“ผมผิดไปแล้ว…” ในที่สุดพ่อฉิวฉิวก็ยอมรับความจริง การเปรียบเทียบของเสี่ยวเชี่ยนจี้ได้ตรงจุดเหลือเกิน
“หมอเฉิน ตอนนี้ผมรู้ความผิดของตัวเองแล้ว บอกผมได้ไหมครับ ขอร้องช่วยบอกผมหน่อย ว่าผมควรทำยังไงลูกผมถึงจะกลับมาปกติ?” เขาใช้คำว่าขอร้อง
“ถ้าคุณพาฉิวฉิวตอนห้าขวบมาได้ บางทีฉันอาจจะยังทำแผนรักษาให้คุณได้ แต่ตอนนี้กระบวนการรับรู้เรื่องเพศของเขาเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้วตามการเจริญเติบโต ตอนนี้เขารู้สึกว่าเป็นแบบนี้ก็มีความสุข ฉันพูดตามตรงเลยนะคะ ตอนแรกที่ฉันรู้จักเขาก็เคยลองรักษาให้ ฉันหาวิธีลองให้เขาเลือกว่าอยากเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่ แต่น่าเสียดายที่จิตใต้สำนึกของฉิวฉิวก็ยังคิดว่าเป็นผู้ชายมีความสุขกว่า”
ความเจ็บปวดบางอย่างเราก็ฝืนไม่ได้
“งั้นเขาจะต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิตเหรอ…” พ่อฉิวฉิวเอามือปิดหน้า ทำไมโลกนี้ไม่มียาแก้ผิดหวังขายนะ
“คุณมีลูกเพื่ออะไรกันแน่? เลี้ยงแก้เซ็ง? สืบสกุล? หรือแค่อยากเอาไว้ต่ออายุ?”
“ผม…” พ่อฉิวฉิวไปไม่ถูก คำถามที่ดูเหมือนง่ายๆนี้ กลับยากสำหรับเขามาก
นั่นสิ เขามีลูกทำไมนะ?
คำถามง่ายๆ แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับรู้สึกว่า อย่างน้อยๆก็มีคนมากกว่าสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่หาคำตอบไม่ได้ทั้งชีวิต
เห็นคนอื่นมีก็เลยอยากมีสักคน
“เห็นคนอื่นมีครอบครัวก็เลยอยากมีของตัวเองบ้าง เห็นคนอื่นมีลูกก็อยากมีสักคน พอมีแล้วคนก็อยากให้ลูกเป็นอย่างที่ตัวเองต้องการ แต่โลกนี้สิ่งที่ควบคุมยากที่สุดก็คือชีวิตคนเรา ไม่ว่าคุณจะเป็นคนให้ชีวิตเขาหรือไม่ นับตั้งแต่วินาทีที่เขาได้เกิดมาเป็นคน เขาก็มีสิทธิ์เลือกชีวิตของตัวเอง แต่คุณกลับพยายามหาทางให้เขาเป็นอย่างที่คุณหวัง”
พ่อแม่ส่วนใหญ่ต่างทำแบบนี้
เพียงแต่การแสดงออกของพ่อฉิวฉิวนั้นสุดโต่งไปหน่อย บวกกับสาเหตุที่มาจากตัวฉิวฉิวเอง เรื่องจึงกลายเป็นแบบตอนนี้
เมื่อวานเสี่ยวเชี่ยนเพิ่งจะคุยกับอวี๋หมิงหลางเรื่องนี้ วันนี้เธอก็ได้เจอพ่อฉิวฉิวแล้ว
ที่ควรพูดก็ได้พูดไปแล้ว จะให้พูดอะไรอีกก็ไม่จำเป็น
เสี่ยวเชี่ยนยืนขึ้น แล้วเอาแก้วทับเงินห้าสิบหยวนไว้
“ตอนที่เขาต้องการคุณ คุณไม่ได้ให้สิทธิ์เขาเลือกอย่างที่เขาควรได้ ตอนนี้เขาโตแล้ว หวังว่าคุณจะได้ให้สิทธิ์นี้กับเขานะคะ คุณให้กำเนิด แต่ไม่ได้เป็นเจ้าชีวิตเขาค่ะ”
