ตอนที่ 230 ทำความสะอาดซื่อเหอย่วน

หลังจากที่หยางโปได้บ้านซื่อเหอย่วนแล้ว ตาเฒ่าเว่ยก็โทรให้บริษัทขนของมาย้ายของส่วนตัวของเขาออกไป ในขณะที่หยางโปก็เรียกให้คนเข้ามาทำความสะอาดทันทีเช่นเดียวกัน

ลัวย่าวหัวและเจ้าอ้วนหันมาสบตากันก่อนที่ลัวย่าวหัวจะบ่นขึ้นมาว่า “นายให้แม่บ้านมาทำความสะอาดแล้วพวกเราออกไปหาของโบราณกันต่อไม่ดีกว่าเหรอ?”

เจ้าอ้วนหลิว “แถมนี้ยังมีบ้านอีกสองสามที่คิดว่าน่าจะมีวัตถุโบราณเจ๋งๆด้วยนะ ฉันว่าพวกเราลองไปดูกันก่อนดีไหม? แล้วค่อยให้ย่าวหัวเรียกคนของเขามาช่วยเฝ้าที่นี่ให้”

 

หยางโปยิ้ม “ไม่ดีกว่าฉันไม่ค่อยไว้วางใจเท่าไหร่ ที่นี่มีไม้หวงฮัวหลีที่เป็นของปลอมสูงมาก แถมในนี้ยังมีของดีอยู่อีกชิ้นนึงด้วย”

ลัวย่าวหัวได้ยินแบบนั้นก็รีบหันไปมองรอบๆด้วยท่าทางตกใจ “ฉันก็ว่าทำไมนายกล้าจ่ายเงินมากขนาดนั้นเพื่อซื้อบ้านหลังนี้ขึ้นมา ที่แท้ก็มีของดีนี่เอง แถมของชิ้นนั้นคงจะมีมูลค่าสูงด้วยสินะ?”

หยางโปยิ้ม “ก็ลองหาดูสิ”

เจ้าอ้วนหลิวเองก็หันไปมองรอบๆก่อนที่จะส่ายหน้า เขาเองก็ถูกหยางโปหลอกแล้วเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาเห็นว่าหยางโปจะซื้อบ้านหลังนี้เขาเองก็แปลกใจเช่นเดียวกัน เพราะที่นี่ไม่ได้มีขนาดใหญ่เลยแถมคนอย่าง

หยางโปก็สามารถที่จะซื้อบ้านที่ดีกว่านี้ได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหยางโปเองคงจะเก็บความลับเอาไว้เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ที่เขาซื้อของชิ้นนี้มาและตอนนี้ก็คงจะถึงเวลาที่เขาจะพูดออกมาแล้วด้วยเช่นเดียวกัน

 

เจ้าอ้วนหลิวไม่ได้พูดอะไรแต่เขายังคงกวาดตามองไปรอบๆ เขาเองก็สงสัยเช่นกันว่าบ้านหลังนี้มีของดีๆอยู่ที่ไหนกันแน่ถึงทำให้หยางโปตัดสินใจซื้อมันในราคาที่สูงขนาดนี้

หยางโปอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะเจอของดีแล้วแต่เขาก็คิดว่าโอกาสที่อีกสองคนจะเห็นเหมือนกับเขาเป็นไปได้น้อยมาก

จู่ๆลัวย่าวหัวก็นึกถึงทางเดินที่หยางโปเดินผ่านก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้และระหว่างทางก็มีเครื่องพอร์ชเลน เฟอร์นิเจอร์ที่ผ่านตาเขา ทว่าลัวย่าวหัวมั่นใจว่าจะต้องไม่ใช่ของสองอย่างนี้แน่ๆ

หลังจากเดินออกมาจากห้อง ลัวย่าวหัวก็จำขึ้นมาได้ว่าหยางโปอยู่ในห้องนั้นนานที่สุด ถ้าหากเขาเจอของดีจริงๆคงจะต้องเป็นของที่อยู่ด้านในบ้านแน่ๆ แต่หลังจากที่เขาเดินวนไปได้รอบนึงกลับไม่พบอะไรเลย

 

แต่เมื่อเดินมาถึงใต้ต้นไม้ ลัวย่าวหัวก็หยุดเดินทันใดนั้นลมเบาๆก็พัดผ่านหน้าเขาก่อนที่เสียงจะดังขึ้นข้างหู บนต้นทับทิมต้นนี้มีเชือกสีแดงที่ผูกเหรียญทองเอาไว้มากมายจึงทำให้ทุกครั้งที่มีลมพัดผ่านมาจึงเกิดเสียงดังขึ้นจนทำให้ลัวย่าวหัวต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง

ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น หยางโปจึงหยิบมันขึ้นมาก่อนที่จะพบว่าเป็นเบอร์ของหยางหลาง หลังจากที่เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็กดปิดเสียงไปในทันที ในเมื่อเขามาหลบอยู่ที่นี่แล้วเขาไม่อยากจะรู้เรื่องราวจากฝั่งนู้นให้รกสมองของเขาอีก เขาจึงเลือกที่จะไม่สนใจมัน

เจ้าอ้วนหลิวเดินหาอยู่นานในที่สุดเขาก็เดินกลับมามือเปล่า “ของล้ำค่ามันอยู่ไหนกันแน่เนี่ย?”

 

ลัวย่าวหัวส่ายหน้า “จากที่นายพูดของที่นี่มันน่าจะเป็นของปลอมทั้งหมดเลยมั้งเนี่ย”

หยางโปยิ้ม “สมบัติที่พูดถึงก็อยู่ตรงหน้าพวกนายไง แต่พวกนายแค่ไม่เห็นเท่านั้นเอง แบบนี้จะมาโทษฉันได้ยังไงล่ะ?”

พูดจบหยางโปก็เดินตรงไปที่จุดที่ลัวย่าวหัวยืนอยู่

ลัวย่าวหัวหันไปมองเหรียญตรงหน้าก่อนที่จะถามด้วยน้ำเสียงตกตะลึง “เห้ยพูดเป็นเล่น? คงไม่ใช่เหรียญโบราณพวกนี้ใช่ไหมเนี่ย? นี่มันเป็นเหรียญโบราณที่มีให้เห็นทั่วไปนิ มันจะไปมีราคากว่าราคาบ้านได้ยังไงกัน?”

 

หยางโปยิ้ม “ฉันก็ไม่ได้บอกนิว่ามันราคาแพงกว่าราคาบ้าน แต่ถ้าขายของพวกนี้ออกไปก็ยังได้เงินมาจำนวนนึงก็น่าจะสามารถเอามาลดค่าใช้จ่ายได้เยอะอยู่ ถ้าเป็นแบบนี้ฉันต้องได้กำไรอย่างแน่นอน ถ้าฉันขายบ้านหลังนี้ออกไปในวันพรุ่งนี้ก็น่าจะได้เงินอย่างน้อยๆหนึ่งพันสองร้อยล้านอยู่ดีแต่ถึงจะราคานั้นฉันก็ไม่ขายหรอก”

พูดจบหยางโปก็หันไปหาลัวย่าวหัว “มีไฟแช็คไหม?”

ลัวย่าวหัวลูบกระเป๋า ยังไม่ทันที่เขาจะหยิบออกมาหยางโปก็พูดขึ้นมาว่า “เปลี่ยนใจแล้ว นายมีกรรไกรตัดเล็บหรือว่ามีดเล็กๆไหม?”

“ด้านในห้องโถงมี” เจ้าอ้วนหลิวพูดจบก็เดินเข้าไปเอาทันที

 

ลัวย่าวหัวจ้องเหรียญตรงหน้า “แล้วมันเหรียญชิ้นไหน? ดูนายกลัวว่าไฟจะทำให้เหรียญโบราณได้รับความเสียหายสินะ เหรียญนั้นต้องมีอายุหลายยุคสมัยแล้วแน่ๆเลย”

หยางโปยิ้มก่อนที่จะรับมีดเล็กมาจากมือของเจ้าอ้วนหลิวพร้อมกับตัดเชือกเพื่อหยิบเหรียญโบราณลงมาก่อนที่จะยื่นให้พวกเขา “พวกนายลองดูเองสิ”

ลัวย่าวหัวรีบรับมา “เหรียญเจี้ยนกว๋อทงป่าว?”

