พอเห็นสองพ่อลูกทะเลาะกันอีกแล้วไป๋จิ่นก็พูดขึ้นมาอีก เธอไม่ได้คิดจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แค่อยากให้พ่อฉิวฉิวเข้าใจในตัวฉิวฉิวว่าเขาเป็นคนที่เก่งมาก
“คลาสเรียนของฉิวฉิวทำดีมากเลยนะคะ ถึงคุณลุงจะมองว่ามันเป็นเงินเล็กน้อย แต่สำหรับเขามันเป็นงาน เป็นความฝัน จนถึงตอนนี้พวกเรามีคลาสกังฟูสามคลาส เทควันโดสองคลาส กำลังรับสมัครอาจารย์เพิ่มด้วย ภายในครึ่งปีนี้พวกเราวางแผนจะเปิดคลาสอื่นๆเพิ่ม เช่นคลาสเต้นละติน ระบำชนเผ่า พวกเรายังสามารถใช้เวลาว่างที่เหลือเปิดคลาสอื่นๆเพิ่มได้อีก เช่นคลาสภาษาอังกฤษกับวัฒนธรรม แบบนั้นยิ่งกำไรเข้าไปใหญ่ ขอแค่ทำให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ ไม่เกินหนึ่งปีจะต้องลงตัวแน่นอน ถึงตอนนั้นก็จะเห็นผลกำไรค่ะ”
ไป๋จิ่นเคยช่วยฉิวฉิวคำนวณเงินลงทุน และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยออกไอเดียต่างๆจึงรู้เรื่องพวกนี้ดี
“จะมาบอกฉันทำไม? เด็กสาวอย่างเธอคงไม่ได้หลงชอบฉิวฉิวเข้าหรอกนะ? พวกเธอสองคนทำแบบนั้นไม่ได้ รีบๆเลิกยุ่งกันซะ” พ่อฉิวฉิวไม่ยอมรับว่าหลังจากที่ได้ฟังไป๋จิ่นพูด ความคิดที่มีต่อฉิวฉิวก็เริ่มเปลี่ยนไป
เขาคิดมาตลอดว่าฉิวฉิวไม่ใช่คนปกติ เป็นเด็กที่บกพร่องทางด้านร่างกายและความคิดผิดเพี้ยน
นึกไม่ถึงว่าฉิวฉิวจะไปสร้างกิจการเล็กๆของตัวเองโดยที่ไม่ได้ขอเงินทางบ้านเลยแม้แต่น้อย ถึงขนาดที่ว่าพ่อฉิวฉิวไม่ส่งเสียค่าเทอมให้ฉิวฉิวสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เพราะหวังอยากให้ฉิวฉิวหายจากอาการเบี่ยงเบนทางเพศ อยากบังคับให้ฉิวฉิวกลับไปเป็นผู้หญิงเหมือนเดิม
ไม่คิดว่าไม่เพียงแต่ฉิวฉิวจะไปทำงานเก็บเงินส่งตัวเองเรียน ยังทำธุรกิจไปได้สวยขนาดนี้
บรรดาลูกๆของเถ้าแก่เหมืองถ่านหินที่เพิ่งเป็นเศรษฐีใหม่ที่อยู่รอบตัวพ่อฉิวฉิว ไม่มีสักคนเดียวที่ทำตัวดี ถึงคนรวยพวกนั้นจะมีลูกชายเยอะ แต่ลูกๆส่วนใหญ่รู้จักแต่เรื่องใช้เงิน วันๆไม่ทำอะไร เศรษฐีใหม่เมื่อเทียบกับตระกูลร่ำรวยเก่าแก่อย่างตระกูลอวี๋แล้วยังห่างชั้นกันเยอะ สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือเรื่องการอบรมสั่งสอน รุ่นลูกของพวกเศรษฐีใหม่หาเด็กเก่งๆเอาการเอางานแบบฉิวฉิวได้ยาก
แต่น่าเสียดายที่ฉิวฉิวเป็นลูกสาว
ทำไมต้องเป็นลูกสาวด้วยนะ
ถ้าเป็นลูกชาย ถ้าเป็นลูกชายสร้างกิจการด้วยตัวเอง พ่อฉิวฉิวคิดว่าเขาคงยกเอาเรื่องนี้ไปอวดกับเพื่อนๆในวงการได้ตลอดชีวิต
“หนูกับฉิวฉิวยังเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ แต่ในอนาคตหนูไม่รับประกันว่าจะไม่ชอบเขาได้ไหม เพราะเขาเก่งขนาดนี้—” ว้าย พูดออกไปแล้ว!
