[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 459 : ประกาศศักดา (1)

ลมทะเลรุนแรงจนสามารถทำให้รู้สึกเจ็บได้เมื่อพัดกระทบเข้ากับใบหน้า คลื่นสูงกว่าสองเมตรทำให้เรือของหลิงหยุนแกว่งไปมาจนกระตัวของเขาโยกคลอน แต่ก็ยังสามารถยืนโต้คลื่นได้อย่างมั่นคง

หลิงหยุนยืนอยู่บนหัวเรือนิ่ง ขาของเขาไม่ต่างจากเหล็กที่แข็งแกร่ง ร่างสูงใหญ่ดูช่างน่าเกรงขาม แววตาของหลิงหยุนเวลานี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น!

ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากเกาะเตียวหยูไม่ถึงสิบห้าไมล์ทะเล!

หลิงหยุนกลับเข้าไปในห้องโดยสารอย่างรวดเร็ว และจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสีดำ พร้อมกับสวมผ้าปิดบังใบหน้า จากนั้นก็เร่งความเร็วของเรือพร้อมกับยิ้มเย้ยที่มุมปาก แล้วขับเข้าไปทักทายเรือใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า

เรืองลาดตระเวนของจีนสามลำ กำลังถูกเรือลาดตระเวนของญี่ปุ่นหกลำซึ่งอยู่ห่างจากเกาะเตียวหยูราวสิบบสองไมล์ทะเลขับไล่ และทั้งสองฝ่ายก็กำลังเผชิญหน้ากันอยู่

หลิงหยุนแล่นเรือเข้าไปอย่างรวดเร็ว และตอนนี้เขาก็อยู่ห่างจากการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่ายไม่ถึงร้อยเมตร

เมื่อเรือลาดตระเวนของทั้งสองฝ่ายพบว่า มีเรือลำหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของชาติใหนกำลังแล่นเข้าไปใกล้ ต่างฝ่ายต่างก็ได้แต่ประหลาดใจอย่างมาก

แสงไฟจำนวนมากกำลังฉายมาที่เรือของหลิงหยุน ทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจของสายตาทุกคู่ที่อยู่ท่ามกลางท้องทะเลทันที

เรือลาดตระเวนของจีนขึ้นข้อความบนป้ายไฟอิเล็คทรอนิคว่า

– เรือประมงทุกลำได้โปรดรับทราบว่า เกาะแห่งนี้เป็นของประเทศจีนมาตั้งแต่โบราณ ขอให้หยุดการละเมิดดินแดนของเรา –

นอกจากข้อความเตือน ก็มีเสียงประกาศเตือนดังกระหึ่มเข้ามาในหูของหลิงหยุน

“เรือที่อยู่ด้านหน้าโปรดฟัง! ท่านได้เข้าสู่น่านน้ำของประเทศจีน เพื่อความปลอดภัยของเรือและตัวท่านเอง และเพื่อไม่ให้เกิดกรณีพิพาทใดๆ กรุณาหยุดเรือและหันหัวเรือกลับไปเดี๋ยวนี้! กรุณาหยุดเรือ และหันหัวเรือกลับไปเดี๋ยวนี้..”

แววตาของหลิงหยุนเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เขาไม่เพียงไม่หยุดเรือตามคำสั่ง แต่กลับเร่งความเร็วเพิ่มเป็น 50 นอต และเรือของหลิงหยุนก็แล่นฝ่าทะเลที่มีคลื่นรุนแรงไปด้วยความเร็ว และยังคงมุ่งหน้าไปที่เกาะเตียวหยูที่อยู่ด้านหน้าอย่างไม่ใส่ใจ!

“ทหารญี่ปุ่นยังไม่พูดอะไรเลย.. เจ้าไปหยุดเรือของพวกมันก่อนไม่ดีกว่ารึ? นี่น่ะหรือเป็นวิธีที่พวกเจ้าใช้รักษาอาณาเขตของตัวเอง อีกหมื่นปีก็ไม่มีทางที่จะได้เกาะเตียวหยูกลับคืนแน่!”

