บทที่ 270 ใส่ร้ายป้ายสี
“ฮ่าฮ่า ช่างเป็นดอกไม้ไฟที่สวยงามเหลือเกิน”
หลินเป่ยเฉินมองดอกไม้ไฟรูปกระบี่ที่ถูกยิงขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือศีรษะด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เขาพูดต่อว่า “พวกเจ้าอุตส่าห์ล่อข้ามาที่นี่เพื่อให้รับชมดอกไม้ไฟเนี่ยนะ หุหุ ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจ นี่คือดอกไม้ไฟที่สวยมาก แต่ข้ารับชมจบแล้ว บัดนี้ข้าอยากกลับบ้านไปพักผ่อน ท่านแม่สอนมาว่านอนดึกมันไม่ดีต่อสุขภาพ”
เด็กหนุ่มวางเท้าลงบนพื้นดินเตรียมใช้วิชาตัวเบาหลบหนี
แต่กลุ่มนักฆ่าในชุดดำก็ขยับมายืนขวางหน้าเขาเอาไว้
“พวกเจ้าไม่มีอะไรจะพูดบ้างหรือไง?”
หลินเป่ยเฉินพลันถามออกมาด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว “ข้าเปิดโอกาสให้พวกเจ้าได้หลบหนีแล้วนะ สายน้ำมิอาจหวนคืน พวกเราเดินกันคนละเส้นทาง ล้วนต่างคนต่างอยู่ดีกว่า”
กลุ่มมือสังหารที่ขวางทางหลบหนียังคงไม่พูดคำใด
พวกมันเหมือนกับภูตผีวิญญาณร้ายที่ผุดขึ้นมาจากนรกโลกันต์จริงๆ
ไม่มีคำพูด
ไม่มีการส่งเสียง
ดูเหมือนแทบจะไม่มีลมหายใจด้วยซ้ำ
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วหน้ายุ่ง
พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย คนพวกนี้เริ่มทำเขาอึดอัดแล้วสิ
หลินเป่ยเฉินเก็บธนูเหล็กไหลและดาวน์โหลดดาบศีลธรรมออกมาอีกครั้ง
“เจ้าคนที่ตัวผอมที่สุดน่ะ ออกมารับกระบี่ของข้าเดี๋ยวนี้”
หลินเป่ยเฉินยกกระบี่ขึ้นชี้หน้าหนึ่งในกลุ่มนักฆ่าที่ตัวผอมที่สุด
แต่ในเวลาเดียวกันนั้น เขากำลังแอบปล่อยยาพิษอยู่ในอากาศ
นี่คือยาที่จะทำให้สมองมึนงง…
และย่อมเปิดโอกาสให้หลินเป่ยเฉินหลบหนีได้อย่างไม่มีปัญหา
หลินเป่ยเฉินแค่ต้องรอให้ยาออกฤทธิ์เท่านั้น
แต่สิ่งที่เด็กหนุ่มคิดไม่ถึงพลันเกิดขึ้น
ภายใต้หน้ากากที่นักฆ่าสวมใส่เพื่อปิดบังใบหน้า ปรากฏลำแสงสีแดงส่องลอดออกมาจากด้านใน และในไม่กี่อึดใจต่อมา นักฆ่าคนที่หลินเป่ยเฉินยกกระบี่ชี้หน้า กลับชักกระบี่ออกจากข้างเอวมาแทงหัวใจตนเอง ก่อนที่จะดึงกระบี่กลับออกมา และล้มลงนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นดินตรงนั้น
เมื่อเลือดพุ่งกระฉูดออกมาปานน้ำพุ นักฆ่าคนนั้นก็มือเกร็งเท้าเกร็ง และในไม่นานก็นอนแน่นิ่งหมดลมหายใจในที่สุด
ตายสนิท
หลินเป่ยเฉินยืนงงอยู่ในดงมือสังหาร
นี่มันอะไรกันครับเนี่ย?
เจ้าหมอนี่มีระดับพลังสูงส่ง
แค่ถูกเขายกกระบี่ขึ้นชี้หน้าทีเดียว ก็น้อยใจจนต้องฆ่าตัวตายเลยหรือ?
หรือว่าปากเขามีวาจาศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่เมื่อไหร่?
หลินเป่ยเฉินอดคิดฟุ้งซ่านไม่ได้
ไม่กี่วินาทีให้หลัง สิ่งที่น่ากลัวก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
ฟู่! ฟู่!
