“หืมม? เจ้ารู้จักข้าอย่างนั้นหรือ?”

เซี่ยปิงขมวดคิ้ว เขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนจดจำสถานะที่แท้จริงของเขาได้ที่นี่

ถึงแม้ว่าเขานั้นจะมีชื่อเสียงที่โด่งดังภายในโลกแห่งเมฆา ทว่าเขาก็ได้ห่างหายไปถึงหนึ่งปี อีกทั้งการที่เขาออกไปเดินทางไปในจักรวาลนั้น ก็มีความเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้นกับเขา แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง

หากไม่ใช่คนรู้จักล่ะก็ เป็นเรื่องยากที่จะจดจำเขาได้

“ใช่ โชคดีที่ก่อนหน้านี้ข้าเคยเห็นคุณเซี่ยมาก่อน”

ชายตาเดียวพูดออกมาอย่างตื่นเต้น เมื่อรำลึกได้ถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เขาก็อดที่จะสั่นเทาไม่ได้ นี่คือราชันมนุษย์ที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกแห่งเมฆา สังหารราชันปีศาจเหมือนกับการเชือดไก่ก็ว่าได้

ตอนนี้ก็ได้ผ่านมาหนึ่งปี ไม่รู้ว่าแกนพลังฉีจะพัฒนาไปจนถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัวแค่ไหน

“เจ้าตาเดียว เจ้ากำลังทำอะไรกัน? ยังไม่รีบจับตัวกลุ่มคนเหล่านี้อีก จะมัวชักช้าอยู่ใยกัน เชื่อเถอะว่าข้าจะรายงานพ่อถึงเรื่องนี้ จะขับไล่เจ้าออกไปจากตระกูล”

หลิวจี๋คำรามออกมา รู้สึกไม่สบอารมณ์กับพฤติกรรมของชายตาเดียวอย่างมาก

“หุบปากเจ้าโง่!”

ชชายตาเดียวตบใบหน้าของหลิวจี๋ทันที ตบใบหน้าทั้งสองข้าง บนใบหน้าของหลิวจี๋นั้นปรากฏเป็นรอยฝ่ามือสีแดงขึ้นมาทั้งซ้ายและขวา ถูกตบให้สมมาตรกัน

“นี่เจ้ากล้าตบหน้าข้าหรือ?!”

หลิวจี๋รู้สึกงุนงงอย่างแท้จริง ตบเขาครั้งเดียวไม่พอ ไม่คาดคิดว่าจะตบเขาซ้ำสองครั้ง ในช่วงเวลานี้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างถึงที่สุด คิดว่าเจ้าชายตาเดียวนี่กำลังมีพฤติกรรมต่อต้าน

พวกพ้องหลายคนของเขาที่เป็นผู้ใช้พลังฉีปรมาจารย์ก็ตกตะลึงเช่นกัน คิดว่าชายตาเดียวคนนี้เสียสติไปแล้ว ไม่คาดคิดว่าจะมีพฤติกรรมก่อกบฎ อีกทั้งยังตบใบหน้าของหลิวจี๋ผู้เป็นนาย

“ที่ข้าตบเจ้าก็เพื่อตัวเจ้าเอง หากผู้นำตระกูลล่วงรู้ถึงพฤติกรรมของเจ้าในตอนนี้ล่ะก็ คาดการณ์ได้ว่าคงจะปรารถนาที่จะสังหารเจ้าในทันที ตอนนี้ก็หุบปากไปซะ อย่าบีบบังคับให้ข้าทำร้ายเจ้าอีก” จิตสังหารของชายตาเดียวเดือดดาลออกมา

เขาล่วงรู้ถึงสถานะที่แท้จริงของเซี่ยปิง หากฝ่ายตรงข้ามคลุ้มคลั่งขึ้นมา ตระกูลหลิวจะต้องถูกทำลายล้างอย่างแน่นอน บุคคลที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ไม่สามารถที่จะท้าทายได้

ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ของตระกูลหลิวและได้ล่วงรู้จากปากของราชันในตระกูลหลิวเอง ตอนนี้เซี่ยปิงนั้นมีสถานะที่น่าสะพรึงกลัวกว่าเดิมมาก ถือว่าเป็นผู้ที่อยู่อันดับหนึ่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แม้แต่ราชันไร้เทียมทานก็ไม่สามารถเทียบด้วยได้

“นี่มัน นี่มัน!”

