ก็ไม่รู้เหมือนกันนี้คือแบรนด์อะไร ทำไมถึงแพงขนาดนี้!
ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจ และเลือกผ้าพันคอสีเหลืองเข้ม
เมื่อเธอเหลือบมองเห็นเสื้อผ้าของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เธอเห็นเสื้อเชิ้ตคอปกชายชุดแรกซึ่งดูเรียบง่ายแต่ดูดีและดูหรู
ชอบใจ เธอลาก ออกัสไป ให้พนักงานหาดูไซส์ที่เขาใส่ได้ ให้เขาไปลอง
มองไปที่เสื้อ แล้วมองไปที่เธอ ออกัสเลิกคิ้วเล็กน้อย ขาที่เรียวยาวก็เดินไปที่ห้องลองเสื้อ
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่า วิสัยทัศน์ของเธอดูไม่ผิดแน่นอน เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนทำให้เขาดูหล่อและมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น และปกเสื้อทำให้ดูดีขึ้น
พนักงานหญิงจ้องมองเขาอย่างไม่กะพริบตา
“เอาชุดนี้เลยค่ะ” เชอร์รีนชนไหล่ของพนักงานหญิง ต้องมองขนาดนั้นเลยเหรอ
?
เมื่อเธอมาถึงที่เคาน์เตอร์เพื่อเช็คเอาท์ เชอร์รีนยืนอึ้ง และกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
เสื้อกันหนาวขนเป็ดสองตัวและผ้าพันคอหนึ่งตัวทั้งหมดหกพันหยวน ส่วนเสื้อเชิ้ตของเขาตัวละสี่พันหยวน!
ยืนอยู่กับที่และยกแขนไว้ระหว่างอก ออกัสยิ้มอย่างชอบใจ แล้วมองเธอด้วยท่าทีที่กวนประสาท แล้วก็พูดว่า “ไม่ชำระเงินเหรอ?”
“…”
จะไม่ชำระได้ไงล่ะ?
กัดฟัน เธอเอาบัตรธนาคารออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ “รูดบัตร”
หญิงสาวยื่นมือออกมาพร้อมรอยยิ้ม และร่างยาวสูงของออกัสก้าวไปด้วยหน้าเอนตัวลง แล้วยื่นบัตรบาสเตอร์ “รูดใบนี้ครับ”
“ได้เลยค่ะ”
เชอร์รีนอึ้ง ส่วนออกัสเซ็นชื่อเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว จากนั้น เขาก็รับบัตรมา แล้วก็ยื่นให้เธอ
“ทำอะไร?” เธอไม่เข้าใจ และมึนงงเล็กน้อย
“ถ้าจะซื้อของก็ใช้บัตรนี้…” เขาพูดด้วยเสียงต่ำ และหยิบถุงเสื้อผ้าจากเธอ
เชอร์รีนมึนงง “ฉันจะซื้อของทำไมฉันต้องรูดบัตรของนายด้วย?”
ออกัสเหล่มองเธอ “เธอว่าทำไมล่ะ คุณหญิงเชอร์รีน … ”
น้ำหนักเสียงเน้นตอนพูดคุณหญิงเชอร์รีนสามคำนี้ เธอได้ยินอย่างชัดเจน
ฮ่าฮ่าฮ่า เชอร์รีนหัวเราะคิกคัก และจ้องมองไปที่เขา”ดูเหมือนว่า เป็นคุณหญิงเชอร์รีนก็ดีเหมือนกันนะ”
“…” สีหน้าของเขายังคงเข้มๆ แต่ก็อ่อนโยนขึ้นอย่างมาก
รถวิ่งอยู่ในความมืด เชอร์รีนก้มมองไปที่เวลานั้น รู้อีกทีก็สี่ทุ่มครึ่งแล้ว
ไม่ได้สังเกตเลย เวลาผ่านไปเร็วขนาดนี้
มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ออกัสจับพวงมาลัยไว้ส่วนมือขวาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้น
แล้วพูด”ฮัลโหล…”
จากนั้นไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน จับพวงมาลัยแน่นขึ้น เส้นเลือดสีเขียวในมือซ้ายของเขาเห็นได้อย่างชัด “แน่ใจแล้วใช่ไหม อืม… ฉันรู้แล้ว … ”
เชอร์รีนตกใจที่เห็นแววตาที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขา เธอไม่เคยเห็นแววตาที่โหดร้ายแบบนี้มาก่อน เต็มไปด้วยความเย็นชา
เธอถามอย่างเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”
แต่เขากลับไม่สนใจเธอ มือทั้งสองข้างกำพวงมาลัยไว้อย่างแน่น แล้วเหยียบเบรกใต้ฝ่าเท้าอย่างแรง ด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “ลงรถ หารถกลับที่รับรอง!
