“ขอโทษทีมาช้า ฉันคุยโทรศัพท์นานไปหน่อย”
เสี่ยวหลัวเดินไปและขอโทษพวกเธอที่ยืนรวมตัวกันอยู่ ที่เขาขอโทษเพราะเขาทำให้พวกเธอรอเขามานานกว่าสิบนาทีแล้ว
“ไม่เป็นไร เทพหลัว เรายังไม่ได้ทำอะไรเลย ในบางครั้งมันก็เป็นเรื่องดี ที่พวกเราได้มาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ด้านหลังภูเขาเช่นนี้ นอกจากนี้การคุยโทรศัพท์ มันก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน”
“ใช่แล้ว เทพหลัวไม่ต้องไปสนใจสิ่งที่เจ้าหมูโง่นี่พูดออกมาหรอก พวกแบบนี้มักจะชอบสร้างปัญหาเหมือนกับพวกที่แอนตี้คนดังที่อยู่ตามร้านอินเทอร์เน็ต นั่นแหละ”
“ไม่ว่า เทพหลัว จะมาช้าแค่ไหนพวกเราทุกคนก็เต็มใจที่จะรอเสมอ ฮิฮิ…”
เสียงของผู้หญิงจากสาขาภาษาอังกฤษพูดขึ้น เห็นได้ชัดว่าพวกเธอไม่สนใจที่ เสี่ยวหลัว มาสาย
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้หญิงคนอื่นๆ อันหวน ผู้ที่รู้ว่าเสี่ยวหลัวใกล้จะจากไป เธอค่อนข้างเงียบและไม่ได้ทำตัวกระตือรือร้นเหมือนอย่างปกติ
สำหรับชูเยว่ ที่เพิ่งกลับมาเรียนเมื่อไม่นานมานี้ ทัศนคติของเธอที่มีต่อเสี่ยวหลัวนั้นก็เปลี่ยนไปแล้วอย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่ที่เธอและเสี่ยวหลัวประสบกับเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ตอนนี้เมื่อเธอเห็นเขา หัวใจที่ตื่นตระหนกของเธอก็รู้สึกสงบลง เสี่ยวหลัว นั้นให้ความรู้สึกที่ปลอดภัยอย่างไม่มีที่สิ้นสุดให้แก่เธอ
“จอมโอ้อวด ทำไมตอนนี้เขาถึงดูหล่ออะไรเเบบนี้!” ชูเยว่ พูดพึมพำกับตัวเอง ขณะที่เธอหยิบอมยิ้มออกมาจากปากของเธอ
เธอแต่งตัวในชุดผ้าโปร่งสีขาวมีจีบ ผมสั้นสีดำของเธอยาวปรกอยู่ที่บ่าของเธอ ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนและสวยงามของเธอนั้นขาวราวกับหยกชั้นดี ดวงตาของเธอเปร่งประกายราวกับดอกไม้และจมูกของเธอก็โด่งคมเป็นสัน ปากของเธอไม่ได้ทาลิปสติก แต่ริมฝีปากของเธอก็ยังคงเป็นสีแดงอมชมพู พูดโดยคร่าวๆแล้ว เธอมีเสน่ห์และสวยมาก
“ห่ะ?”
เมื่อไป่หลิงผู้ซึ่งยืนอยู่ติดกับชูเยว่ ได้ยินสิ่งที่เธอพึมพำ ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็แสดงออกถึงสีหน้าที่ประหลาดใจเป็นอย่างมาก เธอได้ยินจากปากของชูเยว่ว่า เสี่ยวหลัวหล่อเหลา มันช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากเหลือเกิน “ราชินีชู เธอเพิ่งพูดว่าเสี่ยวหลัวหล่อมากงั้นเหรอ?”
“ตอนไหนที่ฉันบอกว่าเขาหล่อ? เธอหูแว่วไปเองหรือเปล่า”
ชูเยว่มีมโนธรรมเธอจึงไม่กล้าสบตากับไป่หลิง เพื่อซ่อนความผิดปกตินี้ เธอจึงยัดอมยิ้มกลับเข้าไปในปากของเธอในทันที
หูแว่ว? มันก็อาจจะเป็นไปได้?
