โลกบรรพกาล

ในถิ่นทุรกันดารที่เต็มไปด้วยหิน คลื่นโกลาหลโหมกระหน่ำทั่วโลกทุกหนแห่ง

เมื่อผสานกับพลังธาตุทั้งห้า แม้กระทั่งพลังต่างๆ ที่เกินกว่าจะเข้าใจได้ก็ท่วมท้นเข้าสู่ความว่างเปล่า ก่อเกิดเป็นพายุลูกใหญ่พัดโหมเข้าสู่ปฐพี

บนพื้นดิน สัตว์ประหลาดบรรพกาลจำนวนมากดูจะตื่นเต้น

แต่นี่เป็นเพราะคลื่นโกลาหล ไม่ใช่เป็นเพราะเซี่ยกูหง

เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ พวกเขาจึงค่อยวางใจ

ชายร่างกำยำและชายชราผมขาวมองหน้ากัน พวกเขารู้สึกยินดีเล็กน้อย

สิ่งนั้นสามารถตรวจจับตัวตนของคนจำนวนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย หากเป็นศัตรู มันย่อมเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว

พวกเขาทำตามเซี่ยกูหง กล่าวคำพูดยอมรับต่อความว่างเปล่าก่อนได้รับความสามารถล่องหนชั่วคราวมาอย่างรวดเร็ว

เสียงของเซี่ยกูหงดังขึ้นในความว่างเปล่า “ดูท่าข้าจะสามารถเข้าสู่ส่วนลึกของทะเลทรายเพื่อทำการค้นหาได้แล้ว”

“ข้าจะไปกับท่าน” ชายชราผมขาวกล่าว

“ใช่ ข้าจะไปด้วย” ชายร่างกำยำกล่าว

“หัวหน้าจ้าว แผนของท่านล่ะ” เซี่ยกูหงถาม

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ขอบคุณสหายเต๋าทั้งหลาย พวกเจ้าไปก่อนเลย ข้ามีเรื่องให้คิดเกี่ยวกับต้นกำเนิดเสียงนี้”

เสียงของเซี่ยกูหงตอบว่า “เอาล่ะ พวกเราแบ่งเป็นสองกลุ่ม ข้าจะไปสำรวจโลกบรรพกาล ส่วนความลับของเสียงนี้ให้ท่านสำรวจก็แล้วกัน”

การแบ่งเช่นนี้นับว่าเหมาะสม เซี่ยกูหงและคนอื่นมีเวลาหนึ่งชั่วโมงในการล่องหนและสำรวจโลก

ด้วยความสามารถของพวกเขา เกรงว่าจะไม่สามารถทำความเข้าใจถึงความหมายของเสียงนี้ได้พักใหญ่ เรื่องที่จะให้รับมือกับสิ่งนั้นยิ่งแล้วใหญ่

ในเมื่อหัวหน้าจ้าวสนใจเรื่องนี้ เช่นนั้นก็ปล่อยให้เขาทำการสำรวจไปเลยจะดีกว่า

“ดี ถ้างั้นแบ่งเป็นสองกลุ่ม” กู่ฉิงซานพยักหน้าช้าๆ ก่อนถามว่า “ในเมื่อเสียงนี้ปรากฏขึ้นพร้อมกับคลื่นโกลาหล แล้วคลื่นโกลาหลนี่ปรากฏขึ้นบ่อยแค่ไหนล่ะ”

เซี่ยกูหงตอบว่า “พวกข้าได้นับไว้แล้ว ราวๆ สามถึงสี่ชั่วโมง คลื่นโกลาหลจะปรากฏขึ้นหนหนึ่ง”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “หรือก็คือ พวกเจ้าสามารถล่องหนได้แค่หนึ่งชั่วโมง ไม่สามารถติดตามคลื่นโกลาหลลูกต่อไปได้สินะ”

เซี่ยกูหงตอบว่า “ใช่ มีเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาความสามารถล่องหนนี้เอาไว้”

เพราะเวลามีจำกัด เขากล่าวกับกู่ฉิงซานว่า “หัวหน้าจ้าว รักษาตัวด้วย พวกข้าขอตัวก่อน”

กู่ฉิงซานกล่าวขึ้นมาก่อนว่า “ช้าก่อน!”

