ตอนที่ 286

The Second Coming of Gluttony

บทที่ 286 – การเตรียมการ (7)

‘สาขาการเต้นสมัยใหม่งั้นหรอ?’

คำตอบนี่มันอยู่นอกเหนือกับที่เขาคิดไว้อย่างสิ้นเชิง แต่มันก็ไม่ได้สำคัญ

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่คิดว่าคุณเป็นนักเรียนตำรวจหรืออะไรทำนองนั้น”

ซอลจีฮูได้หัวเราะออกมาก่อนจะตอบกลับไป จากนั้นเขาก็ถอนหายใจยาว และเริ่มคิดกับตัวเอง

เขารู้ว่าเธอต้องการอะไร แต่ปัญหาคือมันจะเป็นไปได้ไหม

“หืม”

ความเงียบได้เข้าปกคลุมอีกครั้ง

อู้วววววว

จะมีก็แต่เสียงร้องโหยหวนของฆาตกรที่ถูกโยนทิ้งเอาไว้ด้านนอกดังออกมา ขณะที่ซอลจีฮูคิดกับตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม อึนยูริก็ค่อยๆโบกมือออกมา

“นี่แค่ความเห็นของฉันนะคะ ถ้ามันยากเกินไปก็ไม่ต้องก็ได้ค่ะ”

“ไม่หรอก มันไม่ใช่แบบนั้น”

ซอลจีฮูส่ายหัวออกมา

“มันก็ไม่ใช่แผนที่แย่อะไร หากว่ามันได้ผล มันก็จะเป็นเรื่องดีสำหรับเรา แล้วก็ถ้าถ้ามันไม่ได้ผล ถึงอาจจะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ฉันก็คิดว่าฉันรับมือไหว”

“…”

“ปัญหาคือมันจะเป็นไปได้หรือเปล่า การถูกเชิญมาจากโลกทำให้อาร์ติแฟคกับอุปกรณ์ทั้งหมดของฉันถูกทิ้งเอาไว้ในพาราไดซ์”

หลังจากพูดแบบนี้แล้ว ซอลจีฮูก็ค่อยๆเรียบเรียงความคิดของตัวเอ

จากสมุดบันทึกของผู้รอดชีวิตนิรนาม พวกเขาสามารถที่จะจับฆาตกรอีกคนได้สำเร็จหลังจากฆ่าฆาตกรคนแรก จากเนื้อหาทั้งหมดนี่แล้ว ต่อให้พวกเขาฆ่าฆาตกรไปคนหนึ่งความยากของบทฝึกสอนก็คงไม่ได้พุ่งขึ้นไปในระดับเป็นไปไม่ได้อย่างทันที

อาจจะเป็นไปได้ว่าพลังของฆาตกรจะค่อยๆเพิ่มขึ้นในทุกๆครั้งที่พวกเขาฆ่าฆาตกรลงไป

หากเป็นแบบนี้

ในที่สุดแล้วซอลจีฮูก็ตัดสินใจหลังจากคิดอย่างหนัก

“มันก็ดีนะ ผมคิดว่าอย่างน้อยมันก็คุ้มค่าที่จะลองดู”

บางทีพวกเขาอาจจะเจอความลับที่ซ่อนอยู่แล้วจริงๆ หากว่าอึนยูริพูดถูก ส่วนที่เหลือของบทฝึกสอนก็จะกลายเป็นง่ายขึ้นมาก เขาได้เริ่มมีพลังขึ้นมา

ซอลจีฮูยิ้มสดใส และพูดขึ้น

“ในเมื่อเรามีสิ่งที่ต้องทำแล้ว เราควรจะเริ่มกันเลยไหม?”

“ค่ะ”

เมื่อทั้งสองคนได้ลุกขึ้นยืนพร้อมๆกัน

ตึง ตึง ตึง ตึง!

ทันใดนั้นจู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู

ซอลจีฮูกับอึนยูริได้รีบหันไปมองที่ประตูหน้า ก่อนที่จะค่อยๆหันกลับมามองหน้ากัน

แกร๊ก แกร๊ก!