หลิงหยุนแสยะยิ้ม.. และระหว่างที่ขับผ่านเรือลาดตระเวนของจีน เขาก็หันหลังกลับไปมองพร้อมกับยกนิ้วกลางให้

หลิงหยุนยังได้ยินเสียงประกาศเตือนดังออกมาจากเครื่องขยายเสียงอีกหลายชุด เขาไม่สนใจแม้แต่จะหันกลับไปมอง สายตาของเขาจับจ้องไปที่เกาะเตียวหยูซึ่งอยู่ด้านเท่านั้น!

“หัวหน้าจาง.. เอาไงดีครับ? เรือลำนั้นดูเหมือนจะไม่สนใจเสียงประกาศเตือนเลย และตอนนี้เขาก็อยู่ห่างจากเกาะเตียวหยูเพียงแค่สิบสองไมล์ทะเลเท่านั้น พวกเราจะทำยังไงดีครับ?”

ภายในห้องบังคับเรือของเรือลาดตระเวน 995 ตำรวจน้ำบนเรือหลายนายต่างก็มองหน้ากันไปมา เพราะไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี?

หัวหน้าจางยกกล้องส่องทางไกลในมือขึ้น และส่องไปทางเรือของหลิงหยุนอยู่ครู่ใหญ่ แล้วจึงพูดขึ้นว่า

“เรือลำนั้นขับมาจากทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ และมีตัวอักษรจีนอยู่บนเรือ คงจะเป็นเรือของคนในชาติเราเอง และดูเหมือนต้องการมุ่งหน้าไปที่เกาะเตียวหยู..”

ตำรวจน้ำอีกนายที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล “ตอนนี้เรือลาดตระเวนของพวกญี่ปุ่นก็เผชิญหน้ากับเราอยู่ที่นี่ด้วย พวกมันต้องจัดการยิงเรือลำนั้นจมแน่ พวกเราจะทำยังไงดี?”

หัวหน้าจางยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องไปทางเรือของหลิงหยุนอีกครั้ง แล้วจึงตอบกลับบไปว่า

“เรือลาดตระเวนของเราก็วิ่งได้ความเร็วสูงสุดแค่ 18 นอต ไม่มีทางที่จะไล่ตามเรือลำนั้นไปได้ทันแน่ ถ้างั้นเราก็ค่อยๆตามไปช้าๆก็แล้วกัน จะได้ค่อยๆสังเกตุการณ์ไปด้วย!”

“เสี่ยวลี่.. นายติดต่อขอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ถามพวกเขาว่าจะให้เราจัดการกับเหตุการณ์นี้ยังไง? และขอให้ตอบกลับมาโดยเร็วที่สุด..!”

“ครับผม!”

เรือลาดตระเวนของจีนทั้งสามลำหันหัวเรือเกือบจะพร้อมๆกัน และแล่นตามเรือของหลิงหยุนไปเพื่อสังเกตการณ์ทันที

ในเวลานั้น เรือของหลิงหยุนก็แล่นห่างจากเรือลาดตระเวนของทหารญี่ปุ่นออกไปเรื่อยๆ และเขาก็ได้ยินเสียงประกาศเตือนทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่นเช่นกัน

หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องฟังภาษาญี่ปุ่นหรืออังกฤษรู้เรื่อง เขาก็สามารถเข้าใจได้ว่าทหารญี่ปุ่นสั่งให้เขาหยุดเรือ และหันหัวเรือกลับออกไปทันที ไม่เช่นนั้นพวกมันจะจัดการกับเขา..

แม้แต่คำสั่งของตำรวจน้ำจีนหลิงหยุนยังไม่ฟัง แล้วมีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องฟังคำสั่งของทหารญี่ปุ่น หลิงหยุนยิ้มอย่างสบายใจ จากนั้นก็ทักทายเรือลาดตระเวนของทหารญี่ปุ่นด้วยการเร่งความเร็วไปจนถึงขีดจำกัดสูงสุดของเรือ!

