“เอาล่ะ เอาน้ำแข็งประคบหน่อย ไปพักตรงนั้นก่อน เดี๋ยวคงปูดยิ่งกว่าไข่ไก่แน่” ฉิวฉิวพูดโหด แต่กลับทำอย่างเบามือ
ภาพที่ชาวต่างชาติพวกนั้นเห็นกลับกลายเป็นอีกแบบหนึ่ง
พ่อฉิวฉิวได้ยินเสี่ยวเชี่ยนพูดภาษาอังกฤษอีก ครั้งนี้แม้แต่อวี๋หมิงหลางก็พูดด้วย เขากลัวออเดอร์ใหญ่จะปลิวไปจึงหันไปมองไป๋จิ่นโดยอัตโนมัติ เด็กคนนี้แปลไวกว่าล่ามของเขาอีก
“คนต่างชาติพวกนี้บอกว่า คุณกับฉิวฉิวจะต้องสนิทกันมากแน่นอน ประธานเชี่ยนบอกว่าฉิวฉิวเป็นลูกกตัญญู สุดยอดเลยพี่เสี่ยวเฉียง พี่เสี่ยวเฉียวแปลคำพูดของเมิ่งจื๊อเป็นภาษาอังกฤษด้วย มันพูดว่ายังไงนะ…” ไป๋จิ่นเริ่มลำบาก คำสอนโบราณพวกนี้ไม่เพียงแต่จะวัดความรู้ นี่ยังวัดทักษะภาษาอังกฤษด้วย ยากที่สุดแล้ว
“มีแค่การกตัญญูต่อพ่อแม่เท่านั้นถึงจะช่วยสลัดความกลุ้มได้” ขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางร่วมมือกันช่วยรับหน้ากับชาวต่างชาติ ก็ยังสามารถหันมาสนใจทางนี้ได้
“ใช่ๆๆ!” ไป๋จิ่นพยักหน้าติดๆกัน ระดับความสามารถทางภาษาของเธอเมื่อเทียบกับสองสามีภรรยาคู่นี้แล้ว ยังห่างชั้นอยู่เยอะ
“พูดว่าอะไรอีก?” ถึงพ่อฉิวฉิวจะฟังไม่ออก แต่เขารู้สึกว่าลูกค้าต่างชาติของเขาถูกเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางดึงดูดความสนใจได้แล้ว โดยเฉพาะคำสอนโบราณนั่นที่พอพูดออกมาก็เห็นได้ชัดว่ามีท่าทีเปลี่ยนไป ดูสนใจขึ้นมาก
“พวกเขาสนใจเรื่องคำสอนโบราณ พี่เสี่ยวเฉียงผู้รอบรู้เลยชวนพวกเขาให้ไปตีกอล์ฟจะได้คุยกัน”
“งั้นฉัน—” พ่อฉิวฉิวเห็นมีหนทาง ส่วนตัวเองก็ไม่ได้เจ็บหนัก จึงไม่อยากพลาดโอกาสงามในครั้งนี้
“อยู่นิ่งๆเลย ไป ผมจะพาไปพัก มองอะไรน่ะ? ถ้าขนาดเพื่อนผมยังเอาไม่อยู่ ลุงเข้าไปจะทำอะไรได้ ไป จับผมนี่!” ฉิวฉิวจับแขนพ่อยกขึ้นมาเพื่อช่วยพยุงให้ลุกขึ้น
ถึงบางครั้งพ่อฉิวฉิวจะมีพูดผิดเรียกฉิวฉิวเป็นลูกชายบ้าง แต่เขาก็ยังไม่ลืมว่าฉิวฉิวเป็นผู้หญิง แล้วจะปล่อยให้ลูกสาวมาพยุงตัวเองได้อย่างไร ขณะที่กำลังจะผลักมือออกก็ถูกฉิวฉิวยกขึ้นมาแล้ว
เด็กคนนี้แข็งแรงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน…
พ่อฉิวฉิวแอบตกใจ ถ้าไม่รู้อยู่แก่ใจว่าฉิวฉิวเป็นผู้หญิง เขารู้สึกว่าแรงขนาดนี้อุ้มเขาได้สบาย เป็นลูกชายจริงๆ
พอหันไปมองก็พบว่าฉิวฉิวสูงกว่าเขานิดหน่อย รูปร่างหน้าตาสมส่วน ถ้าเป็นลูกชายจริงๆมันจะดีสักแค่ไหนนะ…
“ตาแก่นี่! มองอะไรเล่า! สงสัยจะยังโดนไม่หนักพอ สมองยังคิดฟุ้งซ่านได้ ทำดีๆ!” ฉิวฉิวหันไปดุ