ไป๋จิ่นหน้าแดง
อ๊าๆๆๆ พูดออกไปแล้วอ้ะ!
แถมยังพูดต่อหน้าพ่อฉิวฉิวด้วย!
ความในใจพวกนี้เธอเก็บมาตั้งนาน ทำไมอยู่ๆก็พูดออกไปในเวลาแบบนี้นะ?
ไป๋จิ่นหันไปมองฉิวฉิวอย่างระมัดระวังแล้วก็พบว่าเขาไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจ แต่กลับดูชอบอกชอบใจเสียด้วยซ้ำ ทั้งสองคนส่งสายตาหวานๆหากัน—มองข้ามพ่อฉิวฉิวที่อยู่ตรงนั้น
ฟู่กุ้ยค่อยๆเข็นตัวเองออกจากตรงนั้นเพื่อไปหาหลิวเหมย ไม่ได้การ เขาต้องหลบ อยู่ๆก็มีซีนหวานมาฆ่าคนอื่นเสียอย่างนั้น!
“พวกแก พวกแก พวกแก!!! ฉันไม่มีทางยอมรับ!!!” พ่อฉิวฉิวสะเทือนใจหนัก ความรักแบบผิดเพศเกิดขึ้นแค่ตรงปลายจมูกของเขา มันน่าภูมิใจตรงไหน!
“ลุงไม่ต้องมายอมรับ อยู่นิ่งๆไปน่ะดีที่สุด—ไป๋จิ่น กลับไปพวกเราค่อยคุยกัน” ฉิวฉิวส่งสายตาหวานๆไปเต็มที่ รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที
“โอเค!” ไป๋จิ่นพยักหน้าหงึกๆ
ฟู่กุ้ยเข็นรถออกจากตรงนั้น เขารู้สึกเหมือนมีเพลงรักบรรเลงตามมา จึ๊ๆ!
พ่อฉิวฉิวสะเทือนใจหนัก แต่ตอนนี้ฉิวฉิวอารมณ์ดีมาก ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดกับชายแก่ตรงหน้าเท่าไรแล้ว เขาพูดอย่างเนือยๆ “ตกลงจะบอกไหม ไม่บอกจะให้คนพาตัวไปแล้วนะ อยู่ตรงนี้ก็เกะกะสายตา”
พ่อฉิวฉิวมองแกะตัวอ้วนสัญชาติอื่น แล้วมองฉิวฉิวที่ไม่เชื่อฟังเขาเลยสักนิด จากนั้นก็มองทีมปฐมพยาบาลที่ยังไม่ไปไหน หลังจากที่ชั่งน้ำหนักส่วนได้ส่วนเสียแล้ว เขาทำได้แค่พักยกเรื่องระหว่างเขากับฉิวฉิวไปก่อน จากนั้นจึงเล่าเรื่องธุรกิจให้ฟังอย่างคร่าวๆ
พูดเสร็จก็ยังไม่วางใจ “แกไม่ต้องมายุ่งดีกว่า แกน่ะเหรอจะจัดการเรื่องพวกนี้ได้ อันที่จริงระหว่างมาฉันก็ไม่มั่นใจเท่าไร แค่อยากมาลองดู”
“ขุดเหมืองก็กำไรดีไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้อยากร่วมทุนสร้างโรงงานล่ะ? เป็นเศรษฐีสบายๆไม่ดีเหรอไง?”
“ก็เพราะว่าคิดเผื่อแกนี่ไง งานขุดเหมืองยังไงก็ไม่เหมาะกับผู้หญิง ฉันมีแกเป็นลูกคนเดียว คิดไว้ว่าถ้าฉันตายอย่างน้อยแกก็จะได้มีกิจการของตัวเอง เปิดโรงงานเป็นผู้ถือหุ้นไม่ต้องบริหาร ถึงตอนนั้นฉันก็จะหาลูกเขยให้เข้ามาทำงานแทนแก ชีวิตที่เหลือของแกก็จะสุขสบาย”
ฉิวฉิวมองบน “ลัทธิรักแต่ลูกชาย ลุงดูถูกผู้หญิงเกินไปแล้ว เห็นผู้หญิงคนนั้นที่คุยกับคนต่างชาติไหม? พวกเราเรียกเขาว่าประธานเชี่ยน เป็นผู้หญิงที่สุดยอดมาก เห็นเป็นจิตแพทย์แบบนั้นแต่หาเงินได้ไม่แพ้ผู้ชายเลยนะจะบอกให้ จะมีผู้ชายสักกี่คนที่สู้เขาได้? อย่าดูถูกผู้หญิงให้มากนักเลย ผู้ชายกับผู้หญิงต่างกันแค่พละกำลัง ความฉลาดไม่มีแบ่งเพศ อีกอย่างผมก็เป็นผู้ชาย จะมีสามีได้ยังไง?”