พวกเขากระทั่งได้ยินเสียงคนพยายามเปิดประตูอีกด้วย ดูเหมือนว่าคนๆนั้นจะกำลังรีบมากด้วย

เมื่อซอลจีฮูได้ส่งสัญญาณให้อึนยูริเงียบเอาไว้แล้ว เธอก็พยักหน้าออกมา

ซอลจีฮูได้ค่อยๆเดินไปทางประตูหน้าด้วยความเงียบที่สุดเท่าที่ทำได้

“…”

เขาจินตนาการไปเองหรือเปล่านะที่ได้ยินเสียงแผ่วเบาจากด้านนอกประตู?

เป็นสีเขียว แต่ว่า..

ซอลจีฮูได้แนบหูกับประตูอย่างแผ่วเบา

“ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย!”

เป็นเสียงที่กำลังดิ้นรนอยู่

“ใครก็ที่อยู่ด้านใน ช่วยฉันด้วย”

น้ำเสียงของเขาดังขึ้นและขาดหายไปเป็นช่วงๆ ดูจากลมหายใจที่สั้นถี่แล้ว ชายคนนี้ดูเหมือนจะกำลังจะตาย

มันอาจจะเป็นไปได้ที่ฆาตกรหลอกเลียนเสียงผู้รอดชีวิต ไม่สิ เดี๋ยวก่อนนะ

ต่อให้เป็นฆาตกรก็ไม่ได้สำคัญเลย

หลังจากซอลจีฮูพึมพำกับตัวเอง เขาก็ได้จับมีดยาวเอาไว้แน่น เมื่อเขาเปิดล็อคก็ได้ถอยหลังกลับไป ประตูได้ถูกเปิดขึ้นพร้อมเผยให้เห็นชายร่างใหญ่ล้มเข้ามาในห้อง ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะพิงประตูอยู่

“อ๊าา”

หลังจากที่ชายคนนี้ดิ้นอยู่กับพื้น ซอลจีฮูก็ขมวดคิ้วออกมา

แค่เหลือบตามองก็รู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในสภาพวิกฤต นอกเหนือจากแผลถูกแทงนับไม่ถ้วนตามร่างกายแล้ว ก็ยังมีรอยฟันจำนวนมากกัดตามแขนขาของเขา รอยแผลพวกนี้มันดูเหมือนกับถูกเขี้ยวของอะไรบางอย่างกัดและฉีกกระชากเนื้อออกไป

“คุณโอเคนะ?”

เขาได้รีบคุกเข่าลงไปตรวจสอบแผลของชายหนุ่ม แต่ว่าในตอนนี้ก็ไม่มีอะไรที่เขาทำได้เลย ซอลจีฮูไม่ใช่นักบวช และไม่มีอุปกรณ์การแพทย์ใดๆติดตัวมาอีกด้วย

อาการของอีกฝ่ายนั้นหนักมาจนทำให้เขาถึงกับตรงใจที่ชายคนนี้มาได้ถึงขนาดนี้

“ได้โปรด ได้โปรดช่วยผมด้วย”

ชายคนนี้ได้อ้อนวอนออกมาด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง

“เกิดอะไรขึ้น? คุณถูกฆาตกรโจมตีงั้นหรอ?”

“ผะ ผมไม่รู้ ระหว่างวิ่งหนีจากลานกว้าง ผมก็ถูกจับได้”

เขาถูกจับ?

ฆาตกรขวานได้ไล่ตามซอลจีฮูกับอึนยูริมา หรือก็คือชายคนนี้ถูกฆาตกรอีกคนจับตัวไป

“คุณพอจะอธิบายหน่อยได้ไหม?”

สายตาของเขาสั่นไหว พอมองดูอีกฝ่ายแล้ว ชายคนนี้ก็ดูคล้ายกับสุนัขที่มีร่างใหญ่ และดวงตาอ่อนโยน

“คุณ”

เขาได้พยายามขยับปากก่อนที่สีหน้าจะบูดบึ้ง

“อ๊าากก”

เขาครวญครางออกมา

“ระวัง”

น้ำเสียงของเขาได้ชัดเจนขึ้นเล็กน้อยเมื่อเขาพยายามเค้นคำพูดออกมา

“ระวัง?”

“ครับ ฆาตกรทิ้งผมไว้”

ซอลจีฮูหรี่ตาลง

“ผมไม่รู้ว่าทำไมไอ้สารเลวนั่นถึงได้ทิ้งผมเอาไว้ตรงหน้ากระท่อมนี้ และจากนั้นมันก็หายตัวไปเลย”

ชายคนนี้ได้พูดออกมาด้วยความยากลำบาก พร้อมพยายามสูดหายใจไปด้วย

“มีอะไรแปลกๆอีกไหม?”

