“ตามที่เจ้าเด็กนั่นบอก ..” นาหลันฮงวูลลูบเคราของเขาแล้วคิดรวบรวมสรุปข้อมูลที่พวกเขาได้รับ “เขาถูกส่งตัวไปยังสถานที่มีชื่อว่าเมืองครึ่งเพื่อสร้างอีกสาขาที่นั่นเต็มไปด้วยผู้ปลูกฝังเต็ม ทำนองนี้ใช่มั้ย?”
“แต่ ..” ซูเทียนจิเอ่ยถามอย่างสงสัย “ทำไมเราไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย”
“อาจจะ” ซัวเต๋าพูดขึ้น “เจ้าฟางฉีอาจจะไปในที่แสนไกลเกินกว่าเราจะรับรู้หรือเคยได้ยิน” สิ่งที่ซัวเต๋าพูดทำให้หลายคนประหลาดใจ
“แสนไกล!?” เยเสี่ยวเย้พยักหน้ารับรู้ “แล้วเจ้าของติดต่อเราได้อย่างไร?” เธอถามต่อ
“มันจะต้องเป็นวิธีที่ทรงพลังที่สุดของผู้อาวุโสที่อยู่เบื้องหลังแน่นอน!” เยซงเต๋ากล่าวว่า “ดูเหมือนว่าวิธีการสื่อสารของผู้อาวุโสนั้นจะก้าวหน้าเหนือกว่าการสื่อสารในปัจจุบัน!”
“ท่าน! ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง สนุกมั้ย!?” เจียงเสี่ยวหยูถามด้วยความอยากรู้
“ไม่มีอะไร แต่มันค่อนข้างไม่ปกติเท่าไร!”
“นี่เจ้าสามารถถ่ายทอดสดให้พวกเราดูได้มั้ย?” ตงชิงลี่ถาม
“ข้าเห็นจากคู่มือว่ามีตัวเลือกคุยแบบเห็นภาพเราสามารถเห็นกันและกันได้!” หลินเซียวไม่รอช้าเขามองไปรอบๆ และพบว่ามีปุ่มตัวเลือกคุยแบบเห็นภาพอยู่
QQ เวอร์ชั่นที่ระบบสร้างมีสองตัวเลือกคือคุยแบบเห็นภาพส่วนอีกแบบคือคุยแบบเห็นภาพโดยใช้หูฟัง VR ไม่นานฟางฉีก็ได้รับข้อความแจ้งเตือน หลินเซียวต้องการเริ่มต้นการคุยแบบเห็นภาพ ท่านจะยอมรับมันหรือไม่?
พวกเขาเริ่มเข้าใจวิธีใช้งานกันอย่างรวดเร็ว ฟางฉีกดยอมรับเขารู้สึกแปลกใจอย่างมากเห็นคนจำนวนมากรวมถึงเจียงเสี่ยวหยู, ซงฉิงเฟิง, นาหลันหมิงสื่อและซูเทียนจิยืนกองกันอยู่ด้านหลังหลินเซียว
“นั่นท่านหัวหน้า!” เจียงเสี่ยวหยูอุทานพลางเอามือป้องปาก
“พวกเราทำได้!” หลันยันชี้นิ้วไปที่หน้าจอเห็นฟางฉีปรากฏขึ้น “ดูสิ! นั่นร้านใหม่ใช่มั้ย!?
“ทำไมร้านที่นั่นว่างเปล่า!” ซูเทียนจิชี้ไปที่ข้างหลัง
“ตายละ!” มีคนมากมายกำลังดูหน้าจอ เขารู้สึกเขินเล็กน้อยจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “ที่นั่นคนเยอะเลยหรอ?”
“เราแค่อยากรู้ว่าเจ้าโดนลักพาตัวไปหรือเปล่าเห็นหายไปซะนาน” นาหลันหมิงสื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ข้าเกือบถูกลักพาตัวและถูกขาย!” ฟางฉีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกเจ้าไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าข้าตกอยู่ในอันตรายตอนที่ข้ามาถึงที่นี่ครั้งแรก ข้าขึ้นเรือมาแล้วจะลงกลางคันก็ไม่ได้ แต่.. โชคดีนะที่ข้าฉลาด!”
ทุกคนในร้านกำลังพูดคุยอย่างคึกคักในขณะที่ฟางฉีพูดไปพลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาเจอ
“ฮ่าๆๆ” เจียงเสี่ยวหยูหัวเราะอย่างหนักจนเกือบล้มเธอทุบโต๊ะด้วยมือเล็กๆ “ใครมันจะไปโง่ขายคนแบบท่าน!”
