เนื้อหาประชุมต่อไปก็เป็นการพูดถึงนางรอง ซึ่งก็คือโคลของเดอะคิงก่อนหน้านี้นานิชมการต่อสู้ลับๆของเทาเท่กับเจเทาวน์มาเสมอ ในที่สุดตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะพูดแล้ว
ดวงตาที่สวยงามของเธอโค้งลงมองไปที่เทาเท่แล้วพูด:“โอ๊ย น่าเสียดายจริงๆ ตอนนี้ซูซีถอนตัวไป ไม่งั้นเธอก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของนางรองอย่างโคล”
นานิพูดพร้อมเสียดสี หลายคนที่รู้สิ่งที่ซูซีทำต่อหลินจือต่างฟังออก
มีคนที่เข้าร่วมประชุมพูดเสริมนานิไปว่า:“ใช่ บุคลิกของคุณซูซีดูสุภาพและใจกว้าง สามารถทำให้เดอะคิงคะนึงถึงได้อยู่แล้ว”
คนๆนั้นชมซูซีอย่างจริงใจ ยังไงทุกคนต่างก็รู้ว่าซูซีจะแต่งเข้าตระกูลฟอเรนาแล้ว
แต่คำชมนี้เข้าหูพวกคนที่รู้เรื่องกลับกระแนะกระแหนอย่างผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทาเท่ คิดว่าคำชมนี้ไม่เข้าหูเลย
สายตาเขามองไปที่หลินจืออย่างลึกซึ้งอีกครั้ง:“ให้คนเขียนบทพูดเถอะ ซูซีเหมาะสมไหม”
หลินจือคิดว่าเทาเท่เป็นบ้าหรือไง นึกไม่ถึงว่าจะให้เธอพูดถึงซูซี
แล้วก็ เขาจงใจใช่ไหม?จงใจอยากใช้เรื่องของซูซีมาทำให้เธออึดอัด
เธอหัวเราะอย่างมีมารยาท:“ฉันไม่รู้จักคุณซูซีเลยค่ะ คุณซูซีจะเป็นภรรยาของประธานเทาเท่ ประธานเทาเท่น่าจะพูดที่สุดนะคะ”
เดิมทีเธอคิดว่าที่เธอพูดแบบนี้ เทาเท่ก็จะตามนั้น
ใครจะไปรู้ว่าเขามองเธอแล้วพูดอย่างสบายว่า:“ไม่จำเป็น ผมไม่เข้าใจอะไรเลย กับภรรยาก่อนหน้านี้ของผม”
ทุกคนต่างรู้ว่าก่อนหน้านี้เทาเท่เคยแต่งงาน ก็แค่ไม่มีคนรู้ว่าคนที่แต่งด้วยครั้งนั้นก็คือหลินจือ
หลินจือคิดไม่ถึงว่าเทาเท่จะพูดเรื่องงานแต่งของพวกเขาในที่สาธารณะ ถึงแม้ไม่มีคนนอกรู้ แต่เธอก็กังวลทันที
และเทาเท่ยังมาพร้อมกับการกระแนะกระแหนเธอด้วย เธอกังวลและยังโกรธด้วย
เพราะความโกรธในใจนั้น เธอจึงมองไปที่สายตาของเทาเท่แล้วหัวเราะเบาๆ:“ถ้ามีหัวใจ การแต่งงานถึงสามปี ทำไมจะไม่รู้จักอะไรเลยสักนิดเลยล่ะคะ”
“ประธานเทาเท่จะต้องมีคนอื่นในใจ ถึงได้ไม่สนใจภรรยาคนนั้นเลย”
หลินจือก็ไม่ยอมน้อยหน้า แอบด่าเทาเท่ว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อการแต่งงาน
เจเทาวน์ทำลายสงครามของทั้งสองได้ประจวบเหมาะ:“เอาล่ะๆ พูดถึงเลือกนักแสดงอยู่ไม่ใช่เหรอ?ทำถึงไปพูดถึงภรรยาของประธานเทาเท่ได้ล่ะ”