“ผมมีเวลาอีกไม่มากแล้ว…” เสียงอันแผ่วเบาของพ่อฉิวฉิวไล่ตามหลังเสี่ยวเชี่ยนไป
แต่เสี่ยวเชี่ยนได้ออกไปก่อนแล้ว
เหลือเพียงแค่พ่อฉิวฉิวที่น้ำตานองหน้ามองผลสีแดงที่อยู่บนโต๊ะ
น้ำตาทำให้เขามองเห็นไม่ชัด จนกระทั่งเขาหยิบผลสีแดงนั้นขึ้นมามองอย่างพิจารณา ผลลูกนี้ไม่เหมือนกับลูกอื่น
ผลปกติจะมีลักษณะกลม แต่ผลลูกนี้ตรงกลางมีรอยแผลเป็นเส้นยาวที่ปิดสนิทแล้ว ดูท่าทางจะได้มาตอนเพิ่งออกผลใหม่ๆ แต่มันก็ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ถึงรอยแผลนั้นจะสนิทแล้วแต่รูปร่างของมันก็ยังคงแตกต่างจากผลลูกอื่นในต้นเดียวกัน
มันยังคงใช้ชีวิตอย่างแข็งแกร่งต่อไปได้ ถ้าไม่ถูกเสี่ยวเชี่ยนเด็ดออกมา มันก็ยังคงเนียนอยู่บนต้นแบบนั้น ไม่เข้าไปดูใกล้ๆก็ไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความแตกต่างของมัน
พ่อฉิวฉิวมองผลสีแดงลูกนั้นอยู่นาน มองอยู่แบบนั้น มันช่างเหมือนลูกของเขาเหลือเกิน
น้ำตาหยดลงบนผลลูกนั้น หยดแล้วหยดเล่า
ชีวิตนี้ของเขาได้ทำอะไรลงไปบ้าง
ตอนที่ควรทุ่มเทความรักเขากลับไม่ได้ให้ความรักของพ่อกับลูก ตอนนี้ยังดันทุรังจะพาฉิวฉิวกลับมาใช้ชีวิตบนเส้นทางที่ถูกต้อง
เดิมเขาคิดว่าถ้ามาหาจิตแพทย์ที่เก่งกาจอย่างเฉินเสี่ยวเชี่ยนแล้วจะมีหนทางรักษา นึกไม่ถึงว่าไม่เพียงแต่จะไม่มีวิธี ยังถูกเสี่ยวเชี่ยนพูดจนน้ำตาอาบแก้มอีกด้วย เขาผิดหวังสุดๆ
เสี่ยวเชี่ยนออกไปจากร้าน มองถนนที่การจราจรคับคั่ง แสงแดดสาดลงมาบนศีรษะเธอ ร้านกาแฟกลายเป็นฉากหลัง เธอเบ้ปาก
ตกลงว่าใครป่วยกันแน่ ฉิวฉิวหรือพ่อฉิวฉิว หรือเป็นสังคมส่วนใหญ่ที่แบ่งแยกคนที่ผิดแปลกไม่เหมือนคนอื่น?
แต่ยามที่เธอเคว้างคว้างไปไม่ถูกก็จะมีคำพูดที่อวี๋หมิงหลางพูดเมื่อคืนดังข้างหู
เธอกับพ่อฉิวฉิวไม่เหมือนกัน
จิตใต้สำนึกของต้าหลงยอมรับการเจ้ากี้เจ้าการของพี่สาว แต่จิตใต้สำนึกของฉิวฉิวต่อต้านพ่อตัวเอง
หากในใจมีเป้าหมายที่แน่นอนก็จะไม่หลงทาง เสี่ยวเชี่ยนขับรถไปทางโรงแรมที่บ้านเธอไปจัดงาน ในใจเธอตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
โทรศัพท์มือถือดังขึ้น เสี่ยวเชี่ยนกดรับสาย
“เบบี๋เชี่ยน พรุ่งนี้จะแต่งงานแล้วเหรอ?”
น้ำเสียงกวนประสาทดังลอดมาจากโทรศัพท์
เสี่ยวเชี่ยนมุมปากกระตุก “กรุณาอย่าตั้งชื่อให้คนอื่นส่งเดช ฉันไม่ได้สนิทกับคุณ”
หมอนี่หายตัวไปสักพักแล้วทำไมอยู่ๆก็โผล่มาได้?
