“ล่ามเหรอ?” ตอนนี้สมองพ่อฉิวฉิวแน่นิ่งไปแล้ว
แก็งค์เด็กเนิร์ดเก่งกาจประหนึ่งแปดเทพข้ามทะเล แต่ละคนต่างมีทักษะความสามารถที่เหนือใคร แค่แสดงออกมาเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะทำให้ตกตะลึงได้
ภาษารูปปาก ถ้าไม่เจอคนชำนาญจริงๆก็ยากที่จะได้เห็น
ดังนั้นหลังจากได้เห็นอวี๋หมิงหลางแปลในสิ่งที่ฉิวฉิวพูดแล้ว พ่อฉิวฉิวเหมือนได้เปิดโลกทัศน์ขึ้นมาทันที
เขาแทบไม่ยากเชื่อเลยว่าอวี๋หมิงหลางสามารถดูออกว่าทางนั้นคุยอะไรกันบ้างจากการดูแค่รูปปาก
แต่ที่ไม่อยากเชื่อยิ่งกว่าก็คือ ‘ลูกสาว’ อย่างฉิวฉิวกลับคุยกับคนต่างชาติพวกนั้นได้อย่างคล่องแคล่ว แถมยังดูเข้ากันได้ดีด้วย
“คุณ…ไม่ได้ใส่สีตีไข่ใช่ไหม เขาพูดแบบนั้นจริงเหรอ?” พ่อฉิวฉิวถึงกับต้องเปลี่ยนความคิด
ลูกสาวที่ดูไม่เอาไหนในสายตาของเขา นิสัยมีปัญหา เหมือนจะเป็น ‘โรคประสาท’ กลับเก่งขนาดนี้เลย?
พูดภาษาต่างประเทศทั้งหมดเลยด้วย!
แถมยังรู้จักเข้าหาคน!
เรื่องที่เขาทำไม่ได้ ฉิวฉิวกลับทำได้แล้ว
“ภาษารูปปากจะให้แปลตรงร้อยเปอร์เซ็นต์เลยคงไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็พอจะรู้เรื่องที่คุยกัน ความผิดพลาดไม่สูง ต่อให้ผมไม่พูด คุณดูจากสีหน้าของคนพวกนั้นยังไม่เห็นแววตาชื่นชมที่พวกเขาแสดงออกอีกเหรอครับ?”
อวี๋หมิงหลางพูดได้ตรงจุด นั่นสิ จะมองไม่ออกได้ยังไง
ถึงพ่อฉิวฉิวจะความรู้น้อย แต่พอร่ำรวยก็ได้พบเจอผู้คนมาเยอะ ย่อมรู้จักอ่านสีหน้าคน เขาไม่รู้ว่าอวี๋หมิงหลางแปลถูกหรือเปล่า แต่เห็นสีหน้าพอใจจากใบหน้าของคนพวกนั้น
พอฉิวฉิวเข้าไปเสี่ยวเชี่ยนก็กลายเป็นตัวประกอบ เธอพูดน้อยลง แค่คอยเสริมบ้างในช่วงสำคัญ แต่ไม่ได้แย่งซีนฉิวฉิว ไม่ทำเรื่องที่ไม่จำเป็น
จุดประสงค์ของเธอเหมือนกับไป๋จิ่น ก็คือต้องการให้พ่อฉิวฉิวเห็นในความสามารถของฉิวฉิว
ฉิวฉิวที่ฝ่าฟันความลำบากมาด้วยตัวเอง ฉิวฉิวคนแข็งแกร่งที่ไม่ว่าจะเจออุปสรรคมากขนาดไหนก็ลุกยืนขึ้นมาได้
ตอนแรกพ่อฉิวฉิวก็ยังมองด้วยความสงสัย แต่ดูไปเรื่อยๆสีหน้าของเขาก็เหมือนคิดหนัก สายตาที่มองฉิวฉิวต่างไปจากเดิม
“แฟนผมไม่อยู่ตรงนี้ผมขอพูดอะไรแทนเธอสักหน่อย ถ้าตัดเรื่องความแตกต่างทางด้านร่างกายแล้ว คุณคิดว่าผู้หญิงกับผู้ชายแตกต่างกันตรงไหนครับ?” อวี๋หมิงหลางถามพ่อฉิวฉิว
“ผู้ชายแรงเยอะเป็นกำลังสำคัญของบ้าน—” พ่อฉิวฉิวพูดได้แค่นั้นก็ชะงัก เขานึกถึงเมื่อครู่ที่ฉิวฉิวพยุงเขาขึ้นมา แรงเยอะไม่แพ้ผู้ชายเลยทีเดียว
“ขอผมตอบแทนแล้วกันนะครับ ผู้หญิงกับผู้ชายต่างมีสมองเหมือนกัน เพียงแต่มีความแตกต่างทางโครงสร้างทำให้ถนัดคนละอย่าง ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือเรื่องกระบวนการคิด”
อวี๋หมิงหลางมองเสี่ยวเชี่ยนที่กำลังเดินมาทางเขาพร้อมรอยยิ้ม
“แน่นอนครับว่าแฟนผมเป็นกรณียกเว้น เธอเป็นคนที่มีกระบวนการคิดเป็นได้ทั้งแบบผู้ชายและผู้หญิงซึ่งพบเจอได้น้อยมาก ซึ่งมันก็เกี่ยวข้องกับเรื่องอาชีพของเธอ”
เสี่ยวเชี่ยนรับน้ำที่อวี๋หมิงหลางยื่นให้ มองเขาด้วยท่าทางกึ่งยิ้ม “การรักษาจิตเวชของนายเป็นฉันจะไม่จ่ายสักบาท นายพูดเรื่องโครงสร้างสมองกับเศรษฐีใหม่เนี่ยนะ คิดว่าเขาจะอินไปกับนายไหม?”