เจเทาวน์พูดอีกว่า:“ผมว่าซูซีอย่าเอาเลย ยังไงเธอก็จะแต่งกับประธานเทาเท่ แล้วก็ยังต้องตั้งท้องคลอดลูก ไม่เหมาะที่จะร่วมหนังเรื่องนี้ของเรา”
ตั้งท้องคลอดลูกสี่คำนี้ แทงใจหลินจือเล็กน้อย
เธอลืมไม่ลงเลย ตอนนั้นเทาเท่พูดอย่างดูถูกเธอว่า:คลอดลูกของเขา เธอไม่คู่ควรเลย
ถึงเรื่องนี้จะผ่านไปแล้วหนึ่งปี แต่คำพูดทำร้ายจิตใจคนพวกนั้น ทุกครั้งที่นึกถึงก็ทำให้หมดหวังและเจ็บปวด
เธอเม้มริมฝีปากแล้วก้มลงไม่พูดจา นิ้วมือขาวๆกำปากกาในมือแน่น ใช้วิธีแบบนี้มาบรรเทาอาการเจ็บปวดในใจของตัวเอง
เทาเท่มองความผิดปกติของอารมณ์หลินจือออก ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งที่เขาเคยทำกับเธอ แล้วในใจก็รู้สึกถึงความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ไม่อาจบรรยายได้
จากนั้นประชุมต่อไปอีกครึ่งชั่วโมง เทาเท่ไม่พูดอีก
ประชุมเสร็จเทาเท่พาควีนลุกขึ้นแล้วออกไป เจเทาวน์เดินไปก็เชิญหลินจือกับนานิไปด้วย:“เดี๋ยวกินข้าวด้วยกันไหมครับ?”
หลินจือยังไม่ตอบ นานิก็พูดก่อนว่า:“ฉันไม่ไปนะคะ ยังมีธุระอื่น พวกคุณสองคนไปทานเถอะ”
จากนั้นจึงตบไหล่ของหลินจือแล้วพูด:“วันนี้เธอแต่งตัวสวยแบบนี้ ไม่ไปกินข้าวกับหนุ่มหล่อคงเสียดายแย่”
นานิพูดจบก็ออกไป ชัดเจนว่าอยากเอาเวลามื้อเที่ยงให้เจเทาวน์กับหลินจือส่วนตัว
เจเทาวน์เหลือบมองเทาเท่ที่อยู่ตรงหน้าแล้วพูดกับหลินจือว่า:“งั้นก็ทานอาหารพนักงานธรรมดาๆที่ร้านอาหารใต้ตึกละกัน เรื่องบทผมมีเรื่องจะถามคุณนิดหน่อยพอดี”
เจเทาวน์พูดแบบนี้ หลินจือก็ปฏิเสธไม่ได้ จึงตกลงไป:“ค่ะ”
ตอนเข้าไปในลิฟต์ทั้งสี่เข้าไปด้วยกัน เทาเท่กับควีนเข้าลิฟต์ก่อน ดังนั้นเลยอยู่ในสุด
หลินจือกับเจเทาวน์อยู่ด้านนอกเล็กน้อย ทั้งสี่ไม่พูดจา เงียบจนถึงชั้นหนึ่ง
ในห้องโถงชั้นหนึ่ง เจเทาวน์บอกลาเทาเท่ก่อน:“ประธานเทาเท่ พวกเราไปก่อนนะครับ”
หลังจากเจเทาวน์ หลินจือก็พยักหน้าให้เทาเท่กับควีนอย่างเหินห่าง จากนั้นหันกลับแล้วตามเจเทาวน์ไป
เทาเท่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ที่เดิม เม้มริมฝีปากมองดูรูปร่างที่เพรียวบางนั้น
กล้าขนาดที่ว่าสุดท้ายแล้วเธอไปกินข้าวมื้อเที่ยงกับผู้ชาย?
และยังเป็นการกินข้าวกับผู้ชายที่คิดไม่ซื่อกับเธออีก
ควีนที่อยู่ข้างๆเห็นเขาเอาแต่จ้องทางที่หลินจือออกไปไม่ยอมพูดจา และไม่ขยับ ดังนั้นจึงคิดและแนะนำไป:“ประธานเทาเท่ สายแล้ว ร้านอาหารแถวนี้รสชาติดีมาก พวกเราทานเสร็จค่อยกลับบริษัทดีไหมคะ?”