หลิงหยุนเร่งความเร็วจนเต็มกำลังแรงม้าของเรือ และเรือของเขาก็แล่นผ่านเรือลาดตระเวนของทหารญี่ปุ่นสองลำไปอย่างรวดเร็ว

เรือของหลิงหยุนนั้นสามารถขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูงสุดที่ 60 นอต นั่นหมายความว่าในหนึ่งนาที เรือของเขาจะสามารถแล่นไปได้ไกลถึงหนึ่งไมล์ทะเล และตอนนนี้เขาขับไปด้วยความเร็วสูงสุด ก็หมายความว่าอีกเพียงไม่ถึงสิบนาทีเขาก็จะไปถึงเกาะเตียวหยู

“ไอ้ปัญญาอ่อน!”

หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนของญี่ปุ่นชุดนี้มีชื่อว่า โนซากิ และเขาก็นั่งบังคับบัญชาอยู่บนเรือลาดตระเวน 478 โนซากิได้เห็นทุกอย่างจากกล้องส่องทางไกล และตอนนี้เขาก็กำลังเดือดดาลอย่างหนัก!

“เรือลาดตระเวน 473 และ 474 – รีบไปจัดการหยุดเรือลำนั้นไว้! หยุดมันให้ได้!  ในเมื่อมันลุกล้ำเข้าน่านน้ำทางด้านตะวันออกของเราก่อน เราก็สามารถโจมตีมันได้!”

“เรือลาดตระเวน 471 และ 472 พวกคุณมัวทำอะไรกันอยู่? แค่เรือเล็กๆลำเดียวยังไม่สามารถหยุดมันได้! รีบหันหัวเรือกลับแล้วก็รีบตามมันไป จัดการจมเรือของมันได้เลย!”

ภายใต้อารมณ์ที่เดือดดาลของโนซากิ เขาได้สั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาไปหลายเรื่อง และในเวลานี้เรือลาดตระเวนทั้งหกลำต่างก็พุ่งเข้าใส่เรือของหลิงหยุน และทำการล้อมเรือของเขาไว้!

“เจ้าโง่.. นี่พวกแกคิดจะล้อมข้างั้นรึ?”

หลิงหยุนสบถออกมาทันที แต่ก็ไม่ได้ลดความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้ทั้งด้านขวาและด้านซ้ายของเขา ต่างก็ขนาบด้วยเรืองลาดตระเวนของทหารญี่ปุ่นทั้งหกลำ แต่หลิงหยุนก็ยังคงมุ่งหน้าเข้าไปที่เกาะเตียวหยู

หลิงหยุนหันไปมองรอบๆ และเมื่อเห็นว่าเรือลาดตระเวนทั้งหกลำของทหารญี่ปุ่นได้โอบล้อมเรือของเขาไว้ หลิงหยุนก็นึกสนุก และเร่งเครื่องหนีออกจากวงล้อมด้วยความเร็วไม่ต่างจากพายุเฮอริเคน และยังคงมุ่งหน้าไปในทิศทางเดิม

ตอนนี้เหลือระยะเพียงห้าไมล์ทะเล หลิงหยุนก็จะถึงเกาะเตียวหยูแล้ว และหลิงหยุนก็มองเห็นเกาะได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น!

เมื่อหลิงหยุนหันหลังกลับไปมอง ก็พบว่าเรือลาดตระเวนของทหารญี่ปุ่นทั้งหกลำยังคงไล่ล่าเขาอยู่อย่างไม่ย่อท้อ หลิงหยุนจึงได้แต่พึมพำออกมา

“โง่สิ้นดี.. นี่พวกเจ้าคงยังไม่รู้ตัวว่าจะเอาชีวิตมาทิ้งในทะเลกันสินะ!”

โนซากิที่กำลังเดือดดาลอยู่บนเรือลาดตระเวน 478 ตะโกนใส่เครื่องขยายเสียงอย่างดัง

“เจ้าโง่.. อย่าให้มันเข้าไปที่เกาะได้เชียวนะ! เพราะนั่นเท่ากับเป็นการลบหลู่จักรพรรดิของเรา..”

