แดนนิรมิตเทพ บทที่ 423
ในสโมสรสุดหรูในเครือของว่านซื่อกรุ๊ป ภายในห้องเหมาที่เก็บเสียง กำลังดำเนินงานสังสรรค์โต๊ะหนึ่งกันอยู่

ว่านฉางหรูหันหน้าไปทางชายวัยกลางคน คนที่อายุห้าสิบกว่าปี สวมชุดสูททั้งตัว จัดแต่งผมเป็นมันวาว รูปร่างอ้วนท้วนคนหนึ่ง แล้วยกแก้วขึ้นหัวเราะแล้วพูดว่า “พี่ซุน ผมขอคารวะคุณหนึ่งแก้ว! ครั้งนี้คุณช่วยงานใหญ่ผมไว้!”

พี่ซุนคือเรียกซุนเฟยเยว่ ซึ่งเป็นรองหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งฮ่านหยาง มีอำนาจสูงมากมายนัก ได้สมรู้ร่วมคิดกับว่านฉางหรูมานานแล้ว คราวนี้ว่านฉางหรูได้ผลประโยชน์มหาศาล ซุนเฟยเยว่ก็พยายามเท่าที่จะสามารถทำได้ เพื่อช่วยว่านฉางหรูทำให้เหม่ยหวา กรุ๊ปพ่ายแพ้

แผนการณ์ที่มุ่งไปยังหอเซียงหม่านในครั้งนี้ ทั้งหมดเป็นการวางแผนของเขา ต้องบอกว่าในด้านการใช้เล่ห์เหลี่ยมเพทุบาย ซุนเฟยเยว่คนนี้ก็นับว่าเฉลียวฉลาดมากยิ่ง

ซุนเฟยเยว่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาของเขาหรี่ลงเป็นเส้น “น้องว่านไม่ต้องเกรงใจ หลี่ซู่เฟินของเหม่ยหวากรุ๊ปนั้นเป็นคนหัวสูงแต่ไหนแต่ไรมา ผมไม่ชอบขี้หน้าเธอมานานแล้ว ครั้งนี้ผมจะสอนบทเรียนเธอสักหน่อย ให้เธอหลาบจำซะบ้าง”

แม้ว่ามู่เจิ้งเฟิงและหนานกงหลงจะไม่ชอบเจ้าหน้าที่ทางการอะไรนัก แต่ต้องยอมรับว่า แผนการร้ายนี้พวกเขาไม่สามารถคิดออกมาได้อย่างแน่นอน

“แผนการร้ายแก้ปัญหาที่ต้นตอไม่ได้นี้ ฉลาดหลักแหลมจริงๆนะ!”มู่เจิ้งเฟิงถอนหายใจแล้วกล่าว

หนานกงหลงก็กลอกตา มองไปที่ชายอ้วนพีที่ไม่ธรรมดาตรงหน้าอย่างประหลาดใจ เขาไม่ชอบเจ้าหน้าที่ทางการ แต่ว่าตราบใดที่สามารถโจมตีเฉินโม่ได้ ก็จะถือว่าเป็นเพื่อนของเขา

ซุนเฟยเยว่รู้ว่ามู่เจิ้งเฟิงและหนานกงหลงมีฐานะที่ไม่ธรรมดา สามารถได้รับคำชมจากมู่เจิ้งเฟิง เขารู้สึกมีความสุขนัก

“ทั้งหมดเป็นกลอุบายเล็กๆน้อยๆทั่วไปเท่านั้นเอง ต่อหน้าไต้ซือทั้งสองคน ไม่ควรค่าที่จะกล่าวๆ!” ซุนเฟยเยว่โบกมือครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยหน้าตาถ่อมตน แต่ว่าบนใบหน้ากลับเต็มไปด้วยท่าทีภาคภูมิใจ

อีกสามคนอดไม่ได้ที่จะด่าทออยู่ในใจ: “จอมปลอม!”

“มา ผมขอคารวะพี่ซุนอีกแก้ว!” ว่านฉางหรูกล่าว

“ทุกคนพร้อมกัน หมดแก้ว!” ซุนเฟยเยว่กล่าวด้วยอารมณ์ปีติยินดี

หลังจากดื่มไปสามรอบ การสนทนาระหว่างคนทั้งหลายก็ได้เพิ่มมากขึ้น ว่านฉางหรูก็ใช้โอกาสนี้ถามว่า “พี่ซุน ต่อไปวางแผนจะทำอะไรล่ะ?”

ซุนเฟยเยว่เรอครั้งหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ง่ายนิดเดียว ก็ถ่วงเวลาแบบนี้ต่อไปไง! ถ่วงไปถึงเวลาที่ทุกคนลืมหอเซียงหม่านไปหมด ค่อยบอกพวกเธอว่าผ่านเกณฑ์การตรวจสอบ ถึงเวลานั้นแม้ว่าพวกเขาจะดำเนินกิจการต่อไปได้ ข่าวลือด้านนอกก็ล่องลอยไปทั่วเมืองแล้ว แล้วคุณค่อยหาคนจงใจปลุกระดมว่าส่วนผสมอาหารของพวกเขากินแล้วเป็นอันตรายต่อคน หอเซียงหม่านก็เพียงแค่รอให้ปิดกิจการหนะสิ!”

ว่านฉางหรูยกนิ้วโป้งขึ้น “พี่ซุน ช่างหลักแหลมจริงๆ”

“อย่างไรก็ตาม หากว่าหลี่ซู่เฟินไปหาคุณด้วยตัวเอง คุณเตรียมจะจัดการอย่างไร? ตามที่ผมเข้าใจในตัวของผู้หญิงคนนั้น เป็นไปได้ที่เธอจะทำแบบนี้”

ซุนเฟยเยว่ยกเปลือกตาขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หึหึ จะไปยากอะไร? ถ้าหากเธอกล้ามาหาถึงที่จริงๆ ก็ขอใบรับรองแพทย์จากเธอ แม้ว่าเธอจะจัดการใบรับรองมาได้ ผมก็ยังมีข้ออ้างอีกมากมายที่จะปิดร้านของเธอ เย่างเช่นสุขอนามัยไม่ได้มาตรฐาน วัตถุดิบมีปัญหา…”

“เพียงแค่ผมคิดที่จะจัดการเธอ ก็มีเหตุผลเป็นร้อยประการมาจัดการเธอ”

แม้ว่าว่านฉางหรูสามคนจะรู้สึกว่าซุนเฟยเยว่น่ารังเกียจมาก วิธีการแบบนี้ไม่ได้แตกต่างกันกับอันธพาล แต่ว่านั่นจะเป็นอะไรไปล่ะ? ยังไงคนที่ปวดหัวก็คือเฉินโม่ที่เป็นศัตรูของพวกเขา

ว่านฉางหรูกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มา ให้ผมคารวะพี่ซุนหนึ่งแก้ว!”

ในสำนักงานของเหม่ยหวา กรุ๊ป หลี่ซู่เฟินหน้าตาโมโหโทโส “ช่างไร้เหตุผลจริงๆ”

เวินฉิงที่สวมชุดพนักงานสีดำทั้งตัวลักษณะองอาจผึ่งผาย พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ท่านประธาน จู่ๆสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเข้ามาแทรกแซง ฉันคิดว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลว่านแน่ๆ!”

หลี่ซู่เฟินฮึ่มเย็นชาเสียงหนึ่ง “นอกจากตระกูลว่านแล้ว ยังมีใครที่น่ารังเกียจแบบนี้อีก!”