สายตาเทาเท่ผ่อนคลาย:“โอเค”
ดังนั้นเทาเท่จึงเข้าไปในร้านกับควีนตามทีหลัง
หลินจือกับเจเทาวน์เพิ่งนั่งลงตรงข้าม เงยตามาก็เห็นเทาเท่กับควีนเข้ามาด้วย เธอจึงรีบละสายตาลงมองดูเมนู
นี่มันหลอนสุดๆ เขานึกไม่ถึงว่าจะมากินที่นี่ด้วย
จากนั้นเจเทาวน์ก็เห็นเทาเท่กับควีนที่เดินเข้ามา เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“ประธานเทาเท่แชร์โต๊ะ ทานด้วยกันไหมครับ?”เจเทาวน์ชวนก่อน
หลินจือแทบใจสลาย กินโต๊ะเดียวกับเทาเท่ล่ะก็ เธอต้องกินไม่ย่อยแน่
“ไม่ดีกว่า ขอบคุณครับ”ใครจะไปรู้ว่าเทาเท่เชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง พาควีนไปที่โต๊ะว่างที่อยู่ไม่ไกล
เจเทาวน์ผายมืออย่างทำอะไรไม่ได้ ท่าทีที่เย่อหยิ่งอย่างเทาเท่นี้ ไม่น่าจะถึงได้เสียหลินจือไป
ที่จริงเทาเท่อยากนั่งและกินด้วยกันจริงๆ แต่เห็นใบหน้าหลินจือเต็มไปด้วยความปฏิเสธ และยังมีท่าทางรังเกียจเหมือนเขาเป็นตัวซวยอะไรอย่างนั้น เขาก็เลยไม่อยากนั่งด้วยทันที
ยังไงเขาก็เป็นลูกคนรวยของตระกูลชื่อดังแห่งเมืองเจสเวิร์ด ผู้หญิงที่ตามจีบเขาก็มีทั่วเมืองเจสเวิร์ด
ถูกเธอที่เป็นภรรยาเก่ารังเกียจแบบนี้ หน้าของเขาก็ควบคุมไม่อยู่ทันที
หลังจากนั่งกับควีน เทาเท่ก็ยังโมโหมาก
ควีนไม่เข้าใจจึงยืนยันกับเขาอีกครั้ง:“ประธานเทาเท่ พวกเราจะไม่ไปนั่งจริงเหรอคะ?”
ควีนเดาว่าเทาเท่อยากกินข้าวกับหลินจือ ไม่งั้นเธอก็ไม่แนะนำมากินข้าวร้านนี้ และเทาเท่ก็ตกลงด้วย
แต่เมื่อกี๊เจเทาวน์ชวนก่อน และพวกเขาก็จะสามารถนั่งได้ด้วยพอดี สุดท้ายเทาเท่ดันปฏิเสธ
ควีนไม่เข้าใจ เจ้านายเธอทำอะไรกันแน่?
“สั่งอาหาร”เทาเท่สั่งไปอย่างเซ็งๆ
ควีนได้แต่ยอมแพ้ หยิบเมนูมาสั่งอาหารอย่างยอมรับชะตากรรม
ในหูมีเสียงที่หลินจือกับเจเทาวน์กำลังคุยกันอย่างมีความสุข ถึงฟังไม่ชัดว่าทั้งสองคุยอะไรกัน แต่รู้สึกได้ว่า บรรยากาศการอยู่ด้วยกันของทั้งสองไปได้ดี
ควีนแอบมองเทาเท่ที่อยู่ตรงข้าม พบว่าสีหน้าเขาดูแย่มากขึ้น
หลังจากอาหารมาเสิร์ฟเทาเท่กินไม่กี่คำก็วางตะเกียบลง หลังจากรอควีนกินไปพอประมาณแล้วเขาก็พาควีนลุกขึ้น ตลอดเวลาทานข้าวไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
เจเทาวน์ถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ:“ประธานเทาเท่ กินอิ่มแล้วเหรอ?”
เทาเท่มองเขาอย่างเย็นชา แล้วก้าวเท้ายาวออกไปโดยไม่แลหลินจือสักนิด