“น่าเสียดายจัง ผมเพิ่งรับงานเลยไปร่วมงานแต่งด้วยตัวเองไม่ได้—”
“เอางานเป็นหลักน่ะดีแล้ว!” ความหมายคือ ไม่สนิท ไม่ต้องกลับมา!
ถ้าเห็นคนพิลึกอย่างศาสตราจารย์ชีเธอก็จะอึดอัด โดยเฉพาะตอนที่ตานี่พูดว่าเธอใจอ่อนเกินไป มันทำให้เธอเคืองมาก
คนราศีพิจิกที่น่าแค้นใจ เสี่ยวเชี่ยนจะเกลียดเขาไปอีกหลายปี
“ฮ่าๆ ผมไม่กลับไปหรอก แต่ของขวัญจากผมจะไปถึงแน่นอน ขอให้มีความสุขในวันแต่งงานนะจ๊ะ”
“หึหึ…ไม่ขอลำบากเงินในกระเป๋าคุณดีกว่า”
“ระกว่างเราสองคนเอาเงินมาเป็นตัววัดค่าไม่ได้หรอก รับไว้เถอะนะ”
เสี่ยวเชี่ยนวางสายอย่างไม่ลังเล เธอไม่มีอะไรจะพูดกับคนไม่ทราบประวัติแน่ชัด ชอบปั่นหัวคนอื่น แถมยังชอบตั้งชื่อให้คนอื่นส่งเดชแบบนี้
พอนึกถึงคำพูดของศาสตราจารย์ชีที่บังอาจมาวิจารณ์เธอว่าใจอ่อนเกินไปแล้วก็รู้สึกว่าตาหมอที่เก่งด้านประสาทคนนี้ขยันทำตัวให้คนเกลียดจริงๆ
เธอรู้สึกได้ว่าชีอวี่เซวียนไม่ชอบอวี๋หมิงหลาง สาเหตุส่วนใหญ่อาจเป็นเพราะอวี๋หมิงหลางเป็นคนตรงไปตรงมา
เด็กที่เกิดในครอบครัวทหารมักมีความคิดที่ยากจะเปลี่ยน แต่ชีอวี่เซวียนถึงจะได้คุยกับเสี่ยวเชี่ยนหลายครั้ง แต่เท่าที่สัมผัสเสี่ยวเชี่ยนรู้สึกได้ว่าคนๆนี้โหดไม่ใช่เล่น คล้ายกับเธอเมื่อชาติก่อน หรืออาจจะโหดกว่าเธอด้วยซ้ำ
ความคิดต่างกัน เดินกันคนละเส้นทาง เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าอวี๋หมิงหลางเป็นจุดหมายปลายทางของเธอ สามารถยืนเคียงข้างเธอได้ เป็นคู่แท้ที่คอยให้ความช่วยเหลือยามที่เธอเคว้งคว้าง
ผู้ชายคนนี้สมควรเป็นของเธอ
ส่วนตาชีอวี่เซวียนที่ชอบทำตัวพิลึกผลุบๆโผล่ๆอยู่เรื่อย เธอไม่อยากจะรู้จักเชิงลึก
ชีอวี่เซวียนที่อยู่ปลายสายเนื่องจากได้คุยโทรศัพท์กับเสี่ยวเชี่ยนจึงอารมณ์ตรงข้ามกับเสี่ยวเชี่ยนโดยสิ้นเชิง สีหน้าบ่งบอกว่าอารมณ์ดี เขาฮัมเพลงเบาๆ
อาข่ายืนอยู่ข้างเขา เธอนั่งเครื่องบินติดต่อกันมาอย่างยาวนาน
“บอสคะ รีบร้อนเรียกฉันกลับมาเพื่อให้ฉันเอาของนี่ไปให้ประธานเชี่ยนเนี่ยนะ?”
เธอชี้ไปที่ของบนพื้น
“มันเอาขึ้นเครื่องบินได้เหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่ได้ สมองเท่าเม็ดถั่ว?”
อาข่าทำหน้าเซ็ง สีหน้าบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า จะเล่นอะไรอีก?
“ฉันหาเครื่องบินส่วนตัวของคนไข้ไว้ให้แล้ว ถึงเวลาเขาจะไปส่งเธอเอง”
“ก็น่าจะบอกก่อน งั้นตอนนี้ฉันจะไปสนามบินแล้ว ประธานเชี่ยนแต่งงานพรุ่งนี้ ฉันอยากไปร่วมงานด้วย”