ตอนที่ 39 สัญญาระหว่างสองเรา

กระบี่สะบั้นเก้าสวรรค์

ตอนที่ 39 สัญญาระหว่างสองเรา

 

ทำอย่างไรดี*?*

 

จี้เทียนซิงมองไปยังก้อนหินก้อนใหญ่ที่ห่างออกไปเพียง 4 ฟุต ดวงตาจับจ้องมองไปยังแสงดาราสลัวๆที่ปรากฏบนรอยแยกของหิน  เขาพยายามคิดว่าวิธีอย่างรวดเร็ว

 

ในเวลานี้เองเสี่ยวปิงหูก็กระโดดออกจากย่ามและไต่ลงมาที่เท้าของจี้เทียนซิง

 

มันสังเกตเห็นระยะห่างระหว่างก้อนหินทั้งสอง ดวงตาสีเงินของมันเปล่งประกายอย่างเจ้าเล่ห์  จากนั้นก็กระโดดไป

 

“พรึ่บ !”

ในขณะที่มันดูเหมือนจะตกลงกลางอากาศ มันก็สยายปีกสีครามคู่นั้นออกมาจากใต้ท้องทันที

 

ร่างของมันเหินเป็นส่วนโค้งสีน้ำเงินกลางอากาศและบินไปที่ก้อนหินซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป

 

เมื่อได้เห็นฉากนี้ จี้เทียนซิงก็ตกตะลึงและเผยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจออกมาทันที

 

“จริงด้วย ! ทำไมข้านึกไม่ถึงเสี่ยวปิงหูนะ มันมีปีกบินได้นี่นา !”

ชายหนุ่มยิ้มให้เสี่ยวปิงหูและกล่าวเตือนอย่างรวดเร็วว่า “เสี่ยวปิงหู ระวังด้วย !”

 

เสี่ยวปิงหูที่กำลังบินอยู่ในอากาศหันศีรษะมาและเผยรอยยิ้มให้

 

ในวินาทีต่อมามันก็ได้ขึ้นไปบนก้อนหินที่ดอกไม้ดาราแดงกำลังเบ่งบาน มันเหลือบไปที่รอยแตกของหินแล้วเหยียดกรงเล็บเล็กๆออกมาเพื่อจิกเกาะที่รอยแตกนั้น

 

มันห้อยต่องแต่งอยู่บนก้อนหินด้วยหางใหญ่ทั้งสิบสองซึ่งดูน่าขบขันมาก

 

อย่างไรก็ตาม จี้เทียนซิงไม่สนใจสิ่งนี้ ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่รอยแตกนั้นและหายใจไม่ทั่วท้อง

 

ในเวลาต่อมา เสี่ยวปิงหูก็คลานขึ้นมาบนก้อนหินด้วยรอยยิ้มและแบอุ้งมือของมันออกมา เผยให้เห็นดอกไม้สีเงินดอกหนึ่ง ดอกไม้นี้มีขนาดครึ่งฝ่ามือมีกลีบดอกสีเงินหกกลีบและสะท้อนแสงดั่งดวงดาวในยามราตรี

 

 

นี่คือดอกไม้ดาราแดง !

 

ใบหน้าของจี้เทียนซิงเผยรอยยิ้มกว้างที่หาได้ยากเย็นขึ้น เขาตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นยินดีว่า “เยี่ยมมาก ! ในที่สุดข้าก็ได้มันมาในที่สุด !”

 

“เสี่ยวปิงหู ขอบใจเจ้ามากแล้ว….”

 

อย่างไรก็ดี  เสี่ยวปิงหูที่ถือดอกไม้ดาราแดงไว้ในมือกลับไม่ยอมไปหาชายหนุ่ม มันนั่งอยู่บนก้อนหินก้อนนั้นตามเดิม

 

มันมองจี้เทียนซิงด้วยมุมปากที่ยกยิ้มและดวงตาสีเงินคู่นั้นทอประกายเจ้าเล่ห์ออกมา

 

“สหาย เจ้าคิดว่าข้าจะมอบมันให้เจ้าง่ายๆเช่นนั้นเชียว ? ตลกแล้ว ข้ามิใช่สัตว์เลี้ยงของเจ้าเสียหน่อย !”

 

ทันใดนั้นเองใบหน้าของจี้เทียนซิงก็เย็นลง ดวงตาของเขาเปล่งประกายและจ้องมองอีกฝ่ายพลางตะโกนอย่างเย็นชาว่า “เสี่ยวปิงหู เจ้าหมายความว่าอย่างไร ?!”

“เจ้าจะเอาดอกไม้ดาราแดงไปเพื่ออะไร ? สรรพคุณของมันช่วยรักษาตันเถียนและเส้นชีพจรลมปราณ มันมีผลต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์เท่านั้น ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อเจ้าแม้แต่น้อย !”