“ผู้คนที่นั่นน่าสนใจขนาดนี้เลยหรือ?” ตงชิงลี่รู้สึกตลกในหัว
ขณะเดียวกันฟางฉีได้ยินเสียงซูโมตะโกน “หัวหน้า! มีคนมาที่นี่เขามาเก็บค่าธรรมเนียมรายเดือน!”
“ค่าธรรมเนียมรายเดือน?” ฟางฉีขมวดคิ้ว “คืออะไร?”
“พวกเจ้าสนุกกับเกมกันไปก่อน ข้าจะกลับมาคุยด้วยทีหลัง!” ฟางฉีกล่าวขณะส่งอิโมจิโบกมือ
“ท่าน! อย่าลืมคิดถึงพวกเรานะ!” ตงชิงลี่เอ่ยแซว
“ใช่ๆๆ ข้าอยากเห็นเมืองใหม่!” เจียงเสี่ยวหยูตะโกน
…
หลิวซานเป็นผู้ปลูกฝังที่มีอำนาจบนถนนสายนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกร้านที่เขาจะกล้าเข้าไป แต่ .. ฟางฉีคือหนึ่งในนั้นที่เขามาเยือน
เขาได้ยินว่าโมเทียนซิงขายร้านนี้ไปแล้ว
“ศิษย์พี่หลิว! ชื่อร้านนี้ฟังดูยิ่งใหญ่!” ผู้ที่ยืนอยู่ข้างหลิวซานพูดขึ้น เขาเป็นผู้ปลูกฝังวัยเยาว์เขาสวมเสื้อโค้ทสั้นใบหน้าเขาเต็มไปด้วยกระ
“ราคาไม่ใช่น้อย ดูเหมือนว่าร้านนี้จะมีของดี!” หลิวซานหัวเราะและเดินเข้ามา “ใครเป้นเจ้าของที่นี่!?”
“ข้า!” ฟางฉีลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้
หลิวซานเหลือบมองราคาบนกระดานดำ “นี่เจ้าเด็กน้อย เจ้าเพิ่งมาอยุ่ใหม่ใช่มั้ย?”
“คืออะไร?”
“เจ้ารู้จักผู้ขายยาที่ร้านป่าสีแดงหรือไม่?” หลิวซานพูดอย่างภูมิใจ “ข้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของซูเปียว ดูจากรายได้ของร้านข้าเจ้าแล้ว ข้าจะรับรองความปลอดภัยของที่นี่โดยมีค่าใช้จ่ายสามพันคริสตัลต่อเดือน!”
ฟางฉีและซูโมทำหน้างุนงง .. ดูเหมือนว่พวกเขาจะทำธุรกิจรูดไถ่เงิน
ฟางฉีหัวเราะเบาๆ “ขออภัย แต่เราไม่ต้องการการป้องกันความปลอดภัย”
หลิวซานยิ้มเยะาอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “ที่เมืองนี้มันไม่ปลอดภัย เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ต้องการความคุมครองจากพวกเรา!?”
“ไม่ปลอดภัย!?” ฟางฉีขมวดคิ้ว นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้ยินคำเตือนจากคนที่นี่ คนแรกคือโมเทียนซิงและนี้เจ้านี่ก็อีกคน
เขายักไหล่ “ข้ารู้สึกปลอดภันมาก!”
“ศิษย์พี่หลิว เจ้าเด็กนี่มันผยอง ให้ข้า ..” ชายหนุ่มหน้ากระเอ่ย แต่เขาก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อหลิวซานห้าม “เงินนำความสงบมา เจ้าไม่รู้หรือ?”
หลิวซานกล่าวด้วยร้อยยิ้มปลอม “หากเจ้ามาร้องขอให้เราคุ้มครองในภายหลัง ราคาจะสูงขึ้นอีก!”
“โอ้ะ .. จริงหรอ?”
“ข้าจะรอดู” หลิวซานหัวเราะและเดินออกไป
ขณะเดียวกันรวนหนิงหญิงสาวร้านข้างๆ เดินเข้ามาและมองรอบๆ “ทำไมพวกเขาถึงออกไปเร็วนัก?”
“พวกเขามาเพื่อเก็บค่าธรรมเนียมรายเดือนและบอสไม่ได้ตกลง พวกเขาจึง ..” ซูโมพูดด้วยความไม่สบายใจนัก
“พวกเจ้าไล่พวกเขาออกไปหรอ?” รวนหนิงมองด้วยสายตาสับสน “พวกเจ้าเพิ่งมาอยู่ที่นี่ไม่รู้หรอว่าหากสร้างปัญหาอาจทำให้พวกเขาขุ่นเคือง!”
