“แม่ไปโรงแรมกันก่อนนะ หนูมีธุระนิดหน่อยเดี๋ยวขับรถตามไป” หลังจากที่เกิดเรื่องเมื่อวานเสี่ยวเชี่ยนก็ไม่อยากหลบหน้าพ่อฉิวฉิวอีก
“งั้นแกก็พยายามมาให้ได้นะ—ไม่งั้น ให้หลิวเหมยอยู่ด้วยไหม?” เจี่ยซิ่วฟางรู้ว่าหลิวเหมยเป็นศิลปะป้องกันตัว ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะได้ช่วยถีบได้ทันควัน
เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก”
พ่อฉิวฉิวในเวลานี้อาจเพราะขาเจ็บจึงไม่ได้ดูกระฉับกระเฉงเหมือนอย่างครั้งแรกที่มา ท่าทางซูบเซียวไปเยอะ
พอเห็นครอบครัวของเสี่ยวเชี่ยน พ่อฉิวฉิวก็อึ้ง
เขาจำได้ว่าวันนั้นเจี่ยซิ่วฟางหลอกเขาไว้ยังไง ทำให้เขาต้องยืนฟังยายสมองเสื่อมพูดอยู่นานสองนานจนเป็นลมสลบไป!
ยัยป้าคนนี้โกหกคำโต…
“หมอเฉิน ผมตั้งใจมาหาหมอเฉิน! คุยกันหน่อยได้ไหมครับ?” พ่อฉิวฉิวยิ้มให้เสี่ยวเชี่ยน
“ไปหาที่คุยกันค่ะ พรุ่งนี้ฉันแต่งงาน วันนี้บ้านเราต้องไปเลี้ยง ฉันมีเวลาให้คุณได้แค่ครึ่งชั่วโมง”
พอได้ยินว่าเสี่ยวเชี่ยนจะแต่งงาน พ่อฉิวฉิวก็อึ้งไปก่อน จากนั้นก็ล้วงกระเป๋าตังค์โดยอัตโนมัติ
“เรื่องมันกะทันหัน ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอหมอเฉินหรือเปล่า วันนี้ไม่ได้เอาอะไรติดไม้ติดมือมาเลย และก็ไม่รู้ด้วยว่าเป็นวันมงคลของหมอเฉิน นี่เป็น—”
เสี่ยวเชี่ยนยกมือห้าม
“คุณเซียวคะ ถ้าคุณจะเอาเงินมาให้ฉันงั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันค่ะ”
ฉิวฉิวมักชอบพูดว่าพ่อเขาเป็นเศรษฐีใหม่ที่เรียนมาน้อย เข้าหาคนเอะอะก็ใช้เงินแบบพวกเศรษฐีใหม่ ไม่มีศิลปะในการเข้าหาคนเลยแม้แต่น้อย
พ่อฉิวฉิวยิ้มแบบอายๆ รีบเอาเงินยัดกลับไป
เสี่ยวเชี่ยนเลือกร้านกาแฟใกล้บ้าน ขับรถพาพ่อฉิวฉิวไป
“ว่ามาสิคะ มาหาฉันทำไม?” เสี่ยวเชี่ยนสั่งน้ำเย็นแล้วถามขึ้น
อันที่จริงทั้งสองคนต่างรู้อยู่แก่ใจ พ่อฉิวฉิวมาหาเธอด้วยเรื่องฉิวฉิวอย่างไม่ต้องสงสัย ก็แค่ถามไปเป็นพิธีเท่านั้น
พ่อฉิวฉิวถูมือแล้วถอนหายใจ
“ผมอยากถามว่า อาการของลูกสาวผมมีวิธีรักษาไหม ผมรู้ว่าคุณเป็นหนึ่งในจิตแพทย์ที่เก่งที่สุดในประเทศ คุณต้องมีหนทางแน่ใช่ไหมครับ?”
ตอนแรกเขาคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนเป็นพวกหัวหน้าแก๊งค์อะไรแบบนั้น เป็นเพื่อนสนิทของฉิวฉิว จึงมองเธอในแง่ไม่ดี
ตอนที่ฉิวฉิวบอกว่าเสี่ยวเชี่ยนเป็นจิตแพทย์ที่มีชื่อเสียงในประเทศ พ่อฉิวฉิวไม่เชื่อ คิดว่าโม้ไปงั้น
แต่เขาก็สืบมาได้ว่าเมืองQมีจิตแพทย์ที่เก่งมากอยู่คน ต้องติดต่อผ่านหลายคนถึงจะเข้าถึงตัวได้
หลังจากที่เขาสืบผ่านจากหลายๆคนอย่างยากลำบาก สุดท้ายกลับพบว่าหมอคนนั้นก็คือเสี่ยวเชี่ยน เรื่องนี้มันน่าตกใจมาก ว่ากันตามตรงเขาไม่ควรมาขอร้องรุ่นลูกที่เคยมีเรื่องกันมาก่อน แต่เพื่อฉิวฉิวแล้วเขาทำได้แค่หอบหน้าหนาๆมาเจอ
ตอนที่พ่อฉิวฉิวพูดคำว่าลูกสาวออกมา เสี่ยวเชี่ยนก็แสยะยิ้ม
“คุณมีลูกสาวด้วยเหรอคะ? มีตั้งแต่เมื่อไร?”
“ก็ฉิวฉิวไงครับ คุณเป็นเพื่อนสนิทกับเขา”
“ไม่ค่ะ คุณไม่มีลูกสาว ลูกสาวของคุณถูก ‘ฆ่าตาย’ ด้วยมือของคุณไปแล้ว ตอนนี้คุณมีแค่ฉิวฉิว แต่เขาจะยอมรับคุณไหมก็พูดยาก”
เสี่ยวเชี่ยนพูดว่าถูกฆ่าตาย คำนี้ยังเบาไปด้วยซ้ำ แต่พ่อฉิวฉิวฟังแล้วรู้สึกเป็นคำพูดที่รุนแรงมาก
เขาเอามือปิดหน้าด้วยความทุกข์ทรมาน “ผมไม่คิดว่า…เขาจะกลายเป็นแบบนี้!”
“ในมุมมองทางการแพทย์ อาการบกพร่องในกระบวนการรับรู้เรื่องเพศเกี่ยวข้องกับปัจจัยสามอย่างคือ ปัจจัยทางร่ายกาย การเป็นโดยกำเนิด หรือปัจจัยที่เกิดจากการเลี้ยงดู ฉันไม่รู้ว่ายีนในตัวของฉิวฉิวจะมีส่วนทำให้ฮอร์โมนของเขาไม่สมดุลโดยกำเนิดหรือเปล่า แต่ฉันขอฟันธงกับคุณเลยว่า อาการของเขาในตอนนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเลี้ยงดูในวัยเด็ก และคนที่ฆ่าลูกสาวคนนั้นมันก็คุณไม่ใช่เหรอคะ?”
“ผมไม่ได้อยากให้เขาเป็นแบบนี้…” พ่อฉิวฉิวแสดงออกว่าเป็นทุกข์มาก ใครจะไปคิดว่าการกระทำของเขาในตอนนั้นจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เกินกว่าจะแก้ไขในตอนนี้
“คุณไม่ได้พูดตรงๆ คุณทำให้เขาเกิดมาบนโลกใบนี้ แต่ไม่ได้มอบความรักของพ่อแบบที่เขาควรได้ กลับเอาแต่ด่าทอทำร้ายเขา กรอกความคิดว่าผู้หญิงไร้ประโยชน์ใส่หัวเขา ฉันเจอผู้ป่วยจิตเวชที่มีสาเหตุมาจากการมีวัยเด็กที่โหดร้ายมาหลายคน โดยทั่วไปพ่อแม่จะหย่าตอนห้าขวบหรือไม่ก็พ่อต้องทำงานอยู่ข้างนอกไม่ค่อยได้กลับบ้าน บทบาทของพ่อสำคัญมากในช่วงการเจริญเติบโตของลูก แต่ทำไมคุณทำกับเขาแบบนั้น?”
