บทที่ 59 โกรธจัดจนหน้าแดง

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

“ไม่งั้นคุณคิดว่าไงล่ะ?”เจเทาวน์พูดอย่างมีนัยแฝง“ประธานเทาเท่ ความรักเพียงแป๊บเดียวก็หายวับไปในพริบตาได้ ต้องคว้าไว้ให้ทัน พลาดไปจะเอาคืนกลับก็ไม่ได้แล้ว”

เทาเท่จะฟังไม่ออกได้อย่างไร คำพูดของเจเทาวน์กำลังกระแนะกระแหนว่าเขาไม่ทะนุถนอมหลินจือ

เขาก็เสียดสีกลับอย่างไม่ยอมแพ้:“ประธานเจเทาวน์ไล่ตามความรักน่ะดีนะ แต่วัวแก่กินหญ้าอ่อนแบบนี้ก็ควรมีขอบเขต แก่กว่าเธอตั้งหลายปี ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเหรอ?”

โจมอนเด็กมากไป เจเทาวน์ก็แก่เกินไป ทำไมข้างกายเธอถึงมีแต่ผู้ชายแบบนี้กันนะ?

เจเทาวน์พูดไปอย่างสบายๆ:“ความรักไม่มีแบ่งแยกเพศ ไม่มีแบ่งแยกเชื้อชาติ และก็ไม่มีแบ่งแยกอายุ”

เทาเท่หัวเราะอย่างเยือกเย็น:“งั้นขอให้คุณโชคดี”

แปลกสิ

เจเทาวน์พูดเบาๆ:“อือ และก็อวยพรให้ประธานเทาเท่กับคุณซูซีรักกันหวานชื่นเช่นกัน”

พูดถึงซูซี สายตาเทาเท่ก็อดไม่ได้ที่จะมีความหงุดหงิด วางสายของเจเทาวน์อย่างเซ็งๆ

เจเทาวน์จงใจพูดถึงซูซีแน่ๆ ประเด็นไหนไม่ควรยกขึ้นพูดก็พูดออกมา

ในรถโดยสารส่วนตัวของนานิหลินจือนั่งอย่างเหนื่อยล้า นึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นก็รู้สึกกลัว

นานิชมโจมอนอย่างตื่นเต้นอยู่ข้างๆ:“โจมอนนี่ใช้ได้เลยนะ โกรธจัดเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง”

“สู้ได้เยี่ยมมาก ไอ้ลามกนั่นสมควรโดนชกจนกลายเป็นหัวหมูไปเลย!”

หลินจือรีบห้ามเธอ:“พอเถอะน่าแม่คุณ เรื่องนี้ถ้าหลุดออกไป โจมอนจบแน่”

นานิไม่สนใจ:“ไม่เห็นต้องกลัวสักหน่อย อย่างมากเขาก็กลับไปสืบทอดธุรกิจที่บ้านต่อ”

หลินจือไม่เข้าใจ นานินอนบนตัวเธอด้วยรอยยิ้ม:“เธอยังไม่รู้สินะ?ที่จริงโจมอนเป็นลูกคนรวย ที่บ้านรวยมาก”

หลินจือกลับไม่รู้เรื่องนี้ โจมอนไม่เคยพูดกับเธอเรื่องสถานะทางบ้าน และเธอก็ไม่มีทางถามแบบนี้

ก่อนหน้านี้นานิกับโจมอนเคยมีผลงานร่วมกัน ทั้งสองยังแสดงด้วยกันด้วย ดังนั้นเลยรู้ค่อนข้างมาก

นานิถามเธออย่างมีเลศนัย:“บอกมา เธอจะไม่พิจารณาโจมอนจริงเหรอ?เขาทำเพื่อเธอจนเกือบตกงานเชียวนะ”

“ไม่พิจารณา ไม่มีทางพิจารณาเด็ดขาด!”หลินจือตอบไปทันที

นานิพูดอย่างมีคารมคมคายต่อไปว่า:“คบกับเด็ก ไม่เสียเปรียบนะ”

หลินจือขี้เกียจสนเธอ นานิรู้ว่าเธอคือคนที่จริงจัง ไม่มีทางเล่นกับความรู้สึก

นานิพูดอีกว่า:“งั้นประธานเจเทาวน์ของพวกเราล่ะ?เธอจะพิจารณาหน่อยไหม?”