หวาห่าวและคนอื่นๆก็ตกอยู่ในสภาวะที่ตกตะลึง อันที่จริงเจ้าผู้ใช้พลังฉีปรมาจารย์คนนี้กำลังพูดอะไรกัน เจ้านี่ไม่ได้มีชื่อว่าหวังเก๋อปี้หรือ? ทำไมถึงเรียกเขาว่าเซี่ยปิง?! นี่มันเรื่องอะไรกัน

ต่อให้เจ้านี่จะปกปิดชื่อของตนเองซึ่งชื่อที่แท้จริงคือเซี่ยปิงนั้น ทว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรกัน ก็แค่ชื่อ ทำไมผู้ใช้พลังใช้พลังฉีปรมาจารย์คนนั้นจะต้องแสดงท่าทีหวาดกลัวเช่นนี้ อีกทั้งยังตบใบหน้าของผู้ที่เป็นนายของตนเองอีก

นี่มันช่างแปลกประหลาดเกินไป

“เซี่ยปิง?!”

ถงเสี่ยวชีที่ได้ยินชื่อนี้ เธอก็มีสายตาเป็นประกายทันที ร่างกายสั่นเทา ตอนนี้ในที่สุดเธอก็ล่วงรู้ว่าทำไมตนเองถึงคุ้นหน้าของเซี่ยปิงยิ่งนัก เหมือนกับว่าเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน

หากเป็นบุคคลในตำนานคนนั้น การที่จะทำให้ผู้ใช้พลังฉีปรมาจารย์มีท่าทางที่หวาดกลัวเช่นนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“หืมม?! มากันเร็วจริงๆ” จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของเซี่ยปิงแผ่ออกไป ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงออร่าที่ทรงอำนาจและคุ้นเคยนับสิบซึ่งกำลังเดินทางเข้ามาอย่างรวดเร็ว เข้ามาใกล้ร้านสวรรค์บนดินแห่งนี้

หล่ง หล่ง หล่ง~

ทันใดนั้น ณ ทางเข้าของร้านสวรรค์บนดินก็มีชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามา เหมือนกับว่าปรากฏขึ้นมาจากอากาศก็ว่าได้

ทว่าทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้นมา ทั่วทั้งโลกก็เงียบสงบ ทุกๆคนที่อยู่ในร้านสวรรค์บนดินแห่งนี้ต่างก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองสูญเสียการควบคุม เซลล์แต่ละเซลล์กำลังสั่นไหว

สภาพแวดล้อมรอบๆนั้นเงียบสงบอย่างมาก เงียบสงบจนถึงขั้นที่สามารถได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ

ทุกๆคนที่เห็นชายชราที่สวมใส่ชุดคลุมสีขาวคนนี้ต่างก็ยืนทึ่ง พวกเขารู้สึกได้ว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นเหมือนกับเทพเจ้า เป็นผู้ปกครองของโลกใบนี้ ตราบใดที่เคลื่อนไหวความคิด จิตวิญญาณของพวกเขาก็จะล่มสลายทันที ไม่สามารถที่จะต้านทานได้

ภายใต้การฝึกฝนและบ่มเพาะวิทยายุทธมานานหลายปีนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกว่าตนเองเปราะบางเช่นนี้ เป็นเหมือนกับมดปลวกก็ว่าได้

ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้พลังฉีขุมนรกหรือว่าผู้ใช้พลังฉีปรมาจารย์ พวกเขาต่างก็มีความรู้สึกแบบเดียวกัน

ซู่ ซู่ ซู่!!!

ด้วยการปรากฏตัวของชายชราชุดคลุมสีขาวคนนี้ ทางเข้าก็มีภาพเงาจำนวนนับสิบที่ปรากฏตัวขึ้นมาเช่นกัน แต่ละคนนั้นสวมใส่ชุดเสื้อผ้าที่แตกต่างกันออกไป ทว่าอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขานั้นต่างก็เป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

“หนึ่งในตัวแทนทั้งเก้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ผู้นำของบริษัทไจแอน มีตำแหน่งเป็นราชันไร้เทียมทาน ผู้เป็นตำนานตลอดกาล วีรบุรุษของเผ่าพันธุ์มนุษย์ กู่ชีไหล!” บางคนที่อดใจที่จะตะโกนออกมาไม่ได้

ทันใดนั้น ทั่วทั้งร้านสวรรค์บนดินนี้ก็เดือดดาลขึ้นมา เพราะว่าชื่อกู่ชีไหลนี้เป็นชื่อที่ดังก้องไปทั่วทั้งโลก นี่คือบุคคลในตำนานซึ่งอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ของมนุษย์

ไม่ว่าใครที่เคยศึกษาอยู่ในโรงเรียนหรือในมหาลัยต่างก็ต้องเคยได้ยินชื่อนี้ ได้เห็นทั้งรูปและชื่อของกู่ชีไหล ดังนั้นพวกเขาจึงจดจำกู่ชีไหลราชันไร้เทียมทานผู้นี้ได้อย่างกะทันหัน

“แม่เจ้า คนเหล่านี้ก็คือราชัน เป็นราชัน ข้าเคยเห็นในทีวีมาก่อน”

บางคนที่รู้สึกว่าตนเองเกือบที่จะหายใจไม่ออก เพราะว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้ก็คือกู่ชีไหลตัวแทนของราชันทั่วทั้งโลกแห่งเมฆา มีอำนาจและอิทธิพลภายในโลกแห่งเมฆาที่ไร้ขอบเขต