“อ่า ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงร้องแปลกๆด้วย”

เสียงร้อง

ทันทีที่ได้ยินแบบนี้ซอลจีฮูก็รู้ตัวทันที ในตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ฆาตกรขวานต้องมีเป้าหมายสักอย่างในการร้องออกมาแน่ ทันใดนั้นสมุดบันทึกของผู้รอดชีวิตนิรนามก็ย้อนกลับเข้ามาในความคิดเขา

[พวกเราต้องหาทาง แต่ว่าฆาตกรร้องไม่หยุดเลย]
[พวกเราต้องรีบหาทางทำอะไรสักอย่าง]

ไม่มีทางน่า

“คุณอึนยูริ”

เมื่อเขาได้ลุกขึ้นยืน และหันหน้าไป เขาก็เห็นอึนยูริกำลังฉีกผ้าที่เธอหยิบขึ้นมาเป็นเส้นยาว

“รออยู่นี่นะ”

เมื่อพูดจบซอลจีฮูก็เดินออกประตูไป ที่เท้าของเขาได้มีประกายสายฟ้าปรากฏขึ้น

ปัง!

เมื่อเขาอ้อมมาที่ด้านหลังก็เป็นอย่างที่เขาคิด

เขาเห็นฆาตกรอีกคนหนึ่งกำลังนั่งยองๆ อยู่ข้างๆฆาตกรขวานเพื่อปลดเชือกอยู่ เนื่องจากว่าเชือกที่มัดฆาตกรขวานเอาไว้ถูกมัดไว้แน่นมากทำให้มันไม่อาจจะแก้เชือกได้ง่ายๆ ฆาตกรก็เลิกใช้มือ และเปลี่ยนไปใช้ฟันกัดเชือกแทน

“แก”

ฆาตกรได้เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจเมื่อซอลจีฮูพุ่งเข้าใส่มัน ยังไงก็ตามฝ่ายตรงข้ามของมันเร็วเกินไป ซอลจีฮูได้กลายเป็นประกายแสงพุ่งเข้าใส่ฆาตกร และเหวี่ยงมีดยาวออกมา

ฉั๊วะ! ก่อนที่ฆาตกรจะได้ทันทำอะไร มีดยาวก็ตัดผ่านคอมันไปแล้ว มันได้ล้มลงไปโดยไม่มีโอกาสแม้กระทั่งกรีดร้องด้วยซ้ำ ร่างกายของมันได้เริ่มชักกระตุกพร้อมมีน้ำพุเลือดพุ่งออกมาจากคอ

“อู้วววววววว”

ฆาตกรขวานได้เริ่มร้องอีกครั้งหนึ่งเมื่อเห็นพรรคพวกที่เข้ามาช่วยมันตายลงไป

ในสมุดทันบึกได้บอกไว้ว่าพวกเราควรจะรีบทำอะไรสักอย่างสินะ?

ใครจะไปรู้กันว่าฆาตกรจะสามารถเรียกพรรคพวกให้มาช่วยหลบหนีได้ด้วย? ซอลจีฮูกับอึนยูริแทบจะเสียวัตถุดิบจำเป็นสำหรับแผนการไปแล้ว

“นี่คงเป็นฆาตกรกินคนสินะ”

เมื่อเขาถอนหายใจออกมา ซอลจีฮูก็ได้ยินเสียงมาจากด้านหลัง อึนยูริที่กำลังถือโทรศัพท์ได้มองไปที่ซอลจีฮู

กินคน

ไม่ต้องอ่านสมุดบันทึกก็พอจะเดาได้แล้ว

“ชายคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?”