หลินจือยังไม่พูดอะไร นานิก็เริ่มพูดเชียร์เจเทาวน์อีกครั้ง:“หน้าตาประธานเจเทาวน์ก็อย่าพูดถึงเลย ครอบครัวบุคลิกและนิสัยก็ดีหมด พวกเธอสองคนเป็นคนประเภทที่อ่อนโยนและเข้ากับคนง่าย อยู่ด้วยกันต้องมีความสุขแน่”

หลินจือปวดหัวสุดๆ:“ทำไมเธอถึงรีบหาผู้ชายให้ฉันแบบนี้ล่ะ?”

นานิก้มหน้าลงพูดเบาๆ:“แค่เธอมีคนรักเป็นตัวเป็นตน ยัยแพศยาซูซีนั่นก็ไม่เล่นงานเธออีกแล้ว”

หลินจือประทับใจจนเบ้าตาแดง กับมิตรภาพนี้ที่นานิมีต่อตัวเอง

ตอนที่ใกล้ถึงที่พักของหลินจือ หลินจือรับสายของคุณท่านคุณท่านตระกูลฟอเรนา

“หลินจือ ช่วงนี้ยุ่งหรือเปล่า?”คุณท่านถามด้วยความเมตตากรุณา

หลินจือบอกไปตามความจริง:“กำลังยุ่งเรื่องบทค่ะ โทรหาฉันมีอะไรหรือเปล่าคะ?”

คุณท่านรู้ว่าตอนนี้หลินจือเป็นคนเขียนบท ตอนหลินจืออยู่ต่างประเทศคุณท่านก็โทรหาเธอบ่อยๆ คุยไปคุยมาถึงรู้เรื่องที่หลินจือเป็นคนเขียนบท

คุณท่านรู้ว่าเธอมีงานแบบนี้ก็ดีใจมาก และชื่นชมเธอ

และตั้งแต่ตอนนั้น หลินจือก็รู้สึกถึงว่าคุณท่านรักเธอจากใจจริง

คุณท่านพูดยิ้มๆในสาย:“เธอว่างเมื่อไหร่?ฉันอยากแฟนนำแฟนให้เธอ?”

“แฟน?”หลินจือคิดว่าตัวเองฟังผิด

คุณท่านพูดอย่างตั้งใจ:“ใช่ ตอนนี้เธอโสดแน่ ฉันรู้จักเด็กหนุ่มเพอร์เฟคคนหนึ่ง จะแนะนำให้เธอพอดี”

หลินจือพูดจาสะเปะสะปะไปหมด:“ไม่ใช่ค่ะ คือคุณปู่——”

ปู่แท้ๆของสามีเก่า จะแนะนำผู้ชายให้เธอ นี่ๆๆ นี่มันเหลือเชื่อ น่าตกใจมาก

นานิพอจะฟังออก จึงหัวเราะเสียงดังอย่างไม่เกรงใจอยู่ข้างๆ

ตลกจัง ถ้าเทาเท่รู้ ต้องโกรธจัดจนหน้าแดงแน่

“นี่เด็กอย่างเธอนี่ จะตกใจอะไรล่ะ?”คุณท่านอธิบาย“ฉันชอบเด็กสาวอย่างเธอจริงๆ ถึงแม้เธอจะไม่มีวาสนากับเทาเท่เป็นสามีภรรยาแค่สามปี แต่ไม่มีผลที่ฉันชอบเธอหรอก”

“ปู่เห็นเธอเป็นหลานสาวแท้ๆ จึงจัดการเรื่องนี้ให้เธอ”

คุณท่านพูดอย่างจริงใจ หลินจือจึงประทับใจมาก เธอรู้สึกถึงความรักที่คุณท่านมีต่อเธอ

ก็แค่ เรื่องแนะนำผู้ชายให้เธอแบบนี้ อุกอาจเกินไปหรือเปล่า?