“ในสายตาของชาวต่างชาติพวกนั้น สองพ่อลูกคู่นี้ดูอบอุ่นมาก พ่อที่บาดเจ็บถูกลูกชายพยุงไป
“นี่!”อวี๋หมิงหลางเรียกฉิวฉิว ฉิวฉิวหันมา
“ประโยคเมื่อกี้ฉันก็แค่ยกขึ้นมาพูดหลอกคนพวกนี้ อันที่จริงขงจื๊อยังพูดอีกว่า พ่อแม่เป็นห่วงลูกอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องเจ็บป่วย ถ้านายสบายดีก็ถือเป็นการกตัญญูอย่างหนึ่ง หรือนายจะเข้าใจเป็น นายก็ยืนหยัดในทางเลือกของตัวเองไป ไม่โมโหจนบ้านั่นก็กตัญญูเหมือนกัน แบบนั้นก็ได้”
“อุ๊บ!” เสี่ยวเชี่ยนขำ
ผู้ชายของเธอนี่น่าสนใจจริงๆ ต่อหน้าอย่าง ลับหลังก็อีกอย่าง ขึ้นอยู่กับว่าพูดกับใคร แต่ก็สมเหตุสมผลทุกด้าน
พ่อฉิวฉิวฟังแล้วก็ตัวแข็งทื่อ ฉิวฉิวกลับหัวเราะ “ขอบใจนะพี่ชาย เดี๋ยวกลับไปจะเลี้ยงเหล้า!”
ฉิวฉิวพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับอวี๋หมิงหลาง พ่อฉิวฉิวเห็นแล้วก็แอบสะเทือนใจ
ฉิวฉิวนับวันจะเหมือนผู้ชายเข้าทุกวัน บุคลิก ท่าทาง มีตรงไหนบ้างที่เหมือนผู้หญิง?
อวี๋หมิงหลางกับเสี่ยวเชี่ยนไปตีกอล์ฟเป็นเพื่อนลูกค้าพ่อฉิวฉิว แล้วถือโอกาสคุยเรื่องคำสอนโบราณของจีนด้วย ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะรู้อยู่แล้วว่าเสี่ยวเฉียงภาษาอังกฤษอยู่ในขั้นดี แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีทักษะพูดหลอกคนต่างชาติได้ด้วย
พอรู้สึกได้ถึงสายตาของเสี่ยวเชี่ยนที่มองมาอย่างชื่นชม เสี่ยวเฉียงจึงใช้โอกาสนี้อธิบายเล็กน้อย “นึกถึงสมัยก่อน ก่อนที่ผมจะไปฝึกที่เมืองนอก ผมจงใจหาเรื่องพวกนี้มาอ่านเสริม ความรู้พวกนี้เอาไปหลอกพวกฝรั่งได้สบาย ความรู้ที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ สร้างความทึ่งให้พวกคนจากประเทศที่ประวัติศาสตร์สั้นได้มากทีเดียว”
เสี่ยวเชี่ยนยกนิ้วโป้งให้เขา สุดยอด!
ทางด้านนี้ช่วยยื้อเวลาลูกค้าต่างชาติ ส่วนทางด้านพ่อฉิวฉิวก็หันมามองทางนี้ไม่หยุด แทบอยากจะมีปีกบินมาฟังด้วยตัวเองว่าคุยอะไรกัน
เขาไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ แต่ก็รู้สึกได้ว่าลูกค้าไม่สนใจเรื่องที่เขาคุยผ่านล่ามก่อนหน้านี้ แต่พอเจอกับแก๊งค์เด็กเนิร์ดความรู้สูงพวกนี้ ลูกค้าของเขากลับดูพอใจ พ่อฉิวฉิวร้อนใจเอามือถูกัน อยากจะเข้าไปคุยเรื่องธุรกิจเสียตั้งแต่ตอนนี้
ฟู่กุ้ยที่อยู่ข้างๆเห็นพ่อฉิวฉิวร้อนใจมากจึงพูดขึ้น “ไม่งั้นเอารถเข็นผมไปใช้ไหมครับ?”
“แบบนั้นก็ดีเลย!” พ่อฉิวฉิวรออยู่แล้ว พ่อหนุ่มพิการนี่ฉลาดจริงๆ!