หลิงหยุนตั้งใจให้เรือลาดตระเวนของทหารญี่ปุ่นสามลำไล่ตามเขาทัน ด้วยการลดความเร็วลงเป็นครั้งคราว และเมื่อเรือลาดตระเวนใกล้เขามา หลิงหยุนก็เร่งเครื่องหนีอีก..

และเพียงแค่ห้านาทีต่อมา เรือของหลิงหยุนก็เข้าใกล้เกาะเตียวหยูมากขึ้นอีก และเหลืออีกเพียงแค่ 500 เมตรเท่านั้น เขาจึงลดความเร็วของเรือลง และปล่อยให้เรือลาดตระเวนของญี่ปุ่นล้อมเรือของเขาไว้

เรือของหลิงหยุนมีอัตราการกินน้ำลึกอยู่ที่ 0.83 เมตร และเมื่อขับมาด้วยความเร็วเต็มกำลังเช่นนั้น ก้นเรือก็แทบจะลอยอยู่บนผิวน้ำแล้ว จึงไม่ต้องคอยเป็นห่วงเรื่องที่จะชนเข้ากับโขดหินใต้น้ำ..

แต่ที่เขาลดความเร็วของเรือลงนั้น.. ก็เพื่อที่จัดการสังหารทหารญี่ปุ่น!

หลิงหยุนลดความเร็วลง และเรือลาดตระเวนญี่ปุ่นทั้งหกลำก็รีบเข้ามาล้อมเรือของเขาไว้ในทันที หลิงหยุนเห็นทหารญี่ปุ่นบนเรือลาดตระเวนเดินออกมาพร้อมโทรโข่งในมือ ทั้งหมดมองมาทางเรือของเขา และประกาศว่า..

“คนเชื้อสายจีน.. คุณล่วงล้ำน่านน้ำของประเทศญี่ปุ่น และตอนนี้คุณถูกล้อมไว้แล้ว กรุณามอบตัวซะ! ฮ่า.. ฮ่า..”

หลิงหยุนคิดไม่ถึงว่าทหารญี่ปุ่นจะพูดภาษาจีนได้..

หลิงหยุนก้าวออกมาจากห้องโดยสารเรือพร้อมด้วยสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง เขาออกมายืนอยู่ที่หัวเรืออย่างสง่างาม แววตาของเขาสงบเยือกเย็น สายตาคมกริบราวกับใบมีด และตอบกลับไปอย่างภาคภูมิใจ

“เกาะเตียวหยู และเกาะโดยรอบ เป็นของแผ่นดินจีนมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ เหตุใดตอนนี้ถึงได้กลายเป็นน่านน้ำของพวกเจ้าไปได้?!”

ในเวลานั้น ทหารที่อยู่ในเรือลาดตระเวนต่างก็เดินออกมาจากห้องโดยสารกันเกือบหมด และเมื่อได้ฟังคำพูดของหลิงหยุน พวกเขาก็ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ฮ่า.. ฮ่า.. ฮ่า.. ฮ่า… ผืนแผ่นดินของพวกแกงั้นเหรอ? แกดูธงชาติที่อยู่บนเกาะเตียวหยูก่อน ยังจะกล้าขึ้นไปบนเกาะอีกเหรอ?!”

“พวกเราไล่เรือลาดตระเวนของจีนออกจากเกาะเตียวหยูอยู่ทุกวัน ยังจะกล้าพูดว่าเกาะนี่เป็นของประเทศจีนอีก?”

“ตอนนี้แกถูกพวกเราล้อมไว้แล้ว! หันไปดูเรือลาดตระเวนของพวกแกสิ! ดูว่าจะกล้าเข้ามาช่วยแกไม๊?”

เสียงหัวเราะ คำเย้ยหยัน คำพูดเสียดสีถากถาง และเสียงหัวเราะ วนเวียนไปมาอยู่อย่างนั้น ในสายตาของพวกญี่ปุ่น หลิงหยุนไม่ต่างจากนักโทษที่พวกมันจับได้!