ในช่วงเวลาปกตินั้น บุคลที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้จะไม่สามารถพบเห็นได้ง่ายๆ แม้แต่ทั้งชีวิตนี้ก็อาจจะไม่มีโอกาสได้พบเห็น ทว่าตอนนี้ไม่คาดคิดว่าจะปรากฏตัวขึ้นมาที่นี่ มาอยู่ที่ร้านสวรรค์บนดินแห่งนี้

พวกเขาได้ส่งเสียงร้องออกมาตามๆกัน นี่มันเกิดเรื่องที่สะเทือนน้ำสะเทือนบกอะไรกัน? ทำไมถึงได้มีบุคคลที่ยิ่งใหญ่จำนวนมากเช่นนี้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่

ในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นหลิวจี๋ผู้สืบทอดโดยตรงของตระกูลหลิวหรือว่าหวาห่าวและคนอื่นๆ พวกเขาต่างก็ช็อกไปตามๆกัน หวาดกลัวจนทรุดตัวลงไปกับพื้น การที่บุคคลที่มีอิทธิพลจำนวนมากเช่นนี้ปรากฏตัวอยู่ที่นี่นั้น มันทำให้พวกเขารู้สึกว่าหัวของตนเองว่างเปล่า

สำหรับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้นั้นก็ได้หายอย่างสมบูรณ์ ไม่สามารถที่จะเทียบได้กับเรื่องที่น่าตกใจตรงหน้านี้

หมีไทราน หยางวุยและเก๋าวันทั้งสามคนก็เป็นเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะล่วงรู้ว่าเซี่ยปิงมีสถานะที่สูงพอสมควร ทว่าการที่ทำให้ราชันจำนวนมากเดินทางมาที่นี่ได้นั้นและแม้กระทั่งราชันไร้เทียมทานก็เดินทางมาด้วยตนเองนั้น พวกเขาคิดว่าตนเองกำลังฝันอยู่ก็ว่าได้

เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วกู่ชีไหลนั้นก็เป็นบุคคลในตำนานซึ่งอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ ตอนนี้กลับปรากฏตัวขึ้นมาตัวเป็นๆต่อหน้าพวกเขา นี่มันเป็นเหมือนกับการที่พบเจอบุคคลในตำนานด้วยตนเองก็ว่าได้ ช่างเป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดฝันได้

“ท่านผู้นำ”

เซี่ยปิงเดินเข้าไปและทักทายกู่ชีไหล

“ฮ่าฮ่า เซี่ยปิง ในที่สุดเจ้าก็กลับมา ก่อนหน้านี้ที่ข้าได้รับข่าวก็ยังรู้สึกไม่อยากเชื่อเท่าไหร่นัก” กู่ชีไหลยิ้มออกมาและเดินเข้าไปพูดกับเซี่ยปิง

“ทำไมท่านจะต้องทำให้เรื่องวุ่นวายเช่นนี้กัน ส่งคนออกมามากเกินไปจริงๆ” เซี่ยปิงก็ล่วงรู้ว่าที่อยู่ของตนเองนั้นไม่สามารถที่จะปกปิดได้ เพราะว่าถึงอย่างไรตามท้องถนนทุกๆที่ก็มีกล้องวงจรปิดอยู่ อย่างไรซะสถานะของตนเองก็ต้องถูกเปิดเผยในไม่ช้าก็เร็ว

เขาไม่ได้ต้องการที่จะปกปิด ทว่าเขาก็ไม่คาดคิดว่ากู่ชีไหลจะเดินทางมาด้วยตนเองเช่นนี้

“ม่ายยย เรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเรา ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็คาดหวังไว้อย่างมาก ไม่รู้ว่าครั้งนี้ที่เจ้ากลับมานั้นจะได้รับการเก็บเกี่ยวมามากแค่ไหน?” กู่ชีไหลมองไปที่เซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่คาดหวัง

เพราะเขาก็ล่วงรู้ว่าการที่เซี่ยปิงเดินทางออกไปจากโลกแห่งเมฆานั้น ก็เป็นการออกเดินทางไปในจักรวาลเพื่อตามหาอารยธรรมต่างดาวอื่นๆ เดิมทีเขาคาดการณ์ไว้ว่าคงจะไม่กลับมาอีกเป็นระยะเวลา4-5ปี

ไม่คาดคิดว่าระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งปีก็กลับมาแล้ว บางทีอาจจะมีเรื่องที่สำคัญบางอย่างเกิดขึ้นก็เป็นได้

ดังนั้นเขาจึงสงสัยกับเรื่องนี้อย่างมาก ไม่สามารถที่จะเก็บกดอารมณ์ความตื่นเต้นของตนเองและได้นำพากองกำลังออกมาเพื่อมาทักทายเซี่ยปิงโดยตรง