เขาตบถุงเก็บของ หยิบยันต์ค่ายกลออกมา ติดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายพริบตาให้อย่างเรียบร้อยและรวดเร็ว

ยันต์เคลื่อนย้ายพริบตาครั้งเดียวสามใบถูกโยนเข้าไปในความว่างเปล่า พวกเซี่ยกูหงรับเอาไว้

“หากตกอยู่ในอันตราย พวกเจ้าสามารถกลับมาที่นี่ได้ทันที” กู่ฉิงซานกล่าว

“ได้ หัวหน้าจ้าวรอบคอบจริงๆ” เซี่ยกูหงกล่าวชม

“แต่ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าหัวหน้าจ้าวถึงกับสามารถสอบผ่านการใช้ค่ายกลได้” ชายชราหัวขาวสงสัย

กู่ฉิงซานกล่าวเสียงอ่อนว่า “ใครบ้างที่ไม่ปกปิดบางวิชาเอาไว้”

พวกเขาสามคนพยักหน้าเล็กน้อย

ถูกต้อง นักพรตระดับสูงย่อมมีวิชาที่จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้อยู่ไม่ใช่หรือ

เสียงของทั้งสามคนดังขึ้นในความว่างเปล่า “รักษาตัวด้วย!”

กู่ฉิงซานประสานนมือเช่นกันก่อนกล่าวว่า “รักษาตัวด้วย!”

หลุมปรากฏขึ้นบนเพดานถ้ำ ผ่านไปหลายอึดใจ มันปิดลงอย่างรวดเร็ว

พวกเขาไปแล้ว

ตอนนี้ มีเพียงกู่ฉิงซานที่อยู่ในถ้ำ

เขาเริ่มคิดอย่างรวดเร็ว

ตัดสินจากข้อมูลที่ได้รับจากการสนทนากับพวกคนเมื่อครู่ เมื่อคลื่นโกลาหลก่อตัวขึ้นมา เสียงผู้หญิงจะปรากฏขึ้น

นี่นับว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่เสียงผู้หญิงบอกว่าขาดพลังงาน

ถ้าอย่างนั้นนางยังคงปรากฏตัว สำรวจ สอบถามและเตรียมการเรื่องล่องหนให้ทั้งสามคนทุกครั้งได้อย่างไร

ของพวกนี้ไม่ต้องใช้พลังงานหรือ

มีคำตอบที่เป็นไปได้มากมาย เป็นไปไม่ได้ที่จะระบุอย่างชัดเจนได้ในตอนนี้

กู่ฉิงซานยังคงคิดต่อไป

ตอนนี้ ความลับของระบบสงครามนี้เกินกว่าการพบเซี่ยกูหงในโลกบรรพกาลเสียอีก

คลื่นโกลาหล

หรือว่าคลื่นโกลาหลจะทำให้ระบบสงครามขนาดใหญ่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์มีพลังงานขึ้นมา

พลังงานของคลื่นโกลาหลมาจากหินวิเศษ

ทั่วโลกบรรพกาลเต็มไปด้วยหินวิเศษ…

ไม่ใช่เรื่องหากจะอนุมานเช่นนี้ แต่ก็ต้องการบางสิ่งมายืนยัน

ตอนนี้ การเคลื่อนไหวด้านนอกค่อยๆ สงบลง

กู่ฉิงซานเข้าใจสิ่งหนึ่งขึ้นมาทันที

คลื่นโกลาหลกำลังจะหมดแล้ว

แบบนี้ไม่ดีแน่ ถ้าระบบสงครามนั่นเสียพลังงานไป ภายในสามถึงสี่ชั่วโมง คนพวกนั้นก็จะไม่ล่องหน