“คุณปู่ ฉันรู้น้ำใจของปู่นะคะ แต่ฉันไม่อยากมีความรักตอนนี้”หลินจือปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม

คุณท่านชะงักไป จู่ๆก็ถามเขาอย่างจริงจัง:“เธอบอกปู่มาตรงๆ เธอไม่ยอมมีความรัก เพราะยังคิดถึงเทาเท่หมอนั่นเหรอ?”

หลินจือรีบปฏิเสธ:“เปล่าจริงๆค่ะ”

ถ้ายังลืมไม่ได้ ตอนนั้นเธอคงไม่ตัดสินใจฟ้องหย่า

“งั้นก็ได้นี่?”คุณท่านจัดการให้แล้ว“ในเมื่อไม่คิดถึงเขาแล้ว งั้นก็เดทกับผู้ชายสมบูรณ์แบบหน่อยสิ”

หลินจือ:“……”

วิธีการนี้ของคุณท่านแยบยลเสียจริง ในเมื่อไม่คิดถึงเทาเท่อีกแล้ว ก็เท่ากับว่ายอมเดทกับคนอื่น

อย่างไรก็ตามคุณท่านตัดสินใจแล้ว:“พรุ่งนี้สิบเอ็ดโมงครึ่ง ฉันจะให้คนขับรถไปรับเธอ”

“นี่ๆ คุณปู่……”หลินจือรีบจะห้ามคุณท่านไว้ นานิที่อยู่ข้างๆก็หยิบโทรศัพท์ของเธอไป

“คุณท่าน วางใจเถอะค่ะ พรุ่งนี้หลินจือไปตามนัดหมายแน่ค่ะ ฉันจะให้ช่างของฉันแต่งตัวให้เธอสวยๆเลย!”ไม่ต้องบอกว่านานิตื่นเต้นแค่ไหน คุณท่านชมนานิเล็กน้อย จากนั้นจึงวางสาย

หลินจือปวดหัวมาก:“นี่เธอกำลังทำให้โลกวุ่นวายเพื่อบรรลุจุดประสงค์ของตัวเองอยู่นะ”

นานิหัวเราะไม่หยุด:“ที่ไหนกันล่ะ ผู้ชายที่คุณท่านแนะนำให้เธอจะต้องโดดเด่นไม่ธรรมดาแน่ ต้องไปเจอนะ”

“แต่ฉันอยากรู้มากว่า เทาเท่รู้เรื่องนี้ไหม?ถ้ารู้ จะมีปฏิกิริยาอย่างไร?”

หลินจือละสายตาลงไป:“เขาจะมีปฏิกิริยาอะไรล่ะ?นอกจากรังเกียจขยะแขยง”

นานิเอามือเท้าหน้าผากแล้วมองเธอ ไม่พูดอะไรอีก

ยังไงเทาเท่ก็ตาบอดเสียจริง เอาซูซียัยแรดนั่นมาเป็นคนรัก

*

ควีนขับรถส่งซูซีกลับไป ยังไม่ถึงที่พักของซูซีโทรศัพท์ของซูซีก็ดังไม่หยุด สายนั้นเป็นเนมากับผู้ช่วยผู้กำกับโทรมา

เธอหลอกพวกเขา และยังทำร้ายพวกเขาให้ต้องเสียงานละครเรื่องนี้อีกด้วย พวกเขาไม่จบง่ายๆแน่

อย่างไรก็ตามด้านข้างคือควีน ซูซีจึงไม่กล้ารับสายพวกเขา ได้แต่กัดฟันแล้วตัดสายไป สุดท้ายก็หมดหนทางจึงต้องปิดเครื่อง

ควีนขับรถไปพูดไปนิ่งๆว่า:“ถ้าคุณมีอะไรต้องทำ รับสายได้นะ”คะ

ควีนจงใจพูดแบบนี้ สัญชาตญาณของผู้หญิงบอกเธอว่า สายของซูซีเหล่านี้ดูผิดปกติ

“ไม่เป็นไร”ซูซียกมือขึ้นลูบผมที่หน้าผาก“เป็นเบอร์พวกโทรขายประกันน่ะ”

ควีนหัวเราะอย่างเย็นชาในใจ ดูว่าเธอจะเสแสร้งไปได้ถึงไหน