ลัวย่าวหัวมองเหรียญตรงหน้าด้วยความสงสัยก่อนที่จะยื่นมันให้กับเจ้าอ้วนหลิว แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้แต่เขาก็รู้ดีว่าถ้าหากหยางโปมั่นใจถึงขั้นนี้เหรียญนี้จะต้องเป็นของแท้อย่างแน่นอน

 

เจ้าอ้วนหลิวเองก็มองด้วยความสงสัย หลังจากที่เห็นด้านบนของเหรียญมีตัวอักษรสีทองแดงสำริด ซึ่งด้านบนมีสนิมเกาะอยู่ แถมยังมีตัวอักษรตัวเล็กๆสี่ตัวเขียนไว้ว่า ‘เจี้ยนกว๋อทงป่าว’ ทันทีที่เห็นมันเขาก็รู้สึกคุ้นเป็นอย่างมากแต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็คิดไม่ออกจนทำให้เขาต้องหันไปหาหยางโป

“มันเป็นหนึ่งในห้าสิบเหรียญโบราณที่หายากและมีค่ามาก” หยางโปพูด

ลัวย่าวหัวยังคงเงียบทว่าเจ้าอ้วนหลิวทันทีที่ได้ยินคำพูดของหยางโปก็รีบพูดขึ้นมาว่า “แสดงว่าเหรียญนี้เป็นเหรียญโบราณที่สร้างในยุคของจักรพรรดิจ้าวจี๋! มันเป็นสมบัติที่หายากมากเลยนะ!”

 

“ในช่วงจักรพรรดิจ้าวจี๋มีทั้งหมด 6 ช่วงปี ช่วงแรกคือเจี้ยนจงจิ้งกว๋อมีคนยืนยันแล้วว่าเจี้ยนกว๋อทงป่าวเป็นเหรียญกษาปณ์จากการรวมกันของคำแรกและคำสุดท้ายของสมัยเจี้ยนจงจิ้งกว๋อ แต่เป็นเพราะเกิดความซ้ำซ้อนกันของคำว่าจงของเจี้ยนจงจิ้งกว๋อกับคำว่าเต๋อจงในยุคราชวงศ์ถังก็เลยทำให้เหรียญที่เพิ่งจะถูกสร้างนี้ถูกริบเก็บไปทันที ตอนนี้เหรียญเจี้ยนกว๋อทงป่าวเลยกลายเป็นของหายากแถมมีเพียงแค่สองเหรียญในโลกอีกด้วย”

เจ้าอ้วนหลิวพูดจบสีหน้าของเขาของเต็มไปด้วยอาการตกตะลึงไปในทันที

ลัวย่าวหัว “ของดีๆแบบนี้ทำไมไม่ตกมาอยู่ในมือของฉันบ้างเลย!”

หยางโปส่ายหน้า “นายยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจี้ยนกว๋อทงป่าวคืออะไร นายจะได้มันมาได้ยังไงล่ะ?”

 

ลัวย่าวหัวได้ยินแบบนั้นก็เงียบไป เพราะมันก็จริงอย่างที่หยางโปพูด ยืนอยู่ใต้ต้นไม้เดียวกันแท้ๆแต่เขากลับไม่เห็นอะไรเลย แบบนี้เขาจะครอบครองมันได้ยังไงกัน?

ลัวย่าวหัว “น่าอิจฉาชะมัด ดูเหมือนว่าครั้งต่อไปต้องเดินนำหน้านายแล้วอย่างน้อยๆก็น่าจะเห็นก่อนนายสักก้าวก็ยังดี แต่เหรียญหายากแบบนี้คงจะมีราคาเท่ากับบ้านหลังนี้เลยมั้งเนี่ย?”

“ก็ประมาณนั้น เผลอๆอาจจะสูงกว่าราคาบ้านด้วย” เจ้าอ้วนหลิวพูด

หยางโปยิ้มด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ ได้ของดีขนาดนี้แถมยังได้บ้านมาในราคาที่ถูกแสนถูกจะไม่ให้เขาดีใจได้ยังไงกันล่ะ

 

“มิน่าล่ะ! ก็ว่าทำไมนายไม่ยอมไปดูของชิ้นอื่นแล้ว จะว่าไปเดี๋ยวคืนนี้ก็น่าจะเก็บกวาดเสร็จแล้วนายจะเอายังไงต่อ?” ลัวย่าวหัวถาม

หยางโปส่ายหน้า “ไม่รู้สิที่จริงฉันก็ไม่ได้อยู่ที่ปักกิ่งบ่อย ถึงแม้ว่าที่นี่มันจะไม่ได้ใหญ่มากแต่ถ้าให้อยู่คนเดียวฉันว่ามันก็ยังใหญ่เกินไปอยู่ดี”

“ฉันว่านายปล่อยให้ชั้นล่างว่างแล้วปล่อยเช่าดีไหม แต่ละเดือนนายน่าจะทำเงินได้หลายแสนเลยนะ” ลัวย่าวหัวแนะนำ

หยางโป “อื้ม…เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย!”