“เขาหมดสติไปแล้ว แต่จากลมหายใจ คงยังมีชีวิตอยู่ค่ะ แต่ว่า…”

อึนยูริได้เว้นช่วงไป

ซอลจีฮูเดาะลิ้นพร้อมทั้งสะบัดเลือดออกจากมีดยาว ผ้าพันแผลกับน้ำยาฆ่าเชื้อก็น่าจะยังไม่พอรักษาชายคนนั้น และการไปต่อเขตพื้นที่เป็นกลางก็ยังเป็นปัญหาได้อีก

วิธีเดียวที่จะช่วยเขาจำเป็นต้องหาของที่เทียบเท่าได้กับน้ำยารักษาระดับสูง เขาก็ไม่มั่นใจนะ แต่เขาคิดว่าคงมีแค่สถานที่เดียวที่เขาจะหาของแบบนั้นได้

“ตอนนี้ปล่อยเขาจะไม่เป็นไรสินะ”

“ค่ะ ฉันคิดว่าแบบนั้น”

“ถ้างั้นก็โอเคแล้ว”

ซอลจีฮูได้ก้มมองลงไป จู่ๆพวกเขาก็มีวัตถุดิบที่พร้อมใช้งานแล้ว แม้ว่าคนหนึ่งดูจะใกล้ตายแล้วก็ตาม

อย่างแรกซอลจีฮูได้เข้าไปตรวจสอบคนที่กำลังเป็นลมอยู่ก่อน อึนยูริได้ใช้ผ้าที่เธอฉีกออกมาพันรอบตัวเขาหลายทบเพื่อหยุดเลือดเอาไว้ก่อนที่จะซ่อนเขาไว้ใต้เตียง สำหรับตอนนี้นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ทำให้ได้แล้ว

ที่เหลือก็แค่ชายคนนี้จะทนได้จนกว่าซอลจีฮูจะกลับมาพร้อมของที่ไว้ใช้รักษาเขาหรือเปล่าเท่านั้นเอง

หลังจากปิดไฟ และปิดประตูเอาไว้แล้ว ซอลจีฮูก็หันไปถามอึนยูริที่มัดฆาตกรขวานเอาไว้ใหม่

เมื่อเห็นฆาตกรถูกมัดจนแน่นอีกครั้ง ซอลจีฮูก็หัวเราะออกมา

การมัดเชือกนี่มีสอนในการเต้นสมัยใหม่ด้วยงั้นหรอ?

แต่ไม่ว่ายังไงก็เพราะการมัดเชือกของเธอทำให้ช่วยยื้อเวลาฆาตกรไม่ให้ช่วยเพื่อนมันออกไปได้

เมื่อเธอมัดฆาตกรเสร็จ ซอลจีฮูก็จับปลายเชือก และมัดเอาไว้รอบเอว จากนั้นเขาก็กระตุ้นมานาจนทำให้เกิดประกายสายฟ้าอยู่ทั่วร่าง

อึนยูริที่เห็นกระแสไฟฟ้าได้แต่กระพริบตาออกมาด้วยความสงสัย

“ไม่มีทางน่า คุณจะเอามันไปด้วยหรอ?”

“ครับ พวกเราปล่อยมันหนีไปไม่ได้

ซอลจีฮูได้พูดต่อพร้อมยืดร่างกาย

“ผมคิดว่ามีเผื่อเอาไว้มันดีกว่า”

“แต่ว่า”

“ไม่เป็นไรหรอก การวิ่งเป็นความถนัดของผมอยู่แล้ว”

ซอลจีฮูได้ยิ้มขึ้น พร้อมกับยื่นมีดยาวให้กับเธอ

“ผมเคยวิ่งโดยมัดท่อนไม้เอาไว้เป็นสิบ ผมเคยต้องฟันหินหลากสีกลางอากาศพร้อมวิ่งไปด้วย สำหรับแค่เจ้านี่มันไม่ลำบากเลย”

อึนยูริได้แต่รับมีดยาวมาด้วยความสับสน

“คุณฆ่ามันได้ไหม?”

“ค่ะ ฉันต้องทำสินะ?”

“แน่นอนสิ แต่รีบหน่อยนะ”

ซอลจีฮูได้กระโดดวอมร่างกายก่อน และลูบหน้าอก

อึนยูริได้ก้มหน้าลงไปมองฆาตกรกินคนพร้อมทั้งจับมีดเอาไว้แน่น

“ฮ่าห์”

เธอได้สูดหายใจยาวก่อนจะแทงมีดยาวเข้าไปอย่างไม่ลังเล คมมีดได้เจาะผ่านเข้าไปในแผลที่ซอลจีฮูสร้างเอาไว้อย่างแม่นยำ ฆาตกรกินคนได้ตัวสั่นก่อนที่จะหยุดกระตุกไป

อึนยูริได้จับมีดยาวเอาไว้ทั้งสองข้าง และออกแรงบิดซ้ายขวา เธอมีความชำนาญกว่าที่เขาคิดซะอีก

“ก๊าาา!”

