เดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่ย้ายบ้านไปอาศัยอยู่บนตึกกันเยอะ ความผูกพันที่แสนบริสุทธิ์ไร้เดียงสาแบบนี้จึงหาได้ยากแล้ว ชายชราเหล่านี้จะต้องรู้สึกเป็นห่วงอวี๋หมิงหลางจากใจจริงแน่นอน ไม่อย่างนั้นมีเหรอจะข้ามหน้าข้ามตาพ่ออวี๋มาสั่งสอนอวี๋หมิงหลางถึงที่?
ถึงจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่เสี่ยวเชี่ยนก็รู้สึกว่าความรู้สึกแบบนี้ควรค่าแก่การถนอมไว้
“ก็จริง ต่อไปถ้าพวกเรามีลูก เรื่องความคิดความอ่านไม่มีผิดเพี้ยนแน่นอน เด็กที่โตมาในครอบครัวทหารย่อมถูกสั่งสอนให้รักชาติตั้งแต่เด็ก”
เรื่องแบบนี้อวี๋หมิงหลางยังจำได้ดี ตอนเด็กๆไม่ว่าเขาเดินไปที่ไหนในหมู่บ้าน ถ้าเจอผู้ใหญ่ก็จะถูกลากไปนั่งฟังเรื่องเล่าต่างๆอยู่นานสองนาน เริ่มตั้งแต่สมัยทำสงครามไปจนถึงอบรมเรื่องต้องรักชาติบ้านเมือง ไม่อยากฟังก็ไม่ได้ พอเข้าเรียนแล้วกลับกลายเป็นข้อได้เปรียบเวลาเรียนประวัติศาสตร์
“อันที่จริงบางครั้งฉันกลับรู้สึกว่า ถ้าระหว่างมนุษย์ด้วยกันรักษาระยะห่างแบบเพื่อนบ้านได้ก็คงดี”
เสี่ยวเชี่ยนพูด เสี่ยวเฉียงฟังแล้วก็รู้สึกว่าคำพูดนี้แฝงความนัย หรือวันนี้ตอนเย็นที่เมียเขาอยู่ๆก็ดูหงอยๆเกี่ยวข้องกับคนในบ้าน?
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ”
“วันนี้ฉันเห็นท่าทางระหว่างฉิวฉิวกับพ่อก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงตัวเองกับน้องชาย”
“นี่มัน…ดูไม่เกี่ยวกันเลยนะ?” เรื่องเล็กๆแค่นี้ควรค่าให้เมียเขาเก็บมาคิดมากเลยเหรอ?
“มันก็มีส่วนที่เหมือนกัน นายว่าพ่อฉิวฉิวทำตัวน่ารังเกียจใช่ไหมล่ะ? อันที่จริงเขาก็น่าสงสารนะ เขาตั้งใจอยากวางแผนอนาคตให้ลูก แต่กลับไม่รู้ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉิวฉิวต้องการ ในฐานะที่พวกเราเป็นเพื่อนของฉิวฉิว จากมุมมองของพวกเรา คนที่มาเจ้ากี้เจ้าการอนาคตของคนอื่นเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจมาก”
แบบนี้มันไม่สะท้อนให้เห็นถึงความเผด็จการหรอกเหรอ?
พวกผู้ใหญ่เคยชินกับการวางแผนเรื่องต่างๆให้ลูก ตั้งแต่เรื่องเรียนไปจนถึงชีวิตครอบครัว หรือแม้แต่เรื่องการเลี้ยงลูก ชินแล้วกับแบบแผนของผู้ใหญ่
อวี๋หมิงหลางพยักหน้าเป็นสัญญาณให้เธอพูดต่อ
“ฉันก็มานั่งคิดทบทวน ฉันวางแผนอนาคตให้ต้าหลงขนาดนี้ ตกลงว่ามันผิดหรือถูกกันแน่ เขายังเด็ก ใสซื่อไม่ทันคน คิดอะไรง่ายๆ แล้วฉันไปเกลี้ยกล่อมกึ่งๆหลอกให้เขาทำตามอนาคตที่ฉันปูทางไว้ มันถูกแล้วจริงๆเหรอ?”
ใช้คนเป็นกระจกสะท้อนเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งที่จิตแพทย์ฝีมือดีไม่อาจข้ามผ่านไปได้ มักจะเห็นปัญหาตัวเองผ่านปัญหาของคนอื่นเสมอ
ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง! ในที่สุดเสี่ยวเฉียงก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเมียเขาเมื่อกลางวันยังดีๆอยู่ แต่พอเจอพ่อฉิวฉิวก็มีอาการหงอยๆ ตามหาสาเหตุอยู่ตั้งนานที่แท้ก็เรื่องน้องชาย
“มีคำพูดหนึ่งที่ว่า หลานๆต่างมีวาสนาเป็นของตัวเอง ย่อมได้พบความสุขของตัวเอง แต่วาสนาอย่างต้าหลง ถ้าปล่อยให้ทำอะไรตามอำเภอใจ จะมีวันได้พบความสุขเหรอ?”