พ่อฉิวฉิวฟังคำพูดของเสี่ยวเชี่ยนจนเกือบร้องไห้ออกมา
ตอนนั้นเขาเองก็มีเรื่องเครียดมาก ชีวิตไม่เป็นดั่งหวังเลยสักเรื่อง เครียดจากเรื่องภายนอกแล้วภรรยายังมาไปจากเขาอีก ทิ้งฉิวฉิวไว้เป็นตัวถ่วงให้เขา ตอนเด็กๆฉิวฉิวหน้าตาเหมือนเด็กผู้ชาย แต่กลับเป็นเด็กผู้หญิง
ในพื้นที่แถวบ้านพ่อฉิวฉิวนั้นให้ความสำคัญกับการมีทายาทสืบสกุลมาก คนนอกบางครั้งก็ชอบล้อเล่นเรื่องไม่มีลูกชาย คนที่มีลูกชายฟังแล้วก็หัวเราะ ส่วนคนที่ไม่มีก็รู้สึกเหมือนโดนดูหมิ่นศักดิ์ศรี ความโกรธแค้นนี้ไม่มีที่ระบายจึงเอาไปลงกับเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
ใครจะไปคิดว่าผลลัพธ์มันจะหนักหนาขนาดนี้
เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้สึกสงสารพ่อฉิวฉิวเลยแม้แต่น้อย เธอหันไปชื่นชมต้นไม้ที่ถูกปลูกไว้ในร้านกาแฟ เธอไม่รู้ว่ามันคือต้นอะไร เห็นแต่ออกใบดก แถมยังมีผลสีแดงเล็กๆกระจายไปทั่ว มองแล้วน่าหลงใหล เธอยื่นมือไปเด็ดผลมันออกมาเล่น
“คนนอกต่างคิดว่าจิตแพทย์เทพมาก ไม่ว่าจะเป็นโรคจิตเวชแบบไหน หากมาหาพวกเรา พวกเราแค่ใช้แบบทดสอบนิดหน่อยก็สามารถวิเคราะห์เรื่องในวัยเด็กของคนๆหนึ่งได้ ฟังดูมหัศจรรย์ใช่ไหมล่ะคะ? ผู้ป่วยหลายคนคิดว่าตัวเองผิดปกติก็เลยมาหาพวกเรา หรือบางครั้งพวกเราสามารถวิเคราะห์ไปถึงสถานการณ์ในครอบครัวของพวกเขาในวัยเด็กเลยก็ยังได้ คุณรู้ไหมคะว่าทำไม?”
พ่อฉิวฉิวมองเธออย่างสงสัย จากนั้นก็ส่ายหน้า
เสี่ยวเชี่ยนเอาผลเล็กๆสีแดงนั้นไปวางข้างหน้าพ่อฉิวฉิว
“ปัญหาจิตเวชในผู้ใหญ่ ส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก ฉันจะยกตัวอย่างให้ฟังนะคะ ผู้ใหญ่ที่เกิดปัญหาก็เหมือนกับผลสีแดงที่คุณเห็นนี่ สมมติว่าโรคประสาทที่เป็นมาแต่กำเนิดก็คือเมล็ดพันธุ์ที่แย่โดยกำเนิด ออกผลที่ดีๆไม่ได้ แบบนี้พอจะเข้าใจไหมคะ?”
การเปรียบเทียบนี้ช่วยให้เห็นภาพได้มาก พ่อฉิวฉิวพยักหน้า เสี่ยวเชี่ยนพูดต่อ
“งั้นเมล็ดพันธุ์ที่ปกติ ก็ต้องออกผลได้งั้นเหรอ? ไม่เสมอไป ในช่วงที่มันเติบโตก็มีแนวโน้มที่จะพบเจอปัญหา อย่างเช่น เรื่องปริมาณน้ำ อุณหภูมิ แสงแดด เป็นต้น ต้นกล้าที่ดีต้นหนึ่ง มันผิดปกติไปด้วยมือของคุณ คุณจะโทษที่ตัวต้นกล้าเองไม่พยายาม หรือจะโทษคนสวนที่ดูแลไม่ดีล่ะคะ?”
ประโยคที่คนเป็นผู้ปกครองรู้สึกล้มเหลวมากที่สุดก็คือ เด็กคนนี้มีปัญหา
เพราเด็กที่มีปัญหาส่วนใหญ่ล้วนเกิดจากฝีมือผู้ปกครองทั้งนั้น
คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนนั้นทำให้พ่อฉิวฉิวจุกมากทีเดียว สีหน้าเขาซีดเซียว หายใจติดขัดขึ้นมาทันที เขารีบหยิบยาออกมายัดใส่ปาก
“ถ้าจะว่ากันตามนิสัยของฉัน ฉันไม่ควรมาสนใจคุณด้วยซ้ำ เพราะผลที่คุณเห็นในวันนี้เกิดจากการปลูกของคุณในตอนนั้น ในมุมมองทางจิตวิทยา นอกจากปัญหาที่เป็นมาแต่กำเนิดแล้ว ปัญหาสภาพจิตใจที่ผิดปกติล้วนหาเหตุและผลของมันได้ทั้งนั้น หน้าที่ของพวกเราก็คือหาสาเหตุของมันแล้วไปแก้ไขผลที่เกิดขึ้นในตอนนี้”