กู่ฉิงซานกล่าวทันทีว่า “ข้าขอรับ”

ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา วงสีเทาเข้มยังคงหมุนรอบตัว

ไม่ช้า ร่างของเขาหายไปในความว่างเปล่า

กู่ฉิงซานไม่ปล่อยให้เสียเวลา ถามตามตรงว่า “ต้องเติมพลังงานให้ระบบสงครามอีกเท่าไหร่”

ไม่มีการเคลื่อนไหวในความว่างเปล่า

เสียงผู้หญิงไม่ตอบเขา

กู่ฉิงซานรออยู่สักพักแล้วพลันเข้าใจว่าโลกภายนอกสงบลง

คลื่นโกลาหลสิ้นสุดแล้ว

ดูท่าระบบจะกลับมาเงียบอีกครั้ง

โชคยังดีที่เขาล่องหนแล้ว พูดให้ถูกก็คือการล่องหนของเขาทำให้พลังงานสุดท้ายของอีกฝ่ายหมดลง

กู่ฉิงซานถอนหายใจ ดวงตาของเขาจับจ้องหน้าต่างระบบเทพสงคราม

มีแถวหิ่งห้อยจำนวนมากลอยอยู่บนหน้าต่างระบบเทพสงครามไม่ไปไหน

“ท่านได้รับพรจากแหล่งกำเนิดพลังเงา”

“ท่านมีเวลาสองชั่วโมงในการล่องหน”

“เพราะแหล่งกำเนิดการล่องหนในครั้งนี้คือแหล่งกำเนิดพลังโลก สัตว์ประหลาดบรรพกาลจะไม่สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของท่านได้”

กู่ฉิงซานกวาดตามอง

“แหล่งกำเนิดพลังเงาคืออะไร” กู่ฉิงซานถาม

‘ติ๊ง!’

ระบบส่งเสียงเด่นชัดขึ้นมา

“เพราะเห็นแก่ความยาจกของท่าน ตอนนี้ข้าจะตอบคำถามโดยไม่หักพลังวิญญาณแต่อย่างใด”

“แหล่งกำเนิดพลังเงาคือแหล่งพลังโลกหมวดเงา”

“รูปแบบ: ตอนนี้ท่านเริ่มเข้าใจการแบ่งชั้นและโครงสร้างของพลังแล้ว ดังนั้นจะทำการอธิบายเพิ่มเติมต่อ”

“พลังสามารถถูกแบ่งออกเป็นสองประเภทพื้นฐาน หนึ่งคือแหล่งพลังโลก อีกประเภทคือพลังวิญญาณของสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึก”

“พลังนับไม่ถ้วนที่ถูกครอบครองโดยทุกชีวิตทุกระดับมาจากสองสองพลังนี้ในกระบวนการวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย”

กู่ฉิงซานครุ่นคิด “เทพเลียนแบบเผ่าพันธุ์มนุษย์ แสดงว่าพวกเขาใช้พลังวิญญาณหรือ”

“ถูกต้อง” ระบบกล่าว

“ถ้าอย่างนั้น ประเภทไหนทรงพลังกว่ากันล่ะ” กู่ฉิงซานยังคงถามต่อ

“หากพูดอย่างเป็นกลาง สองพลังนี้มีข้อได้เปรียบเป็นของตัวเอง แต่จากการตรวจสอบของระบบเทพสงคราม คำถามนี้ต้องตอบด้วยตัวของท่านเอง เหมือนกับตอนที่ท่านอยู่ในโลกกลางนภา” ระบบกล่าว

กู่ฉิงซานตกตะลึง

โลกกลางนภา…

ตอนที่โลกนั้นถูกทำลาย เขากุมความลี้ลับของทุกชีวิตเอาไว้ ต่อสู้กับอย่างเอาเป็นเอาตายกับรากษสผู้กุมความลี้ลับของทุกสิ่งเอาไว้