“ไม่มีปัญหาอะไรหรอก พวกเขาต้องการแค่ต้องการมาข่มขู่เท่านั้นแหละ” ฟางฉีกล่าว แต่นอกเหนือจากนี้เขาเองก็ยังมีเงินไม่มากพอ เขาถามหวังเซียนคนขับรถม้าเกี่ยวกับราคาของร้านค้าในบริเวณนี้แหละพบว่ามันก็มีความคล้ายคลึงกันหมด
“ทำไมข้าต้องมอบเงินที่หายากแสนยากให้แก่ผู้อื่น”
รวนหนิงตอบ “เจ้าช่างดื้อและมึนจริงๆ”
“หากเจ้าไม่ต้องการให้เงินกับพวกเขา เจ้าสามารถขัดขืนได้ถ้าเจ้าสองคนมีทักษะที่ไม่เหมือนใคร” รวนหนิงเอ่ยเตือน “ในเมืองนี้พวกเจ้าไม่สามารถอยู่ด้วยตัวเองได้ ท้านสุดแล้วเราไม่ได้เป็นผู้อยู่ยงคงกระพัน”
“แต่นี่ที่เจ้าพูดมา” ฟางฉีลูบคางพลางคิด “ข้ารู้สึกเหมือนข้าต้องการพลัง”
รวนหนิงมีความยินดีที่จะแนะนำ เธอพยักหน้า “แต่อย่าคิดว่าเจ้าจะปลอดภัยด้วยวิธีนี้จากการประหยัดเงิน หากเจ้าอยากจะจัดตั้งกองกำลังเองเจ้าสามารถค้นหาสำนักงานใหญ่ของกองกำลังเหล่านี้ได้โดยตรง แต่เจ้าต้องลงทะเบียนที่สำนักงานมังกรม้วนอยู่ในเมืองชั้นใน ..”
“โอ้ ..” ฟางฉีพึมพำกับตัวเองเขากำลังคิดว่าอยากจะได้กองกำลังที่จัดตั้งใหม่ของตัวเอง ดั้งนั้นเขาจึงต้องไปลงทะเบียนในสำนักงานมังกรม้วน
“โม! มากับข้า เราจะไปสำนักงานมังกรม้วนกัน” ฟางฉีตะโกน
“โอ้! ต้องลง!” โมที่กำลังงวนงงตอบรับทันที
“ในที่สุดเจ้าก็เข้าใจสถานการณ์!” รวนหนิงดูพวกเขาที่กำลังเดินออกไป เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมืองมองย้อนกลับไปที่ร้าน “เฮ้! เจ้าไม่ได้ปิดประตูร้าน เจ้าจะให้ข้าดูร้านให้เจ้าน่ะหรอ!?”
อย่างก็ตามเขาไปไกลขึ้นเรื่อยๆ และลับสายตาไปในที่สุด
ขณะที่พวกเขากำลังเดินทางซูโมเอ่ยถามด้วยท่าทางแอบเบื่อ “ท่านกำลังวางแผนจะเข้าร่วมอะไร?”
“เข้าร่วม?” ฟางฉีโบกมือ “ทำไมเราต้องเข้าร่วมกับคนอื่นๆ เราสามารถสร้างกองกำลังของเราเองได้!”
“กองกำลัง?” ซูโมยิ่งงงตาแตกเข้าไปอีก
“ใช่ ..”
ณ สำนักงานมังกรม้วนชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมสุดหรูหราอ่านชื่อในใบสมัครของฟางฉี “สมาคมเกมเชื่อต่อสวรรค์”
ทุกคนหันมองตามต้นเสียงราวกับเห็นผี
แน่นอนว่าพวกเขาไม่รู้ว่าฟางฉีได้เตรียมโฆษณาสำหรับการรับสมัครไว้เรียบร้อยแล้ว
[จะมอบดาบมังกรให้กับทุกคนที่คลิ้ก ..]
(ผู้แปล : จากผู้แปลอิ้งได้กล่าวว่ามีหลายเกมมากในเมืองจีนที่ใช้คำพูดเกินจริงเพื่อสร้างรายได้โดยการแนบเนื้อหาวิดีโอเกม พูดง่ายๆ คือคล้ายๆ กับการแปะโฆษณาบนเว็บเหมือนบ้านเรา)