“ดีบ้าดีบออะไร! นั่งอยู่เฉยๆ! ไปก็มีแต่จะไปทำเสียเรื่อง ไหนเล่ามาซิลุงว่ามันเรื่องอะไรกันแน่?” ฉิวฉิวไม่อยากให้พ่อเข้าไป ขาเป็นถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าขยับมากๆจนอาการหนักจะทำไง
“บอกแกไปจะมีประโยชน์อะไร แกไม่เคยมารู้เรื่องพวกนี้ จะทำอะไรได้!”
“น้องพยาบาลคนสวยมานี่ ช่วยพาตาแก่นี่ไปเลย ไม่ต้องให้กลับมานะ ใช่ พาออกไปเลย!” ฉิวฉิวกวักมือเรียกทีมปฐมพยาบาล จากนั้นก็ทำท่าทางเหมือนพวกเก็บค่าคุ้มครอง เขาเท้าข้างหนึ่งเหยียบเก้าอี้ “นี่ลุง ตอนนี้จะพิการอยู่แล้วนะยังจะกล้ามีปัญหาอีกเหรอ? ทำตัวว่านอนสอนง่ายจะดีกว่านะ”
“ฉันอยากจะบ้าตาย!”
“พอแล้ว ฉิวฉิวเลิกยั่วโมโหเถอะ คุณลุงคะ ฉิวฉิวเขาหมายถึงว่าเขาจะช่วยคุณลุงจัดการเอง ให้เล่าสถานการณ์ให้เขาฟังหน่อยค่ะ เขาทำได้แน่” ไป๋จิ่นพูด
“เขาเนี่ยนะ?” พ่อฉิวฉิวไม่เชื่อว่าลูกตัวเองจะมีความสามารถขนาดนั้น
“อย่าดูถูกฉิวฉิวนะคะ ฉิวฉิวเป็นคนเก่ง ตอนนี้สถาบันของเขากำลังไปได้สวย นี่เพิ่งจะเปิดได้ไม่นานแต่กลับเป็นคลาสเรียนศิลปะป้องกันตัวที่มีชื่อเสียงมากในเมืองหลิน ต่อไปจะขยายใหญ่ขึ้นด้วย แถมเขายังมีไปติดต่อร่วมงานกับที่อื่นๆ ปิดเทอมหน้าร้อนมีพาเด็กไปแข่งที่เมืองนอกด้วยนะคะ”
ช่วงนี้ไป๋จิ่นอยู่กับฉิวฉิวบ่อย พอให้พูดเรื่องความสามารถของฉิวฉิวเธอยกนิ้วโป้งให้เลยทีเดียว
อย่าคิดว่าการเปิดคลาสสอนพิเศษพวกนี้เป็นเรื่องง่ายๆ มันเต็มไปด้วยอุปสรรคหลายด้าน รวมทั้งเรื่องการยื่นขอใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฉิวฉิวจัดการเองทั้งหมด เขากับหลิวเหมยลงทุนร่วมกัน หลักๆคือหลิวเหมยดูแลเรื่องการสอน ฉิวฉิวไปติดต่อข้างนอก เพียงแค่เวลาไม่นานก็มีชื่อเสียงโด่งดัง เรื่องนี้ไม่ง่าย
“ทำธุรกิจเหมือนเด็กเล่นขายของแบบนั้นจะได้เงินสักเท่าไรกัน?” พ่อฉิวฉิว หึ ออกมา แสดงออกเลยว่าดูถูก
“ตาแก่นี่หาเรื่องกวนประสาทจริงๆ! สักวันผมต้องไปได้ไกลกว่าลุงแน่ อย่างลุงน่ะธุรกิจอะไร ขุดเหมืองบังเอิญรวยขึ้นมาทำคุย ไม่ได้สร้างขึ้นมาด้วยความสามารถของตัวเองสักนิด ความรู้ก็น้อยจนน่าสงสาร ซื้อเครื่องช็อตไฟฟ้ามาแต่อ่านคู่มือการใช้ไม่ออก ฮ่าๆๆ!” ฉิวฉิวได้โอกาสล้างแค้นแล้ว
“ไอ้ลูกเฮงซวย ฉันอ่านไม่ออกแล้วฉันไม่มีปัญญาถามหรือไง? เพราะฉันสงสารไม่อยากช็อตแกหรอก ถ้ารู้ว่าแกจะทำตัวแบบนี้ฉันน่าจะช็อตจนกว่าแกจะยอมใส่กระโปรง!” พ่อฉิวฉิวตอนนี้รู้สึกเจ็บที่ใจมากกว่าขา ลูกไม่รักดีคนนี้มันยั่วโมโหเหมือนจะเอาให้เป็นโรคหัวใจให้ได้!