หลิงหยุนมองลอดช่องว่างระหว่างเรือลาดตระเวนญี่ปุ่นสองลำ แล้วก็เห็นเพียงแค่น้ำทะเล คลื่น และเงาของเรือลาดตระเวนของจีนที่อยู่ไกลๆ!

“เรือลาดตระเวนของจีนทั้งสามลำ ไม่กล้าแม้แต่จะเข้ามาใกล้ ช่างน่าอับอายจริงๆ!” หลิงหยุนได้แต่นึกเย้ยหยันอยู่ในใจ

ถึงแม้จะถูกทอดทิ้ง แต่หลิงหยุนก็ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยลาดตระเวนของจีนอยู่แล้ว เพียงแค่อดคิดไม่ได้ว่า ในเมื่อเขาเลือกที่จะสู้ ก็ควรจะได้รับความช่วยเหลือจากคนชาติเดียวกัน แต่คนพวกนั้นกลับนิ่งเฉย ในใจของหลิงหยุนทั้งโกรธและอายอย่างไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพพูดได้

แต่เมื่อเขามองไปอีกทาง.. หลิงหยุนกลับพบแสงไฟที่อยู่ห่างไกลออกไปราวเจ็ดหรือแปดไมล์ทะเล..

มันคือเรือประมง! หลิงหยุนรู้สึกซาบซึ้งอย่างที่สุด..

เสียงที่ทรงพลังของหลิงหยุนร้องตะโกนออกไปด้วยความดีอกดีใจ.. “ผมอยู่นี่!”

ในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารญี่ปุ่นในเรือลาดตระเวนทั้งหกลำ ก็ได้รับคำสั่งจากโนซากิให้จับกุมหลิงหยุนเพื่อไม่ให้คนอื่นๆทำเป็นเยี่ยงอยากอีก!

ปืนสิบกว่ากระบอกของทหารญี่ปุ่นเล็งมาที่หลิงหยุน เขากระซิบบอกเจ้าขาวปุย

“ขาวปุย.. เจ้าต้องระวังปืนพวกนั้นให้ดี และถ้าข้าเริ่มลงเมื่อไหร่ เจ้ารีบใช้วิชาลวงตาพรางตัวเองไว้ อย่าให้พวกมันมองเห็นเจ้า และระวังอย่าให้ถูกพวกมันยิง..”

หลิงหยุนรู้ดีว่าด้วยวิชาลวงตาของเจ้าขาวปุย มันจะสามารถปกปิดตนเองจากทหารญี่ปุ่นพวกนั้นได้

เจ้าขาวปุยเข้าใจคำสั่งของหลิงหยุนเป็นอย่างดี มันพยักหน้าเป็นการตอบรับ..

ทหารญี่ปุ่นหกคนกระโดดลงมาในเรือของหลิงหยุน และพุ่งเข้าไปเพื่อจับกุมตัวเขา แต่หลิงหยุนยังคงยืนนิ่งอยู่บนหัวเรือโดยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย มีเพียงขาขวาที่ยกขึ้นและเหวี่ยงไปในมุมหกสิบองศากลางอากาศ!

เท้าของหลิงหยุนกระแทกเข้ากับหน้าอกของทหารญี่ปุ่นทั้งหกคน!

ปัง.. ปัง.. ปัง..!

โอ๊ย.. โอ๊ย.. อ๊าก..

เสียงกรีดร้องดังขึ้นทีละคนทีละคน และทหารญี่ปุ่นทั้งหกคนก็ถูกหลิงหยุนฆ่าตายในพริบตาเดียว สิ้นเสียงกรีดร้องของแต่ละคน.. พวกมันก็ตกลงไปในทะเลทีละคน!

จากนั้นหลิงหยุนก็ยืนหัวเราะนิ่งอยู่บนเรือ และรอดูปฏิกิริยาจากหน่วยลาดตระเวนลำอื่นต่อไป!