“แล้วนายล่ะ?” สีหน้าของเขาไม่ค่อยดีนัก เธอกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“ไปที่ อำเภอซีซ่า แล้วก็จะกลับ เมืองsเลย ถ้าหากว่าไม่อยากอยู่ในเมืองบีเจแล้ว เธอก็จองตัวกลับเองได้…” เขาพูดอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”
เชอร์รีนไม่ถามอะไรมาก หยิบกล่องสินค้าขึ้นมาและลงจากรถทันที กลัวว่าจะทำให้เขาเสียเวลา
เมื่อมองดูใบหน้าของเขา สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแน่นอน…
เธอลงจากรถและยังไม่ทันได้ทรงตัว รถสีดำแล่นออกไปราวกับธนู ทำให้เกิดลมเย็น
หนาวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เชอร์รีน ยืนอยู่ข้างถนนและรอแท็กซี่มา
แต่อากาศกลางคืนนั้นที่หนาวเย็นแบบนี้ และบวกกับหิมะที่กำลังตกอยู่ รถแท็กซี่แต่ละคันก็เขียนไว้ว่าเต็มแล้ว
หนาวจนฟันสั่น รอประมาณ30นาที กว่าที่เธอจะหยุดรถได้…
หลังจากขึ้นแท็กซี่ ร่างกายของเธอยังคงสั่นไม่หยุด หนาวจนลิ้นเธอพันกันไปหมด อยากพูดก็ไม่สามารถพูดออกมาได้
“ครึ่งชั่วโมงกว่าๆ…” เธอหายใจเข้า หนาวจนหน้าชา ไม่รู้สึกอะไรเลย
“อุณหภูมิคืนนี้ติดลบ 10 องศา ยืนอยู่บนหิมะรอนานกว่าครึ่งชั่วโมง ไม่แปลกใจที่จะเย็นแข็งทื่อแบบนี้”
ขณะที่พูด คนขับก็เพิ่มอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศในรถขึ้น แล้วให้เธอวางมือไว้ที่ช่องลม ให้ เพื่อรับความอุ่น
เมื่อกลับถึงที่รับรอง ก็เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว แต่ไฟในห้องรับแขกยังคงสว่างอยู่ หญิงชราคนยังไม่เข้านอน อุ้มแมวไว้ในอ้อมแขนและกำลังดูทีวีอยู่
“คุณหญิงมัทนา ทำไมยังไม่นอนคะ? ห้าทุ่มแล้วนะคะ” เธอพูด
แต่หญิงชรามีสีหน้าที่จริงจัง และทำท่าให้เธออย่าพึ่งพูด จากนั้น เธอก็จับจ้องไปที่ทีวี
เชอร์รีนไม่รู้ว่าหล่อนกำลังดูอะไรอยู่ แต่เธอหมกมุ่นอยู่กับมันมาก เธอประหลาดใจและสงสัย เธอก็ดูไปด้วย
มันเป็นข่าวค่ำ แผ่นดินไหว7.8ริกเตอร์ในอำเภอซีซ่า มีบ้านหลายหลังที่ถล่ม เวลาที่เกิดแผ่นดินไหวคือตอนนี้ทุ่ม
ใบหน้าเคร่งขรึม หญิงชราโทรหาสุนันท์ และถามเธอเกี่ยวกับสิงหา
สุนันท์บอกว่าไม่มีสัญญาณที่นั่น ตอนนี้โทรศัพท์ก็เปิดไม่ได้ ต้องรออีกสักพักถึงจะโทรได้ หญิงชราวางสายแล้วมองไปข้างหลังเชอร์รีน “ออกัสล่ะ?”
“เขาบอกว่ามีเรื่องต้องไป อำเภอซีซ่า –”
เมื่อพูดจบเชอร์รีนนึกถึงข่าวในทีวี เธอกัดริมฝีปากของตัวเอง เธอรู้สึกใจอำเภอซีซ่าเพิ่งเกิดแผ่นดินไหว แล้วเขาก็ไปแล้ว ……
สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หญิงชราขมวดคิ้ว “ไปกี่โมง?”
“ไปตอนสิบโมงกว่าๆ ค่ะ เดี๋ยวหนูลองโทรหาเขาดูค่ะ อำเภอซีซ่าที่นั่นพึ่งจะแผ่นดินไหวเสร็จ สนามบินก็ถูกปิดกั้นไว้”
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาแล้วกดไปที่หมายเลขอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงผู้หญิงที่เย็นชา ขออภัย หมายเลขที่คุณโทรติดต่อปิดเครื่องไว้ แล้วกรุณาโทรอีกครั้งในภายหลัง
หญิงชรายังคงมองเธอเชอร์รีนส่ายหัว “เขาปิดเครื่องแล้ว”
“ไม่ได้เรื่องเลยสักคน!”
ทั้งคู่นอนไม่หลับและนั่งอยู่บนโซฟา จ้องมองที่ไปที่ทีวีเพื่อดูข่าว
จนกระทั่งเกือบจะตีสาม สิงหาปรากฏบนทีวี กำลังชี้นำกู้ภัย
หญิงชราถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเธอกำลังจะโทรหาสุนันท์ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นก่อน และเป็นเเลอแปงที่โทรมา
“โอเค ยายเห็นแล้วเหมือนกัน นายกับแม่นายก็พักผ่อนได้แล้ว”
ฝ่าง บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ก็จ้องดูที่ทีวี ไม่ได้พักผ่อนเช่นกัน จนกระทั่งเห็นสิงหาปรากฏตัวและไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ถึงจะโล่งอก
“โอเค ไม่เป็นไรแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”
เชอร์รีนพยักหน้าและตอบ “คุณหญิงมัทนาก็เข้านอนเร็วๆ นะคะ”
กลับมาที่ห้องชั้นสอง เธอยังไม่รู้สึกง่วงเลย เธอหยุดคิดเรื่องนี้ไม่ได้ ถ้าเกิดว่าแผ่นดินไหวยังไม่ได้จบลงละ ถ้าแผ่นเดินไหวอีกครั้ง…