ไป่หลิงเริ่มสงสัยหูของตัวเอง ท้ายที่สุดการได้ยินบางสิ่งเช่น ‘เสี่ยวหลัวนั้นหล่อมาก’ ออกมาจากปากของชูเยว่ มันไม่ใช่เรื่องที่ปกติเลย
“เงียบได้แล้ว ทุกคนมาฟังสิ่งที่ เสี่ยวหลัว จะพูดกันเถอะ!” ฮวาง รั่วหราน ออกคำสั่งอย่างกะทันหันมันทำให้เหล่าสาวๆ หยุดสิ่งที่พวกเธอกำลังทำในทันที
เสี่ยวหลัวก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วพูดว่า“จริงๆแล้ว ฉันก็ไม่มีอะไรที่จะสอนพวกเธอมากนัก ทุกคนเพียงแค่แสดงไปตามปกติในวันพรุ่งนี้ มันก็เพียงพอแล้ว”
“เทพหลัว, ชิวเหลียง จากสาขาการวัดและควบคุม จะต้องได้วิ่งแก้ผ้าแน่ๆ! ถ้าพวกเราร้องเพลงได้ดีกว่าสาขาของพวกเขา” ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวอย่างมั่นใจ
“ความเชื่อมั่นเป็นสิ่งที่ดี เก็บมันเอาไว้เป็นแรงผลักดัน!” เสี่ยวหลัวกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
หลังจากนั้นพวกเธอก็ฝึกฝนร้องเพลงกันไปตามปกติ พวกเธอร้องเพลง ‘แม่น้ำเหลือง’ ห้าถึงหกรอบ เมื่อพวกเธอทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทุกครั้ง เสี่ยวหลัว จึงเลิกการฝึกซ้อม สิ่งที่พวกเธอทำได้ในวันนี้นั้นเพียงพอแล้ว มันไม่จำเป็นที่จะต้องฝึกฝนอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่พวกเธอต้องทำในตอนนี้ก็คือรอให้การแข่งขันในวันพรุ่งนี้เริ่มขึ้น
“จอมโอ้อวด” ขณะที่เสี่ยวหลัวกำลังจะเดินจากไป ชูเยว่เธอจึงตะโตนเรียกใหเขาหยุดในทันที
“มีเรื่องอะไร?” เสี่ยวหลัวหยุดเดินและหันไปมองเธอ
“นี่สำหรับนาย!”
ชูเยว่ยัดกล่องอมยิ้มเข้ามาในอ้อมแขนของเสี่ยวหลัว เธอเหมือนกับกระต่ายที่กำลังตื่นตระหนกเธอดึงตัวไป่หลิง และรีบวิ่งออกไปอย่างเขินอาย เมื่อเธอหันกลับมามองยังในทิศทางของเสี่ยวหลัว จะสังเกตเห็นได้เลยว่ามีความตึงเครียดและความวิตกกังวลบางอย่างปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ
“ว้าว! นี่คืออะไร?
จูเสี่ยวเฟยตกตะลึงเขาเดินไปดูอมยิ้มที่อยู่ในมือของเสี่ยวหลัว “Vampire Love Sweet Lollipop ของจากอเมริกา ราคากล่องละ 999 ดอลลาร์ ราชินีชู เต็มใจที่จะให้สิ่งที่เธอชอบ กับพี่หลัว หากข่าวเกี่ยวกับสิ่งนี้แพร่กระจายออกไป ผู้ชายจำนวนมากของหัวเย่ คงจะอกหักกันหมดแน่ๆ”
เติ้งไคก็ตกตะลึง: “มันมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่าเรากับพี่หลัวจริงๆ ฉันรู้สึกว่าฉันไม่เห็นแม้แต่เงาของ พี่หลัว อีกต่อไปแล้ว”
ในตอนแรกเขาคิดว่า การที่เขาได้เป็นแฟนกับผู้หญิงที่เขาชื่นชมมาเป็นเวลานานนั้นยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม แต่ตอนนี้เสี่ยวหลัวนั้นน่าประทับใจมากยิ่งกว่าเขาเป็นร้อยเท่าซะอีก เขาทำในสิ่งที่ไม่สามารถบรรลุได้ยากมากที่สุดในหัวเย่ และนั่นคือการได้ความรักจากชูเยว่ ชูเยว่ที่ปฏิเสธผู้ชายไปไม่น้อยกว่าห้าสิบคน มันทำให้รัศมีความสำเร็จของ เติ้งไค นั้นถูกบดบังลงไปอย่างสมบูรณ์
เสี่ยวหลัวยืนนิ่งค้าง เขาพูดไม่ออกเพราะการกระทำของชูเยว่ ถ้าเธออยากจะขอบคุณเขา เธอก็ควรที่จะให้เงินกับเขาแทนสิ แต่นี่เธอกลับให้กล่องอมยิ้มกับเขาแทน ผู้ชายที่โตแล้วอย่างเขา เธอคิดว่าเขาจะกินอมยิ้มเหมือนกับพวกเด็กๆหรือไง
ในเวลาเดียวกันไป่หลิง ก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ชูเยว่ จะมอบกล่องอมยิ้มให้กับเสี่ยวหลัวไปแบบนั้น
“คุณหนูชู มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่” ไป่หลิงรู้สึกสงสัยอย่างแท้จริง ว่าชูเยว่เธอกำลังป่วยอยู่หรือเปล่า
“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฉันทั้งนั้นแหละ” ชูเยว่ กล่าวตอบ
“แต่เธอเพิ่งให้อมยิ้มกับเสี่ยวหลัว!”