อยู่ดีๆ กลุ่มนักฆ่าที่ยืนอยู่รอบกายเด็กหนุ่มหลายสิบชีวิต ก็ชักกระบี่ออกมากระทำการอัตวินิบาตกรรมโดยไม่ลังเล พวกมันล้มลงจมกองเลือด มือเท้าชักกระตุก สุดท้ายก็ขาดใจตายไปอย่างรวดเร็ว
แต่สิ่งที่แปลกประหลาดสุดๆ ก็คือตลอดระยะเวลาเหล่านั้น พวกมันไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมาเลยสักคำเดียว
แม้จะเป็นตอนที่คมกระบี่แทงเข้าไปในขั้วหัวใจ เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมา นักฆ่ากลุ่มนี้ก็เหมือนกับจะไม่รับรู้ความเจ็บปวด พวกมันไม่ดิ้นรนหรือส่งเสียงร้องครวญคราง…
หลินเป่ยเฉินยืนอ้าปากค้าง
มีใครกำลังเล่นตลกกับเขาอยู่หรือเปล่า?
หรือว่านักฆ่าพวกนี้โดนผู้ถือสมุดเดธโน๊ตเล่นงาน?
ใครกันนะที่สัปดนล่อตัวเขาออกมากลางดึก เพื่อให้มาดูกลุ่มนักฆ่าฆ่าตัวตายเนี่ย?
บรรยากาศเริ่มไม่ชอบมาพากลขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
หลินเป่ยเฉินหันขวับกลับมามองที่นักฆ่าร่างแคระ
ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมือสังหารตัวจิ๋ว
มันสั่นสะท้านไปทั้งตัว อ้าปากพะงาบๆ เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้สักคำ ดูเหมือนว่าบัดนี้ นักฆ่าหน้าเด็กน้อยจะไม่สามารถควบคุมร่างกายตนเองได้อีกแล้ว…
มันค่อยๆ เดินมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหลินเป่ยเฉิน
น้ำตาไหลอาบเต็มสองแก้ม
นี่คือน้ำตาแห่งความหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ
จังหวะนั้น หลินเป่ยเฉินรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ามีมวลพลังงานจำนวนหนึ่ง กำลังควบคุมร่างกายของมือสังหารร่างเล็ก
ในเวลาเดียวกันนั้น
มือสังหารที่ยังรอดชีวิตอยู่อีกประมาณ 5 ถึง 6 คนก็เหมือนจะคลุ้มคลั่งขึ้นอย่างกะทันหัน พวกมันชักกระบี่ออกมากระโดดเข้าหาหลินเป่ยเฉินและลงมือโจมตีเขาด้วยพลังสูงสุด
จิตสังหารแผ่ออกมาจากร่างกายพวกมันหนาแน่น
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ ไม่มีเวลาได้คิดถึงเรื่องอื่นอีก เขาหมุนตัวและเหวี่ยงดาบตั้งรับการโจมตี
เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!
เสียงคมกระบี่และคมดาบปะทะกัน
ดาบศีลธรรมมีพลังโจมตีไม่ต่ำต้อย ประกอบกับขณะนี้หลินเป่ยเฉินมีระดับพลังเพิ่มพูนมากขึ้น ดาบของเขาที่เหวี่ยงออกไปจึงเป็นเสมือนคมเคียวยมทูต ที่เกี่ยวชีวิตมือสังหารฝ่ายตรงข้ามด้วยความรวดเร็วอำมหิต
“ต้องรีบหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดแล้วสิ”
นั่นคือสิ่งที่หลินเป่ยเฉินกำลังคิดอยู่ในใจ
ค่ำคืนนี้มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นมากเกินไป
เขาไม่รู้เลยว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นต่อจากนี้บ้าง
เมื่อจัดการกลุ่มมือสังหารชุดดำเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว หลินเป่ยเฉินก็หันกลับมาจะตวัดดาบใส่นักฆ่าหน้าเด็กน้อย
ฟุบ!
ฉับพลันนั้น นักฆ่าร่างเล็กกลับทรุดกายลงคุกเข่าเบื้องหน้าเขา
ลักษณะท่าทีของมัน เหมือนทาสรับใช้ผู้จงรักภักดี กำลังทำความเคารพนายเหนือหัวอย่างไรอย่างนั้น
หลินเป่ยเฉินชะงักไปเล็กน้อย ดาบของเขาจึงไม่ได้ฟันลงไปที่ลำคอของฝ่ายตรงข้าม
นี่มันอะไรอีกเนี่ย?
แล้วในทันใดนั้นเอง…
วูบ! วูบ!
เสียงชายเสื้อปะทะลมดังขึ้นในอากาศรอบทิศทาง
อะไรวะ? พวกมือสังหารส่งกำลังเสริมมาอีกแล้วเหรอ?