เสี่ยวเชี่ยนก็ไม่ได้อยากจะดูถูกน้องชายของตัวเอง
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อชาติก่อนมันยังวนเวียนอยู่ในสมองเธอ เด็กคนนั้นหัวอ่อนจะถูกใครพาเสียคนได้ทุกเมื่อ แต่แก่นแท้นั้นไม่ใช่คนนิสัยเลว
“คุณอย่าคิดให้มันซับซ้อนเกินไป เรื่องบ้านคุณมันคนละอย่างกับบ้านฉิวฉิว” เสี่ยวเฉียงเข้าข้างเสี่ยวเชี่ยน เขาไม่คิดว่าเมียตัวเองทำผิดตรงไหน
“ถ้ามองจากบางมุม พ่อฉิวฉิวทำไปก็เพราะห่วงฉิวฉิว ถึงวิธีของเขาอาจดูโง่ในสายตาของพวกเรา แต่จุดประสงค์หลักก็เพื่อฉิวฉิว ฉันเองก็ยอมรับว่าทำไปเพื่อน้องชาย แล้วมันจะไม่เหมือนกันได้ไง?”
เส้นทางคดเคี้ยวเบื้องหน้านี้เสี่ยวเชี่ยนผ่านไปไม่ได้
หากปล่อยไปอย่างอิสระ เธอไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องต้าหลง แต่ก็ไม่อาจทนดูน้องชายเป็นเหมือนเมื่อชาติก่อน ด้านหนึ่งก็เรื่องความผูกพันทางสายเลือด ส่วนอีกเรื่องก็เป็นเรื่องหลักการ เมื่อยืนอยู่ระหว่างทางแยกที่ขัดแย้งกันเองนี้ ในใจก็เกิดความรู้สึกต่างๆนานา
“ไม่เหมือนกัน คุณกับพ่อฉิวฉิวต่างกันตรงแก่นแท้ ข้อแรก วิธีของเขาสุดท้ายแล้วแลกมาได้แค่ผลลัพธ์ที่ผิดพลาด แต่คุณจะต้องสั่งสอนน้องชายให้ออกมาเก่งได้แน่นอน ข้อสอง ฉิวฉิวไม่เคยร้องขอให้พ่อมาช่วยตัดสินอนาคตของเขา แต่ต้าหลงพึ่งพาคุณมาตลอด เขาเป็นคนมาขอร้องให้คุณช่วย เขาไว้ใจคุณถึงได้มาปรึกษาคุณทุกเรื่อง เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของการร้องขอเองกับการไม่ได้ร้องขอ ข้อสาม ในจิตใต้สำนึกของต้าหลงยอมรับความเจ้ากี้เจ้าการของคุณ ส่วนจิตใต้สำนึกของฉิวฉิวต่อต้านพ่อตัวเอง ดังนั้นสองเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องนำมาเปรียบเทียบกัน”
เด็กเนิร์ดเก่งเรื่องจับประเด็นสำคัญ พอได้ฟังเขาพูดแบบนี้เสี่ยวเชี่ยนก็เหมือนจะสบายใจขึ้นเยอะ
อันที่จริงก็เข้าใจเหตุผลทุกอย่าง เพียงแต่ถ้าได้ใครมาช่วยพูดยืนยันความคิด มันก็ให้รู้สึกไปอีกแบบ ยิ่งเสี่ยวเชี่ยนยืนอยู่สูง คนที่จะช่วยพูดให้เธอสบายใจได้ก็มีแค่ไม่กี่คน ทุกคนต่างคาดหวังกับเธอ พึ่งพาเธอ หรือถึงขนาดที่ว่ามองเธอเป็นเทพ แต่ข้างกายเธอกลับมีแค่เขาที่พอจะเป็นเพื่อนคู่คิดในยามที่เธอหลงทางได้ คำพูดของเขาเป็นเหมือนเครื่องเยียวยาจิตใจ
“สิ่งที่ฉันกังวลที่สุดก็คือ พวกเราพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ยังสั่งสอนเขาให้ดีไม่ได้ ถ้าเขาออกนอกลู่นอกทาง—”
ภาพเมื่อชาติก่อนไม่อาจลบล้างไปจากสมองของเสี่ยวเชี่ยนได้ เธอเห็นกับตาว่าน้องชายเธอกลายเป็นคนเสเพล เธอมักรู้สึกกลัวว่าจะสั่งสอนเขาให้เป็นคนดีไม่ได้
“ถ้าเขาออกนอกลู่นอกทางคุณอัดผมได้เลย”
“ฉันจะอัดนายทำไม?” เธอมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ ในสายตาของเขาเธอดูเป็นคนชอบใช้กำลังขนาดนั้นเลย?