“ไม่เห็นมันจะมีอะไร? มันก็เป็นเพียงแค่อมยิ้มหนึ่งกล่อง้เท่านั้นเอง มันก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ฉันสามารถซื้อได้อมยิ้มอีกกี่กล่องก็ได้ แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขา ที่สอนให้พวกเราร้องเพลงประสานเสียงได้ดีขนาดนี้ ฉันก็แค่อยากจะให้รางวัลเล็กๆน้อยๆแก่เขา” ชูเยว่ ตอบอย่างประหม่า
รางวัล?
โอ้พระเจ้ามันเกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ไป่หลิง ไม่สามารถเข้าใจได้เลย ว่ามีอะไรที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงของ ชูเยว่ นี่มันกะทันหันและคาดไม่ถึงเกินไปแล้ว
** **
ในวันเสาร์เวลา 7 โมงเช้า การแข่งขันร้องประสานเสียงก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
สถานที่แข่งขันคือหอประชุมใหญ่ของหัวเย่ แสงสปอตไลต์ส่องสว่างอยู่บนเวที นอกเหนือจากที่นั่งเต็มที่ไปด้วยนักศึกษาแล้วนั้น ในแถวแรกมันก็เต็มไปด้วยคณะกรรมการตัดสินและเหล่าอาจารย์ หอประชุมนั้นถูกอัดแน่น อย่างน้อยก็มีนักศึกษากว่า 1,000 คนที่มารวมตัวกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้
หลังจากนั้นไม่นาน มันก็มีเหล่านักศึกษา เดินขึ้นไปบนเวทีเพื่อขับร้องเพลง เสียงร้องเพลงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนไปทั่วหอประชุมอย่างงดงาม
ในเวลาเดียวกันนั้น คณะร้องประสานเสียงของสาขาภาษาอังกฤษก็กำลังวุ่นวายกันอยู่ ทุกคนอยู่ที่นี่ยกเว้นบุคคลสำคัญที่สุดนั้นก็คือ – เสี่ยวหลัว
“จูเสี่ยวเฟย เสี่ยวหลัวอยู่ที่ไหน?” ฮวาง รั่วหราน ถามอย่างกระวนกระวายใจ
จูเสี่ยวเฟย ส่ายหัวแล้วตอบว่า“ฉันไม่รู้ ฉันเพิ่งเห็นพี่หลัวเมื่อไม่นานมานี้เอง ไม่ใช่เขาไปเข้าห้องน้ำหรอกเหรอ ฉันควรไปตามเขาที่ห้องน้ำให้ไหม?”
“ไม่มีเวลาเหลือแล้ว” ฮวาง รั่วหราน กล่าว
จูเสี่ยวเฟย พูดว่า“งั้นเราควรจะทำอย่างไรดี?”
คิ้วของ ฮวาง รั่วหราน ขมวดเข้าด้วยกัน หลังจากคิดไปครู่หนึ่งเธอก็ได้แต่ทำใจ “เราไม่ต้องไปสนใจเขา พวกเราต้องคิดซะว่า เขาไม่ได้อยู่ในคณะประสานเสียงของเรา!”
“แต่เราจะสามารถทำมันได้งั้นเหรอ? ถ้าเราไม่มี จอมโอ้อวด อยู่ด้วย” ชูเยว่ กล่าว
“พวกเราจะต้องทำมันให้ได้” ฮวาง รั่วหราน กล่าวตอบในทันที มันสายเกินไปแล้วสำหรับพวกเธอที่จะไปตาหาเขาหรือทำตัวตื่นตระหนก มิฉะนั้นพวกเธอจะต้องร้องเพลงผิดๆเพี้ยนๆอยู่บนเวทีอย่างแน่นอน จากนั้น ฮวาง รั่วหราน จึงพูดกับทุกคนว่า“มันไม่สำคัญว่า เสี่ยวหลัว จะอยู่ที่นี่หรือไม่ พวกเราจะต้องร้องเพลงให้ได้ดี เหมือนกับตอนที่พวกเราฝึกซ้อมกันมา”
พวกผู้หญิงพยักหน้า การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับเกียรติในสาขาเท่านั้น แต่มันยังเกี่ยวข้องกับการเดิมพันระหว่าง เสี่ยวลั่ว กับ ชิวเหลียง อีกด้วย พวกเธอจะต้องร้องเพลงออกมาดีให้ได้
“สาขาภาษาอังกฤษ! สาขาภาษาอังกฤษอยู่ไหน ถึงเวลาแล้ว” ทันใดนั้นอาจารย์คนหนึ่งก็เดินเข้ามาจากหลังเวที และตะโกนเรียกเสียงดัง
“พวกเราอยู่ที่นี่คะ” ฮวาง รั่วหราน ยกมือขึ้นสูง
อาจารย์กวักมือพร้อมพูดว่า“ถึงตาของพวกเธอแล้ว ไปเตรียมตัวเถอะ”
“เอาล่ะ.”
ฮวาง รั่วหรานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติ เธอกล่าวว่า“ทุกคนมาทำงานนี้ให้สำเร็จด้วยกันเถอะ ไปกันเถอะ!”