หลังจากนั้นแล้วก็มีควันดำลอยออกมาจากร่างฆาตกรเหมือนอย่างที่สมุดบันทึกของผู้รอดชีวิตนิรนามได้อธิบายไว้

มันได้ลอยสูงขึ้นไปเหมือนกับควันตามปกติ จากนั้นจู่ๆก็พุ่งไปในด้านหน้า

“คุณอึนยูริ”

ซอลจีฮูได้เรียกอึนยูริโดยที่ยังไม่ละสายตาไปจากควัน เมื่ออึนยูริได้รีบเข้ามาหาเขา เขาก็อุ้มเธอขึ้นมาด้วยท่าอุ้มเจ้าหญิง

“จับให้แน่นนะครับ”

หลังจากเห็นอึนยูริพยักหน้า ซอลจีฮูก็ปรับท่าทาง

“ไปล่ะนะ”

หลังจากที่เขาได้ถีบตัวออกจากพื้น

เปรี้ยงง!

หลังจากเสียงฟ้าผ่าแล้วร่างซอลจีฮูก็พุ่งตรงไป มันเป็นความเร็วที่คนทั่วไปมิงตามไม่ทันเลย เขาได้ออกวิ่งไปโดยมีฆาตกรขวานที่ถูกห้อยเอาไว้ปลิวไปมาอย่างรุนแรง

“แม่จ๋า!”

อึนยูริได้เผลอร้องออกมาอย่างตกใจกับความเร็วที่เกินคาดคิดนี้ แต่อย่างน้อยเธอก็ยังรีบกอดคอซอลจีฮูเอาไว้แน่น

ดูเหมือนเธอจะพูดถูก

หากให้สรุปแผนของอึนยูริเป็นหนึ่งคำ มันก็คงเป็นการติดตาม

เธอได้คาดเดาการเชื่อมโยงระหว่างฆาตกรกับแม่ที่จากสองประโยคที่อยู่ในสมุดบันทึก

[เมื่อฆาตกรหมดลมหายใจลง ควันสีดำได้ลอยออกมาจากร่างมัน และหายไปไกล]

[เราจะฆ่าฆาตกรโดยไม่ให้แม่ที่หกรู้ได้ยังไง?]

หากว่าสองบรรทัดนี้้มีนัยยะอย่างที่อึนยูริพูด มันก็จะต้องเป็นความเชื่อมโยงระหว่างแม่ที่หกกับฆาตกรอย่างแน่นอน ดังนั้นแล้วเธอจึงได้แนะนำให้ฆ่าฆาตกรคนหนึ่ง และตามควันดำไป มันมีความเป็นไปได้ที่วิญญาณของฆาตกรจะกลับไปหาแม่ที่หกเพื่อแจ้งการตายของมัน

และสถานที่ที่แม่ที่หกซ่อนอยู่ก็น่าจะเป็นพื้นที่ลับ

ที่เป็นแผนที่คนปกติไม่อาจจะทำได้เลย แต่ว่าซอลจีฮูต่างไปจากผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ

เขาเป็นชาวโลกระดับ 5 ที่ครอบครัวเทคนิคการเคลื่อนไหวที่มีชื่อว่าประกายสายฟ้า ที่เป็นเวอร์ชั่นอัพเกรดจากก้าวพริบตา

ถึงเขาจะไม่มีต่างหูเฟสติน่าด้วย แต่การวิ่งก็เป็นความถนัดของเขา อย่างที่เคยบอกไว้

เขาเคยถูกบังคับให้ต้องวิ่งจนหมดแรง วิ่งผ่านพื้นที่ขรุขระ และภูเขาไฟ โดยระหว่างนั้นยังต้องคอยแบกกระสอบทราย รวมไปถึงท่อนซุงนับสิบอีกด้วย

ดังนั้นสำหรับเขาแล้ว แค่การวิ่งในป่าแทบจะไม่ต่างไปจากการวิ่งในพื้นปกติเลย

เพราะการฝึกนรกของจางมัลดงได้ทำให้ซอลจีฮูสามารถใช้ก้าวพริบตาวิ่งตามควันได้อย่างต่อเนื่อง

***

เขาวิ่งมานานแค่ไหนแล้วนะ?

