ตอนที่ 1402 เข้าร่วมสงคราม (2)
เสี่ยวเจว๋มองแม่ทัพที่จ้องเขาเขม็งด้วยสีหน้าสับสน และซ่อนตัวหลังจวินอู๋เสียตามสัญชาตญาณ
แม่ทัพของแคว้นเฉียวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ระงับความตื่นเต้นในใจลง เขาหันไปเผชิญหน้ากับจักรพรรดิแคว้นฉูแล้วประกาศว่า พวกเขามาที่นี่เพื่อเป็นกำลังเสริมให้กับแคว้นฉู
จักรพรรดิแคว้นฉูดีใจมากที่ได้รู้ว่าแคว้นเฉียวไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา แต่ถูกคนพิษทำให้ล่าช้าระหว่างทางมาที่นี่เท่านั้น ด้วยกำลังเสริมจากแคว้นเฉียว แคว้นฉูก็ไม่ต้องการกำลังเสริมจากแคว้นเหยียนอย่างเร่งด่วนอีกต่อไป จักรพรรดิแคว้นฉูกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า เขาหวังว่าจวินอู๋เสียจะสามารถนำแคว้นเหยียนพลิกสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ได้
จากนั้นจวินอู๋เสียก็ถามจักรพรรดิแคว้นฉูเกี่ยวกับการโจมตีของพวกคนพิษ และค้นพบเบาะแสบางอย่างจากที่นั่น
พวกคนพิษไม่มีสติและไม่มีความสามารถในการคิดด้วยตัวเอง ในตอนแรกก็มีคนพิษปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราวแค่ไม่กี่คนเท่านั้น คนพิษพวกนั้นถูกดึงดูดด้วยกลิ่นของคนที่มีชีวิต พวกมันทำร้ายคนบริสุทธิ์และกินพวกเขา เหล่าผู้ครองแคว้นต่างๆไม่ได้สังเกตเห็นในตอนแรก แต่มารู้ตัวทีหลังตอนที่พวกคนพิษที่กระจัดกระจายเริ่มรวมตัวกันเข้าโจมตีแคว้นของพวกเขา
สถานการณ์นี้ค่อนข้างแปลก เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนอยู่เบื้องหลัง คอยแอบควบคุมทิศทางของพวกคนพิษอยู่ ทำให้พวกมันเป็นเครื่องจักรสงครามที่ทรงพลัง
หลังจากได้เบาะแสที่ต้องการ จวินอู๋เสียก็ไม่รอช้า รีบมุ่งหน้าตรงไปที่แคว้นเหยียนทันทีพร้อมกับจวินอู๋เหยาและคนอื่นๆ
เสี่ยวเจว๋เอนตัวพิงข้างๆหน้าต่างรถม้า มองดูสายตากระตือรือร้นของแม่ทัพแคว้นเฉียว ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“เหมือนว่าข้าจะรู้จักเขา……แต่ข้าจำไม่ได้จริงๆ” เสี่ยวเจว๋เกาหัว ในสมองของเขามีเงาพร่ามัวแวบผ่านไป แต่เขาก็ไม่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
ฟ่านจั๋วยกมือขึ้นตบหัวเสี่ยวเจว๋เบาๆ
“วันหนึ่ง เจ้าจะจำทุกอย่างได้เอง”
ในการเดินทางครั้งนี้ พวกจวินอู๋เสียได้ผ่านพรมแดนของแคว้นต่างๆหลายแคว้น ได้เห็นสนามรบที่พังทลายจากไฟสงคราม
สงครามครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อทุกแคว้นในอาณาจักรล่าง ไม่มีแคว้นไหนรอดพ้นเลย กองทัพคนพิษเป็นเหมือนกระแสน้ำที่โหมกระหน่ำ พยายามจะทำลายล้างอาณาจักรล่างทั้งหมด
ท่ามกลางกองทัพแคว้นต่างๆที่ต้านทานเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น จวินอู๋เสียได้เห็นกองทัพของแคว้นเหยียน แคว้นฉี และแคว้นเฉียวทำหน้าที่เป็นกำลังเสริมให้กับแคว้นต่างๆเหล่านั้น เพื่อช่วยเหลือแคว้นที่กำลังดิ้นรนอย่างขมขื่น พวกเขาพยายามใช้พลังของพวกเขาอย่างเต็มที่ในการต่อสู้กับกองทัพคนพิษ
ดวงจันทร์ส่องสว่างแทบไม่เห็นดวงดาว ในที่สุดพวกของจวินอู๋เสียก็มาถึงเมืองหลวงแคว้นเหยียนที่เห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากเมืองที่เจริญรุ่งเรืองอย่างที่พวกเขาจำได้ เมืองหลวงแคว้นเหยียนไม่มีการเฉลิมฉลองซึ่งเต็มไปด้วยเสียงเพลงและการเต้นรำตามปกติ กลับกลายเป็นเป็นความมืดสลัวเศร้าหมอง ไม่มีโคมไฟส่องสว่างแขวนเอาไว้ให้เห็น และไม่มีเสียงเพลงอันไพเราะให้ได้ยิน
เมื่อทั้งโลกเกิดกลียุคขึ้น แม้แต่แคว้นเหยียนก็โดนพวกคนพิษโจมตี แต่กองทัพของแคว้นเหยียนแข็งแกร่งและครองตำแหน่งแคว้นที่แข็งแกร่งที่สุดมาหลายปี ไม่ว่าจะในแง่ของการป้องกันหรือความเร็ว พวกเขาก็ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าพวกเขามีความสามารถสูงจริงๆ หลังจากโดนพวกคนพิษโจมตีหลายครั้ง พวกเขาก็ยังยึดพรมแดนของตัวเองเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ระหว่างทางที่พวกจวินอู๋เสียเดินทางไปที่เมืองหลวง พวกเขาก็ได้เห็นผู้ลี้ภัยจากแคว้นอื่นๆได้รับการช่วยเหลือให้ที่พักภายในเมืองต่างๆของแคว้นเหยียน
เมื่อโลกเกิดกลียุคขึ้นเช่นนี้ แคว้นเหยียนจึงเปิดประตูให้ผู้ลี้ภัยจากแคว้นต่างๆ รับผู้ยากไร้ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและทุกข์ทรมานเข้ามาในสถานที่ที่ปลอดภัย
อาจกล่าวได้ว่า สิ่งที่พวกเขาเห็นกันมาตลอดทางสร้างความประหลาดใจให้กับจวินอู๋เสีย นางไม่คิดว่าแคว้นเหยียนจะจัดการทุกอย่างได้อย่างเหมาะสมและไม่เลือกที่จะปกป้องแต่ตัวเองอย่างเดียวเท่านั้น
สถานบันเทิงทุกแห่งในแคว้นเหยียนถูกปิด เงินทั้งหมดถูกนำไปใช้ในสงคราม