 

เสี่ยวปิงหูแสยะยิ้มและพยักหน้า “ก็ถูก  ข้ารู้อยู่แล้ว”

 

“แม้ข้าจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากดอกไม้ชนิดนี้ แต่ข้าก็ไม่ให้เจ้าง่ายๆหรอก !  เว้นเสียแต่……  เจ้าจะสัญญากับข้า 3 ข้อก่อน”

 

จี้เทียนซิงหน้าดำทะมึนและเหยียดนิ้วชี้ไปที่อีกฝ่ายพลางกล่าวว่า “ระยำเอ้ย เจ้ามันจิ้งจอกที่เลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ หมาป่าชัดๆ !”

“ข้าเพิ่งช่วยชีวิตเจ้า ข้าพาเจ้าติดตามมาด้วย ข้าให้อาหารเจ้ากิน แต่ตอนนี้เจ้ากลับมาสร้างเงื่อนไขกับข้างั้นหรือ ?”

 

เสี่ยวปิงหูยิ้มอย่างภาคภูมิใจยิ่งขึ้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆว่า “ไอ้หยา… เหล่าจี้ มิเห็นจะต้องโมโหขนาดนี้เลย สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนต้องหาทางเอาชีวิตรอด”

“หลังจากทั้งหมดแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่ไว้ใจข้า ข้ากลัวว่าสักวันหนึ่งเจ้าจะทอดทิ้งข้าหรือไม่ก็สังหารข้า”

 

“เจ้ามั่นใจได้เลย เงื่อนไขของข้าง่ายนั้นแสนง่าย ข้ามั่นใจว่าเจ้าต้องยินดียอมรับ”

 

จี้เทียนซิงตกใจเล็กน้อยและยอมรับว่าเสี่ยวปิงหูฉลาดหลักแหลมมาก มันเดาออกว่าเขายังไม่ไว้ใจมัน เพียงแค่ต้องการใช้ประโยชน์จากมันเท่านั้นถึงพามาด้วย สักวันหนึ่งเขาก็ต้องทิ้งมันหรือไม่ก็ฆ่า

 

ดังนั้นเขาจึงอดทนต่อความโกรธและกล่าวด้วยใบหน้ามืดครึ้มว่า “งั้นเจ้าก็ว่าเงื่อนไขทั้งหมดให้ข้าลองฟังดูก่อน แล้วข้าจะคิดอีกที”

 

“ต้องแบบนี้สิเหล่าจี้ ค่อยน่าดูหน่อย”

เสี่ยวปิงหูพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นเคร่งเครียดและกล่าวออกมาด้วยความจริงจัง

 

“เงื่อนไขแรก ไม่ว่าเวลาไหนหรือสถานการณ์ใด เจ้าจักต้องไม่ทอดทิ้งข้า !”

 

จี้เทียนซิงย่นคิ้วเป็นรอยและใบหน้ามืดมนลง

 

เสี่ยวปิงหูเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไป มันก็เอาเล็บอันแหลมคมกรีดกรายไปมาบนดอกไม้ดาราแดงอย่างนุ่มนวลพลางกล่าวว่า “ไอ้หยา… เจ้าดอกไม้น้อย สงสัยจะไม่มีใครอยากได้เจ้าเสียแล้ว”

 

มันแสร้งทำเป็นประหลาดใจ และเผยรอยยิ้มที่ไม่ปิดบัง

 

หลังจากนั้นมันก็ชูดอกไม้และสะบัดไปมาเหมือนจะทิ้งลงหน้าผาไปพร้อมกับเหลือบมองไปที่จี้เทียนซิง

 

เมื่อชายหนุ่มเห็นว่ามันจะฉีกดอกไม้ทิ้ง หัวใจก็ตกลงไปที่ตาตุ่มและกล่าวด้วยใบหน้ามืดมนว่า

 

“ตกลง  ข้าสัญญา!”

 

เสี่ยวปิงหูพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและกล่าวต่อไปว่า “เงื่อนไขข้อที่สอง ไม่ว่าเมื่อไหร่หรือที่ไหนและในสถานการณ์ใด ตลอดจนวันหนึ่งวันใดที่เจ้าเติบโตจนทะยานไปทั่วชั้นฟ้า หรือครอบครองทั่วหล้าได้แล้วก็ตาม เจ้าจะไม่ฆ่าข้า !”

 

จี้เทียนซิงจ้องหน้ามันด้วยความหงุดหงิดและตะโกนเสียงต่ำว่า “ข้าสัญญาต่อเจ้า !”

 

“เยี่ยม !” เสี่ยวปิงหูพยักหน้าด้วยความพึงพอใจอีกครั้ง มันยิ้มแล้วพูดว่า “เงื่อนไขที่สาม เจ้าต้องปกป้องคุ้มครองข้าอย่างสุดชีวิต สุดขั้วหัวใจด้วย เจ้าต้องไม่ทำให้ข้าเจ็บปวด !”