ควันได้ลอยบนฟ้าอยู่นานก่อนที่ในที่สุดจะเริ่มตกลงมาเมื่อเขาเห็นภูเขาใหญ่

มันได้พุ่งดิ่งลงราวกับจะกระแทกพื้นก่อนที่จะหายไปบริเวณไหล่เขา

[ฆาตกรกินคนได้ถูกผู้รอดชีวิตฆ่า]

[แม่ที่หกโกรธ]

[ฆาตกรที่เหลืออยู่จะแข็งแกร่งขึ้น ความเร็วของฆาตกรเพิ่มขึ้น]

[ความโกรธของแม่ที่หกได้ถูกส่งให้หาตกร ทันทีที่เห็นผู้ร้าย ฆาตกรก็จะทิ้งทุกๆอย่างมาไล่ล่าผู้ร้ายคนนั้น]

ข้อความเป็นชุดได้ดังขึ้นมา

ให้ตายสิ

ซอลจีฮูได้รีบวิ่งไล่ตามมันก่อนที่จะต้องหยุดมองไปรอบๆตัวเมื่อควันดำหายไป

มันมืดมา แต่ก็เพราะสายตาที่ดีขึ้นหลังจากการกินฟินิกซ์วายุทองคำของเขาทำให้เขาสามารถแยกแยะสิ่งต่างๆรอบตัวได้อย่างชัดเจน

เพียงแต่ว่าควันได้หายไปแล้ว

ในตอนนั้นเองซอลจีฮูก็เห็นควันลอยผ่านเอวเขาไป เขาได้รีบวิ่งไปตามที่ยังหน้าผาที่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์หนา และหินรูปร่างแปลกๆ ที่นั่นเขาได้เห็นควันหายเข้าไปในถ้ำอย่างชัดเจน

[ฆาตกรขวานได้ถูกผู้รอดชีวิตฆ่า]

[แม่ที่หกโกรธมาก]

[ประสาทสัมผัสทั้งห้าของฆาตกรเฉียบแหลมยิ่งขึ้น ฆาตกรจะสามารถหาตำแหน่งผู้รอดชีวิตได้รวดเร็วยิ่งขึ้น]

[ฆาตกรจะมีความอาฆาตแค้นยิ่งขึ้น หนึ่งในฆาตกรจะเริ่มหาตัวคนร้ายที่ฆ่าพรรคพวกของมัน]

โอ้?

ฆาตกรขวานตายแล้ว?

เขาไม่เห็นได้ยินเสียงร้องของมันเลย

ซอลจีฮูได้หันกลับไปมองโดยไม่รู้ตัว

มีก้อนเนื้อถูกมัดเอาไว้ที่ปลายเชือก มันเป็นศพที่สภาพแหลกเหลว และฉีกขาดจนดูน่าสงสารเลย

อ่า

ในที่สุดซอลจีฮูก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

ควันที่หายเข้าไปในถ้ำเมื่อครู่นี้คือวิญญาณของนักฆ่าความที่หมดลมหายใจไปหลังจากที่เขามาถึงภูเขา

ดูเหมือนว่าการกระแทกระหว่างทางได้ทำให้มันต้องตายลง อึนยูริมีซอลจีฮูคอยป้องกันอยู่ แต่สำหรับฆาตกรแล้ว มันต้องเผชิญหน้ากับการกระแทกทุกๆอย่างโดยไร้การป้องกัน

เขามัวแต่ให้ความสนใจอยู่กับควันจนไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด

แต่ยังไงก็ตาม

ฆาตกรนี่ก็เป็นแค่วัตถุดิบที่เขาเอาไว้ใช้หาพื้นที่ลับเท่านั้นเอง

ซอลจีฮูได้เขย่าอึนยูริในอ้อมแขน พร้อมมองเข้าไปในถ้ำมืดสนิทตรงหน้าเขา

“คุณอึนยูริ! คุณอึนยูริ!”

ตื๊ดดดด!

คราวนี้เสียงโทรศัพท์สั่นได้ดังออกมา ซอลจีฮูได้ลดสายตาลงไปมองด้วยสีหน้ามีความสุข