“ต่อให้หมอเฉินเก่งกว่านี้ก็เป็นแค่หมอ หมอจะหาเงินได้เท่านักธุรกิจเหรอ? ฉิวฉิว ฟังพ่อนะ อย่าดื้ออีกเลย แต่งงานมีลูกเถอะ มีครอบครัวมีลูกถึงจะเป็นทางที่แกควรเดิน พ่อวางแผนอนาคตไว้ให้แกแล้ว อีกหน่อยพ่อจะหาลูกเขยมาให้แต่งเข้าบ้านเรา เงินทั้งหมดของพ่อก็จะยกให้แก ลูกของแกจะแซ่เซียว แบบนั้นบ้านเราก็จะมีทายาทสืบสกุลแล้ว”
พ่อฉิวฉิวเองก็ลำบากไม่น้อย ในสายตาของเขานี่เป็นเส้นทางที่ดีที่สุดของลูกสาวคนเดียวของเขาแล้ว
แต่ฉิวฉิวกลับไม่รับน้ำใจ กวักมือให้ทีมปฐมพยาบาลหามพ่อไป ก่อนไปได้ตบบ่าพ่อตัวเองพลางพูด “นี่ลุง ผมเป็นผู้ชาย จะคลอดลูกได้ไง? ตื่นเถอะ อย่ามัวแต่ฝัน แล้วก็อย่าดูถูกคนอื่น คอยดูเถอะ ผมจะทำเรื่องที่ลุงทำไม่ได้ให้สำเร็จ! แต่ขอบอกไว้ก่อนนะ ครั้งนี้เป็นการตอบแทนบุญคุณที่ให้ผมเกิดมา ต่อไปห้ามมายุ่งเรื่องของผมอีก!”
พูดจบก็เดินไปทางสนามกอล์ฟอย่างชิลด์ๆ พ่อฉิวฉิวได้แต่ยืนมองลูกเดินจากไปด้วยความรู้สึกโมโห
ทีมปฐมพยาบาลฟังฉิวฉิว หามพ่อฉิวฉิวออกจากตรงนั้น เดินไปได้ไม่กี่ก้าวไป๋จิ่นที่ยังยืนอยู่ก็ตะโกนขึ้น
“เดี๋ยวก่อนค่ะ! วางเขาลงก่อน!”
“เธอ?” พ่อฉิวฉิวไม่เข้าใจไป๋จิ่นคิดจะทำอะไร
“หนูอยากให้คุณลุงได้เห็นว่าเขาเป็นผู้ชายที่เก่งแค่ไหน! อยู่ตรงนี้เถอะค่ะ นั่งมองเขาด้วยตัวเอง!” ความหมายคือให้อยู่ดู แต่ไม่ต้องให้ลงจากเปลหาม!
คล้ายกับว่าเข้าใจจุดประสงค์ของไป๋จิ่น เสี่ยวเชี่ยนเห็นฉิวฉิวเดินมาจึงก้มไปกระซิบข้างหูเสี่ยวเฉียง เสี่ยวเฉียงพยักหน้าแล้วเดินไปหาพ่อฉิวฉิว
“รีบมาพยุงผมไปที อย่าให้เขาไปก่อกวน เร็ว จะเอาเงินเท่าไรก็ได้!” พ่อฉิวฉิวพูดกับอวี๋หมิงหลาง
อวี๋หมิงหลางทำเหมือนไม่ได้ยิน ยกขวดเหล้าฝรั่งบนโต๊ะขึ้นมา จากนั้นก็ขอแก้วจากพนักงานมารินให้พ่อเซียวจนเต็ม
“ตอนนั้นคุณทรมานเขา กักขังเขา แถมยังให้เขากินแต่ผักกาดขาว แต่พวกเราไม่โหดร้ายแบบนั้น พวกเราจะให้คุณนั่งดู ผมจะเลี้ยงเหล้าคุณเอง มาครับ แฟนผมบอกว่า วันนี้พวกเราสองคนทำความดีไม่ประสงค์ออกนาม ใจกว้างเลี้ยงเหล้าฝรั่งฟรีๆ แฟนผมเป็นแนวหน้าอยู่ช่วยฉิวฉิวจัดการเรื่องนี้ ส่วนผมน่ะเหรอ…”
เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดต่อ “ผมจะเป็นล่ามแปลสดให้คุณเอง คุณจะได้รู้ว่าฉิวฉิวพูดอะไรกับทางนั้นบ้าง”