อวี๋หมิงหลางผายมือเชิญเสี่ยวเชี่ยน เพื่อให้หมอเฉินเริ่มกระบวนการล้างสมอง!
“นักธุรกิจที่คุณเคยเจอเป็นผู้หญิงเยอะไหมคะ?” เสี่ยวเชี่ยนถาม
พ่อฉิวฉิวพยักหน้า “ก็เยอะอยู่นะ แถวเมืองที่ผมอยู่ส่วนใหญ่เป็นคู่สามีภรรยา—สองคนเมื่อกี้ใช่ประธานคนล่าสุดของอุตสาหกรรมทังเฉิงหรือเปล่า?”
เสี่ยวเชี่ยนไม่ตอบคำถามนี้ แต่พูดต่อ
“ผู้ชายถนัดเรื่องการใช้ตรรกะความคิด ชอบการแข่งขันและสร้างสิ่งใหม่ๆ ผู้หญิงอดทนเก่งกว่าผู้ชาย มีความรอบคอบมากกว่า แต่ละคนถนัดไปคนละแบบ เอาง่ายๆอย่างเรื่องมุมมอง นักธุรกิจหญิงที่คุณเคยเจอพอเจอกับปัญหาก็จะควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ ชอบระบายความรู้สึกออกมาก่อน แล้วค่อยแก้ปัญหาใช่ไหมคะ? แต่เพศหญิงมีความสามารถในการรับมือกับความกดดันสูง ความอดทนก็สูงเช่นกัน ตัวอย่างของนักธุรกิจหญิงที่ล้มแล้วลุกขึ้นมาได้มีถมไป ส่วนนักธุรกิจชายเวลาเกิดปัญหาจะมีไหวพริบไวกว่า ไม่มานั่งระบายอารมณ์แบบผู้หญิงก่อน แต่ความอดทนต่ำ พวกที่ล้มเหลวแล้วฆ่าตัวตายก็มีเยอะ ดังนั้นผู้ชายกับผู้หญิงไม่มีใครสูงใครต่ำ มีแต่ถนัดต่างกัน”
พูดจบเสี่ยวเชี่ยนก็เสริมด้วยประโยคสำคัญ
“คุณคิดว่าท่าทางของฉิวฉิวตอนไปคุยเมื่อครู่เหมือนผู้ชายหรือผู้หญิงคะ?”
ประโยคนี้สำคัญมาก
ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ฉิวฉิวก็ดูคุมเกมได้ บุคลิกท่าทางเหมือนผู้ชายมากกว่า
พ่อฉิวฉิวหน้าซีด ไม่รู้ว่าเพราะบาดเจ็บหรือเพราะคำพูดของเสี่ยวเชี่ยน
อวี๋หมิงหลางยกนิ้วโป้งให้เสี่ยวเชี่ยน เรื่องพูดจาเกลี้ยกล่อมคนนี่ต้องยกให้เมียเขาเลยจริงๆ
“ไปตีกอล์ฟกันดีกว่า” เสี่ยวเชี่ยนดันตัวอวี๋หมิงหลาง ที่ควรพูดก็พูดไปแล้ว ที่เหลือก็ต้องดูแล้วว่าพ่อฉิวฉิวจะคิดได้ไหม
ฉิวฉิวเหมือนผู้ชายมากกว่าเหรอ? พ่อฉิวฉิวหันไปมองลูกตัวเองพลางคิดหนัก
กอล์ฟหนึ่งเกมตีกันไปเกือบสี่ชั่วโมง พอตีเสร็จแล้วลูกค้าต่างชาติพวกนั้นก็มีสีหน้าพอใจเป็นอย่างมาก เดินเข้าไปจับมือพ่อฉิวฉิวเอง แล้วพูดชมฉิวฉิวไม่หยุด ก่อนไปยังได้บอกให้พรุ่งนี้พ่อฉิวฉิวเอาแผนงานไปเสนอพวกเขาถึงที่พักได้
โอกาสมาแล้ว!