กู่ฉิงซานนึกถึงฉากสังหารเทพแห่งความเย็นยะเยือกก่อนหน้านี้

มันเป็นเหตุผลที่ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะศัตรูได้

แต่เพราะศัตรูได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของหอกหลากสีสัน ประกอบกับจิตใจของพวกเขาต้องการสืบทอดบัลลังก์ของราชาเทพ ผลที่ได้ เขาจึงกลายเป็นงูสองปีกหกขาด้วยความไม่เต็มใจ

กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพักจนอดที่จะพึมพำออกมาไม่ได้ว่า “ปัญหาไม่ใช่พละกำลัง แต่เป็นวิธีใช้กับใช้ตอนไหนต่างหาก…”

ระบบเทพสงครามยังคงเงียบและหยุดส่งเสียง

กู่ฉิงซานปล่อยวิญญาณเพื่อทำการตรวจสอบ

เป็นความจริงที่เขาไม่สามารถตรวจจับแม้แต่ตัวเองได้ เขาล่องหนอย่างสมบูรณ์

อย่างนั้นมาเริ่มกันเลยดีกว่า

เขาปลดมีดเยือกแข็งตรงเอว ถือไว้ในมือ จากนั้นหลับตาลง

จิตเทพกระจายออกก่อนเคลื่อนผ่านผืนดินทันที มันห่อหุ้มหินวิเศษบนพื้นถิ่นทุรกันดารเอาไว้

สกิลเทพ เคลื่อนย้าย!

กู่ฉิงซานหายไปจากถ้ำก่อนปรากฏตัวบนถิ่นทุรกันดารที่เต็มไปด้วยหิน

ตำแหน่งที่เขาอยู่เป็นภูเขาและทะเลที่ไกลจากสัตว์ประหลาดเล็กน้อย แถมยังเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการซ่อนตัวเป็นอย่างยิ่ง

ขณะหยิบถุงเก็บของออกมา กู่ฉิงซานเริ่มเก็บหินวิเศษเข้าไป

สิ่งนี้เต็มไปด้วยพลังงานโกลาหล แต่มันสามารถกระตุ้นระบบสงครามนั่นให้ทำงานได้ ดังนั้นต้องเก็บเอาไว้ก่อน

ถุงเก็บของความจุห้าร้อยลูกบาศก์เมตรเต็มแล้ว

กู่ฉิงซานลังเลสักพัก จากนั้นหยิบถุงเก็บของอีกใบออกมา

ถุงเก็บของใบนี้เป็นหนึ่งในถุงเก็บของจำนวนมากที่อยู่บนร่างของจ้าวอู๋จง แถมยังเป็นใบที่ว่างเปล่ามากที่สุดอีกด้วย มีเพียงยาเม็ดวิญญาณและอาหารวิญญาณเท่านั้น

กู่ฉิงซานเทของทั้งหมดนี้เข้าถุงเก็บของของเขา จากนั้นยังคงเติมหินวิเศษเข้าถุงเก็บของที่ว่างเปล่า

ไม่ใช่เรื่องผิดที่จะเก็บเผื่อเอาไว้ แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นข้อเสียเพราะไม่มีอะไรจะให้เสีย

เมื่อถุงเก็บของไม่สามารถจุเพิ่มได้อีก กู่ฉิงซานจึงทะยานขึ้นสู่ท้องนภา

ตอนนี้ คลื่นโกลาหลเพิ่งสิ้นสุดลง พลังบิดเบือนจำนวนมากในความว่างเปล่าถูกระบายออกก่อนกลับคืนสู่สภาพสงบชั่วคราวอีกครั้ง

กู่ฉิงซานลอยอยู่กลางอากาศ เขาหันไปทางหนึ่งก่อนเหาะไปยังสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในเงามืดไกลออกไป

บนพื้นด้านล่าง สัตว์ประหลาดที่อยู่ทั่วถิ่นทุรกันดารยิ่งมายิ่งหนาแน่น แต่ไม่มีตัวไหนตรวจพบตำแหน่งของเขา

ขณะมองสัตว์ประหลาดเหล่านี้ กู่ฉิงซานพลันพบบางสิ่งเข้า

เขามองหน้าต่างระบบเทพสงคราม ชี้ไปที่ชื่อเทพสงครามก่อนสวมใส่สิ่งที่เรียกว่า “ดาบมาร”

จากนั้น เขาเลือกสัตว์ประหลาดดุร้ายตัวใหญ่ก่อนชำเลืองมองจากด้านข้าง

เงาดาบจำนวนนับไม่ถ้วนเอ่อล้นอยู่ในลูกตา

ชื่อสกิล เนตรเชือดเฉือนวิญญาณ!

ในเวลาอันสั้น สัตว์ประหลาดหายไปจากที่นั่นก่อนพลันปรากฏตัวขึ้นมา

เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง สัตว์ประหลาดถูกฟันเป็นสองส่วนจนถึงแก่ความตาย

เกิดความปั่นป่วนรอบตัวสัตว์ประหลาด

แต่พวกมันมอบรอบข้างก็ไม่พบอะไร

หลังจากรออยู่สักพัก สัตว์ประหลาดไม่อาจหักห้ามความอยากเลือดเนื้อได้อีกต่อไปก่อนเริ่มพุ่งเข้าไปกลืนกินร่างของสัตว์ประหลาดที่ตายแล้ว

ในเวลาเดียวกัน บนหน้าต่างระบบเทพสงครามของกู่ฉิงซาน ข้อความแจ้งเตือนใหม่ยังคงปรากฏขึ้น

“ท่านสังหารทหารบรรพกาล”

“เพราะอยู่ในร่างเทพแห่งความเย็นยะเยือก อีกทั้งอยู่ในร่างของจ้าวสำนักเซียนธารจันทรา จ้าวอู๋จง พละกำลังส่วนตัวของท่าน…”

กู่ฉิงซานขัดระบบทันทีก่อนรีบพูดว่า “ในการต่อสู้นี้ สิ่งที่ข้าสามารถใช้ได้คือพละกำลังของตัวเอง เจ้าไม่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดหรอก”

เขาเห็นแถวหิ่งห้อยขนาดเล็กบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

ผ่านไปหลายอึดใจ

ข้อความแจ้งเตือนใหม่เริ่มปรากฏขึ้น

“ท่านสังหารทหารบรรพกาล”

“เพราะท่านใช้พละกำลังของตัวเอง การต่อสู้ครั้งนี้จึงตัดสินดังนี้”

“ค่าพลังวิญญาณที่ท่านได้รับ: สามหมื่นแต้ม”

หลังจากอ่านข้อความแจ้งเตือนเหล่านี้ กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอกจนแทบไม่อาจหักห้ามรอยยิ้มบนใบหน้าได้

ข้อความแจ้งเตือนยังคงปรากฏขึ้นมา

“จากความจริงก่อนหน้านี้ที่ระบบให้ท่านได้ใช้พลังวิญญาณจำนวนมากในพิธีสืบทอดของเผ่าพันธุ์เทพ ระบบจึงขอดึงพลังวิญญาณส่วนหนึ่งจากการต่อสู้นี้ครั้งนี้ออกมา”

“หลังจากคำนวณครบถ้วนแล้ว ระบบได้กำหนดพลังวิญญาณที่ทำการดึงออกเรียบร้อย”

“ระบบทำการดึงออกมาแล้ว”

“ค่าพลังวิญญาณที่เหลือของท่าน: สามต่อหกร้อยส่วน”

…………………………………………………………