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความตกตะลึง
เด็กหนุ่มเห็นลำแสงพุ่งวาบลงมาจากท้องฟ้าเหมือนดาวตก ก่อนที่ลำแสงนั้นจะเปลี่ยนรูปทรงเป็นมนุษย์ และกลุ่มคนเหล่านั้นก็เริ่มทยอยทิ้งตัวลงมายืนอยู่บนหลังคาบ้านร้างที่อยู่รอบกายเขา
คนกลุ่มนี้ไม่ใช่มือสังหารชุดดำ
แต่เป็น…
ท่านผู้ว่าหลิงจุนเซวียน
หลิงฉือ
หลิงอู๋
สามพ่อลูกมาทำอะไรที่นี่เนี่ย?
หลินเป่ยเฉินจดจำสามพ่อลูกได้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น จึงรู้สึกประหลาดใจไม่ใช่น้อย
บัดนี้ เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีงามกับหลิงเฉินอีกต่อไปแล้ว หลินเป่ยเฉินจึงไม่เห็นเหตุผลที่สามพ่อลูกจำเป็นต้องมาช่วยเหลือเขาอย่างรวดเร็วขนาดนี้
หรือว่าลึกๆ ในใจแล้ว หลิงจุนเซวียน หลิงฉือและหลิงอู๋ต่างก็คิดเป็นอย่างเดียวกันว่า หลินเป่ยเฉินนี่แหละคือคนที่เหมาะสมกับหลิงเฉินมากที่สุด?
เด็กหนุ่มอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้
แต่เขายังไม่ทันพูดคำใดออกไป ก็ปรากฏลำแสงอีกสองสายพุ่งลงมาจากท้องฟ้า
หนึ่งในผู้มาใหม่มีปีกงอกออกมาจากแผ่นหลัง รอบกายมีแสงสว่างเรืองรองเหมือนเทพเจ้าจากสรวงสวรรค์ นางทิ้งตัวลงมายืนอยู่บนเสาหินขนาดใหญ่ ปีกที่แผ่นหลังค่อยๆ สลายหายไปกลางอากาศ เผยให้เห็นถึงเรือนร่างอรชนและใบหน้าที่สวยงามจับใจ
จะเป็นใครไปได้อีกถ้าไม่ใช่นักพรตหญิงชินจากวิหารเทพกระบี่?
ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นทิ้งตัวลงมายืนอยู่บนพื้นดิน มวลลมปราณแผ่กระจายรอบกายเป็นคลื่นพลังขนาดใหญ่ พื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อยราวกับเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาดย่อม
ฝุ่นควันคลุ้งตลบในอากาศ
ผู้ที่ทิ้งตัวลงมายืนอยู่บนพื้นดินเป็นชายวัยกลางคนร่างสูงบึกบึน สวมใส่ชุดเกราะเหล็ก สะพายกระบี่ขนาดใหญ่ยักษ์ รูปร่างลักษณะถอดแบบมาจากเทพเจ้าแห่งสงครามทุกกระเบียดนิ้ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ไม่รู้เลยว่าผ่านสนามรบมามากมายเท่าไหร่แล้ว ไม่รู้เลยว่าต้องมีผู้คนตกตายใต้คมกระบี่ของเขามากมายเท่าไหร่ แต่ที่รู้ๆ ก็คือพลังลมปราณที่แผ่ออกมาจากร่างกายชายวัยกลางคนผู้นี้มีความสูงส่งอย่างน่าหวาดกลัว
“ปีศาจอยู่ที่ใด?”
ชายวัยกลางคนในชุดเกราะเหล็กส่งเสียงคำราม
“โฮก!”
นักฆ่าร่างเล็กที่คุกเข่าทำความเคารพอยู่ตรงหน้าหลินเป่ยเฉิน พลันเงยหน้าขึ้นส่งเสียงคำรามออกมาเสียอย่างนั้น
ใบหน้าของมันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว บนผิวหนังเกิดเป็นลวดลายสีดำ นักฆ่าร่างเล็กอ้าปากออกมา แสดงให้เห็นถึงเขี้ยวแหลมที่อยู่เต็มปาก ลิ้นของมันเป็นสีดำสนิท เต็มไปด้วยเมือกเหนียวราวกับหอยทากตัวเขื่อง!
นี่มันอะไรกันเนี่ย!
ไอ้หมอนี่มันเป็นโรคพิษสุนัขบ้าหรือไง?
หลินเป่ยเฉินชะงักถอยหลัง
แต่ในจังหวะต่อมานั้นเอง นักฆ่าร่างเล็กก็ลุกขึ้นและกระโดดพุ่งเข้าไปหาชายวัยกลางคนในชุดเกราะเหล็ก
รังสีอำมหิตเปี่ยมล้น
“จงตายซะ!”
ชายในชุดเกราะเหล็กระเบิดเสียงคำราม กระบี่ยักษ์ที่สะพายอยู่บนแผ่นหลังถูกชักออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ
ควับ!
คมกระบี่สาดประกายเจิดจ้า
แล้วร่างของนักฆ่าหน้าเด็กก็ถูกตัดขาดออกจากกันเป็นสองท่อน