวข้องกัน หากว่าผู้รอดชีวิตฆ่าฆาตกร แม่คนที่หกก็จะรู้ และโกรธ”
“ใช่แล้ว”
จากนั้นซอลจีฮูก็คิดว่า ‘หากว่าพวกเขาอยากจะฆ่าฆาตกร พวกเขาก็จะต้องหาวิธีหลบเลี่ยงไม่ให้แม่คนที่หกรู้ ไม่เช่นนั้นความโกรธของแม่คนที่หกจะทำให้ฆาตกรคนที่เหลือแกร่งขึ้น’
ยังไงก็ตามสิ่งที่อึนยูริพูดต่อมาต่างไปจากที่เขาคิด
“ในตอนที่คุณจับตัวฆาตกรขวานก่อนหน้านี้ มีใครอยู่ใกล้ไม่คะ?”
“ไม่นะ ผมไม่คิดแบบนั้น”
“หากว่าแม่ที่หกไม่ได้อยู่ด้วย ถ้างั้นแล้วเธอรู้ได้อย่างไรว่าฆาตกรถูกฆ่า?”
“อืม… คิดเป็นการสื่อสารกันสักวิธี สายสัมพันธ์ที่มีเพียงฆาตกรกับแม่ที่หกมีร่วมกัน”
อึนยูริได้มองซอลจีฮูนิ่งๆ
“ฉันก็คิดแบบนั้น แต่ว่าคุณบอกแล้วว่าสมุดบันทึกของผู้รอดชีวิตนิรนามจะอัพเดทตามสถานการณ์ และฉันควรจะอ่านมันเพราะจะมีคำใบ้ซ่อนเอาไว้อยู่”
“อ่า ครับ ผมบอกแบบนั้น”
“ถ้างั้นมันต้องมีเหตุผลที่ส่วนนี้ถูกพูดถึงในสมุดบันทึก จากนั้นฉันก็คิดว่ามันเป็นคำใบ้”
อึนยูริได้เปิดหน้าไป และชี้ที่บรรทัดที่สอง
ซอลจีฮูได้กำมือรูปคาง เขารู้สึกเหมือนเขาเข้าใจว่าอึนยูริกำลังพูดอะไร แต่ว่าเธอมีแผนที่จะหาพื้นที่ลับยังไงล่ะ?
เขาได้เอียงตัวมาข้างหน้าด้วยความทึ่งในสิ่งที่อึนยูริพูด
“พอจะอธิบายหน่อยได้ไหม?”
“ค่ะ ฉันจะบอกเดี๋ยวนี้แหละ”
อึนยูริได้กระแอ่ม จากนั้นเธอก็อธิบายแผนออกมา
ไม่นานนักเมื่อคำอธิบายจบลง ซอลจีฮูก็ต้องขมวดคิ้ว อึนยูริได้มองดูซอลจีฮูอย่างเป็นกังวลเหมือนกับนักเรียนที่รอคำตอบ
หลังจากเงียบอยู่สักพัก ซอลจีฮูก็ละสายตาออกมาจากโทรศัพท์ และเงยหน้าขึ้น เขามองไปที่อึนยูริด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
คิมฮันนาห์บอกว่าเธอเป็นแค่นักศึกษาไม่ใช่หรอ?
“คุณอึนยูริ”
ทันใดนั้นเขาก็ถามออกมาด้วยความสงสัย
“คุณเรียนสาขาอะไร?”
อึนยูริได้เอียงหัวสงสัย แต่ก็ตอบกลับไป
“การเต้นสมัยใหม่ ถามทำไมหรอคะ?”