พอลูกค้าไปกันหมดแล้วพ่อฉิวฉิวถึงได้เชื่อว่าฉิวฉิวเก่ง!
“ไงลุง เห็นหรือยัง? ต่อไปเลิกมายุ่งกับผมสักทีนะ เราสองคนหายกันแล้ว” ฉิวฉิวเดินมาหยิบอุปกรณ์กอล์ฟของตัวเองพลางพูดกับพ่ออย่างไม่แคร์
รู้สึกเหมือนได้ระบายความโกรธที่มีมาหลายปี ในที่สุดก็ได้พิสูจน์ตัวเองให้พ่อเห็น
“ฉิวฉิว…พ่อเข้าใจแล้ว ก่อนหน้านี้พ่อผิดเอง”
“เอ๋?” ฉิวฉิวหยุดเดินแล้วหันไปมองพ่อด้วยความสงสัย หรือพ่อจะคิดได้แล้ว?
หันไปสบตากับไป๋จิ่นอีกครั้ง หรือเขาจะยอมรับได้แล้ว?
อวี๋หมิงหลางมองเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนหันไปมองฟู่กุ้ยก่อนเป็นอันดับแรก ฟู่กุ้ยส่ายหน้า เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้า
ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนกำลังวินิจฉัยอยู่
ความหมายของฟู่กุ้ยคือ ความคิดที่ฝังอยู่ในหัวของคนๆหนึ่งไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆ เป็นไปได้ยากที่แค่ตีกอล์ฟไปเกมเดียวจะทำให้พ่อฉิวฉิวเปลี่ยนความคิดได้
การที่เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้าหมายถึงเธอเองก็คิดแบบนั้น คำพูดที่เธอคุยกับพ่อฉิวฉิวเมื่อครู่เป็นแค่ขั้นแรก หากต้องการบรรลุวัตถุประสงค์ยังต้องใช้เวลา
เสี่ยวเฉียงก็พยักหน้าตาม ถึงเขาจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาท ไม่ใช่นักจิตวิทยา แต่เขารู้สึกว่ามีคำพูดหนึ่งที่พูดไว้ได้ดี
ความคิดคนที่หยั่งรากลึกแล้วเปลี่ยนยาก
มีแค่ฉิวฉิวที่ยังอยู่ในอาการดีใจที่ได้พิสูจน์ตัวเอง เขายังแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“พ่อเห็นด้วยที่ผม—”
“พ่อมองออกแล้ว ความสามารถแบบแกจะให้เป็นผู้ถือหุ้นนั่งเฉยๆก็น่าเสียดาย เอาแบบนี้ เดี๋ยวพ่อหาผู้ชายที่ว่านอนสอนง่ายให้ ให้เขาช่วยแกทำงาน เหมือนคนนั้นไง”
พ่อฉิวฉิวชี้ไปยังจูขี้บ่นที่ยืนอยู่ข้างสุ่ยเซียน จูขี้บ่นทำหน้างง เกี่ยวอะไรกับผม?
ตกเป็นเป้าเฉย?!
เมื่อครู่ตอนที่เสี่ยวเฉียงกับเสี่ยวเชี่ยนช่วยฉิวฉิวรับหน้าลูกค้าต่างชาติ จูขี้บ่นกลัวสุ่ยเซียนอยู่ข้างนอกนานแล้วจะเป็นลมแดดจึงพาสุ่ยเซียนเข้าไปตากแอร์ในห้อง พอจบเรื่องแล้วถึงออกมารวมกับทุกคน เรื่องนี้มีคู่เหม่ยเฉียงอยู่จัดการได้แน่นอน
แต่พอมาถึงก็ตกเป็นเป้าซะงั้น
สองครอบครัวอยู่ในแวดวงธุรกิจเหมือนกัน ตระกูลทังมีชื่อเสียงมาก ถึงสุ่ยเซียนกับจูขี้บ่นจะไม่รู้จักพ่อฉิวฉิว แต่พ่อฉิวฉิวรู้ดีว่าสองคนนี้เป็นใคร
“คุณลุงครับ พูดให้ชัดเจนหน่อยได้ไหมครับว่าอะไรที่เรียกว่าเหมือนผม?” จูขี้บ่นรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องถามให้รู้เรื่อง
“คุณแต่งเข้าตระกูลทังไม่ใช่เหรอ? เห็นคุณเข้ากับประธานทังได้ดี อนาคตผมก็จะหาผู้ชายแบบนี้ให้ฉิวฉิวบ้าง”
จูขี้บ่นถึงกับไม่สบอารมณ์เบาๆ นี่เขาแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงตั้งแต่เมื่อไรกัน?