“เรื่องนี้ผมก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย เมียผมเป็นนักวางแผน ส่วนผมเป็นนักลงมือปฏิบัติ แผนส่งตัวต้าหลงไปของคุณ แผนนี้เป็นแผนที่กล้าหาญ ถูกต้อง ไม่มีปัญหาแน่นอน ถ้าสั่งสอนไม่ดีนั่นก็แสดงว่าเป็นปัญหาของนักปฏิบัติอย่างผมแล้ว เมียผมถูกเสมอ”
“เจ้าเล่ห์นักนะ” ทางคดเคี้ยวที่เสี่ยวเชี่ยนผ่านไปไม่ได้อยู่นานสองนาน แต่เขากลับทำให้เธอผ่านไปได้สบายๆ
คนอื่นเขามีแต่พอเจออุปสรรคก็ล่าถอย แต่ตาทึ่มนี่กลับพุ่งชน ซึ่งกลายเป็นเข้าตาประธานเชี่ยน ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง
“พูดตามตรงเลยนะ อีกเดี๋ยวต้าหลงก็ต้องเข้าไปอยู่ในค่ายทหารแล้ว มันจะเปลี่ยนเขาให้ดีได้จริงๆเหรอ?”
เสี่ยวเชี่ยนก็ยังไม่วางใจอยู่ดี เธอมักจะรู้สึกว่าน้องชายตัวเองเกินเยียวยาแล้ว
หลังจากที่เธอกลับมาเกิดใหม่ก็ให้ความสำคัญเรื่องการสั่งสอนน้องชายมาก เรื่องเรียนได้ฟู่กุ้ยมาช่วยอีกแรง เธอกับฟู่กุ้ยช่วยกันเคี่ยวเข็ญจนต้าหลงสอบติดมหาวิทยาลัยอันดับล่างๆได้ แต่เรื่องการใช้ชีวิตกลับคิดแต่จะหาทางลัด บอสสาวที่แสนเก่งกาจอย่างเธอจะบอกว่าไม่กลุ้มใจเลยก็เป็นไปไม่ได้
อย่าว่าแต่เป็นน้องชายเลย หากเป็นลูกของเธอเอง การเจ้ากี้เจ้าการชีวิตคนอื่นแบบนี้ก็เป็นเรื่องไม่ดี บางทีอาจไม่ช่วยอะไร อาจกลายเป็นแบบพ่อฉิวฉิวที่มองหน้ากันไม่ติด ยิ่งทำให้ไม่ลงรอยกันไปใหญ่
“ค่ายทหารเป็นที่ที่ให้สภาพแวดล้อม ข้าวชนิดเดียวกันเลี้ยงคนออกมาได้ร้อยแบบ ต่อให้สภาพแวดล้อมดีแค่ไหนก็ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบหรอก แต่ถ้ามองต้าหลงในภาพรวม แก่นแท้ของเขาก็ไม่ใช่เด็กที่เลวร้ายเกินเยียวยา ชี้ทางให้เขาเดินเขาก็จะรู้จักต่อสู้ด้วยตัวเอง อันที่จริงคุณเลิกมองโดยใช้ความคิดส่วนตัวบ้างก็ดีนะ”
เสี่ยวเฉียงสังเกตเห็นว่าท่าทีที่เสี่ยวเชี่ยนมีต่อน้องชายนั้นน่าสนใจมาก พูดให้ถูกก็คือทั้งรักทั้งเกลียด อยากให้น้องได้ดี เสี่ยวเชี่ยนเวลาวิเคราะห์คนอื่นมักจะมองในภาพรวม แต่กับน้องชายตัวเองกลับมองในแง่ร้ายสุดๆ
เสี่ยวเฉียงช่างไม่รู้เลยว่า ความคิดที่เสี่ยวเชี่ยนมีต่อน้องชายนั้นมาจากภาพติดตาเมื่อชาติก่อน เธอไม่มีทางลืมเรื่องน้องชายตัวซวยที่หาเรื่องมาให้เธอปวดหัวได้ไม่หยุดหย่อน เป็นตัวถ่วงเธออย่างไรบ้าง
แต่เธอก็ลืมเรื่องที่หลังจากกลับมาเกิดใหม่แล้วน้องชายปกป้องเธอกับแม่อย่างไรไม่ได้เหมือนกัน สองเรื่องนี้พอเอามารวมกันก็ทำให้เธอสับสน
“ไม่เป็นไร มีผมอยู่ทั้งคน ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น” เขาก้มลงจะจูบเธอ แต่เสี่ยวเชี่ยนหลบ
“ตอนนี้เป็นเพื่อนไม่ใช่เหรอ? รักษาระยะห่างหน่อย!”
โวะ ยังจะเล่นต่อ?