 

“บัดซบเอ้ย  เสี่ยวปิงหู อย่าให้มันมากเกินไปนัก เจ้าจะให้ข้าคุ้มครองเจ้าตลอดเวลาหรือไง  !?”  จี้เทียนซิงขมกรามแน่น นัยน์ตาของเขาเผยให้เห็นถึงการเจตนาฆ่าอันเยือกเย็น

 

 

“ชะ อุ้ย ! ดอกไม้หลุดมือ … “

เสี่ยวปิงหูแสร้งทำเป็นตกใจและปล่อยมือหลวมๆให้ดอกไม้ดาราแดงค่อยๆร่วงหล่นลง

 

เมื่อจี้เทียนซิงเห็นว่ามันกำลังจะทิ้งดอกไม้ลงไป เขาก็รู้สึกปวดใจ จากนั้นด้วยสีหน้าที่ลังเลเล็กน้อย เขาตะโกนอย่างเย็นชาว่า “อย่า ! ข้าสัญญากับเจ้า!”

 

เสี่ยวปิงหูยิ้มให้ชายหนุ่มและเชิดหน้าขึ้น แต่มันก็ยังไม่เชื่อเสียทีเดียว

“เหล่าจี้ คำพูดลอยๆมันไม่มีราคา เจ้าต้องสาบานต่อฟ้าดินเสียก่อนข้าจึงจะเชื่อ”

 

“ข้า…..…” ปอดของจี้เทียนซิงพองจนแทบจะระเบิด เขาจ้องไปที่ใบหน้าของเสี่ยวปิงหูอย่างเยือกเย็น

 

หากการจ้องมองสามารถฆ่าคนได้ เสี่ยวปิงหูคงตายไปนับร้อยครั้งแล้ว….

 

“สาบานต่อฟ้าสิ !” เสี่ยวปิงหูยิ้มและพูดต่อไปว่า “ไม่อย่างนั้นข้าจะทิ้งมันลงผาแล้วนา……”

 

จี้เทียนซิงสูดลมหายใจลึกๆและกัดฟันแน่น จากนั้นก็กล่าวว่า “ข้า จี้เทียนซิงขอสาบานต่อฟ้าดิน ข้าจะรักษาสัญญาทั้งสามข้อที่ให้ไว้กับเสี่ยวปิงหูและไม่มีวันบิดพริ้ว“

 

เสี่ยวปิงหูนั่งบนก้อนหินและยิ้มให้อีกฝ่าย หลังจากฟังจบมันก็พูดว่า “แค่เนี้ย ? ทำไมฟังดูไม่จริงใจเลยล่ะเหล่าจี้”

“จากที่ข้ารู้มา เจ้ายังพูดไม่จบประโยคช่วงหลังเลย ที่ว่าอะไรนะขอให้อัสนีผ่าธรณีสูบ”

จี้เทียนซิงแทบจะอาเจียนเป็นเลือด ใบหน้าหล่อเหลาของเขากลายเป็นดำทะมึน “จิ้งจอกบัดซบเอ้ย จะเอากันถึงตายเลยใช่ไหม !?”

 

เสี่ยวปิงหูรู้สึกว่าเล่นพอแล้ว มันไม่ราวีชายหนุ่มต่อไป มันพยักหน้าอย่างต่อเนื่องและกล่าวว่า “ก็ได้ๆ  เห็นแก่ที่เจ้าดูจะจริงใจขึ้นเล็กน้อย งั้นข้าจะเชื่อเจ้า”

“เหล่าจี้ เจ้าต้องจดจำสัญญาระหว่างสองเราไว้ให้มั่นนะ”

 

หลังจากนั้นมันก็สยายปีกและค่อยๆบินกลับไปหาจี้เทียนและมอบดอกไม้ดาราแดงให้อีกฝ่าย

 

ชายหนุ่มรีบคว้าดอกไม้มาอย่างทะนุถนอมในทันทีและวางมันไว้ในกล่องไม้จันทน์อย่างระมัดระวัง

 

“จิ้งจอกบัดซบ ! เจ้า…”

เขาพยายามเอื้อมมือออกไปเพื่อคว้ามันมาทุบตีสักรอบหนึ่ง แต่ดูเหมือนเสี่ยวปิงหูจะมองออก มันกระโดดหนีแล้วกางปีกบินไปกลางอากาศทันที

 

“เหล่าจี้ อย่าหัวเสียนักเลย  ลองเงยหน้าขึ้นไปข้างบนหน้าผาดูสิ อะไรเอ่ย !”

 

จี้เทียนซิงโมโหเสี่ยวปิงหูจนลืมเลือนทุกสิ่ง เขาไม่ได้สนใจกับสถานการณ์บนหน้าผาเลยสักนิด

 

ในขณะนี้เขาสงบลงและนึกขึ้นได้ เขาหันหัวขึ้นไปและเงยหน้ามองหน้าผาด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนไปทันที

 

ที่ขอบหน้าผาด้านบนนั้นเต็มไปด้วยศีรษะของสัตว์อสูรมากกว่าสิบตัว !

ดวงตาที่เยือกเย็นกระหายเลือดกว่าสิบคู่มองไปที่ชายหนุ่มด้วยจิตสังหารที่เต็มเปี่ยม