ซูจิ่นซียกยิ้มเย็นชา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราทั้งสองก็ไม่มีอันใดต้องคุยกันอีก จะมากไปวันหนึ่งหรือน้อยไปวันหนึ่ง ข้าก็รอได้”
ซูจิ่นซีพูดพลางหันหลังเดินออกไป
ฮองเฮารีบเดินตามซูจิ่นซีไปทันที นางพูดว่า “เมื่อไรข้าจะได้พบกับอวิ๋นเกอ? ”
ในเมื่อฮองเฮาไม่ยอมปฏิบัติด้วยความจริงใจ ซูจิ่นซีก็ไม่มีอันใดต้องพูดด้วย
ฮองเฮาสามารถปิดบังเรื่องต่างๆ ได้ ทำให้รบกวนจิตใจของนาง ซูจิ่นซีก็จะไม่ให้ฮองเฮาได้อยู่อย่างเป็นสุขเช่นกัน นางยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชาโดยไม่พูดอันใด ทำเพียงเดินผ่านฮองเฮาออกไป
ขณะที่ซูจิ่นซีกำลังจะเดินลับสายตา จู่ๆ นางก็พูดขึ้นเสียงดังว่า “จัดเตรียมที่พักให้กับฮองเฮาด้วย! ”
“พ่ะย่ะค่ะ! ” องครักษ์นายหนึ่งรีบรับคำ
หลังจากที่ซูจิ่นซีกลับไปยังเรือนพักของตน นางก็หยิบยาถอนพิษยันต์เป็นตายออกมาจากระบบถอนพิษ และมอบให้บ่าวรับใช้นำไปให้แม่นมเจิ้งกับแม่นมจู จากนั้นนางก็เริ่มหมกมุ่นอยู่กับอาคมกำไลปี่อั้น
ซูจิ่นซีได้ดอกปี่อั้นโลหิตดอกที่สามมาระยะหนึ่งแล้ว ทว่าอาคมกำไลปี่อั้นไม่มีท่าทีจะเพิ่มระดับเลย เมื่อไรจะเพิ่มระดับกัน? ยังมีระบบถอนพิษที่การเพิ่มระดับเป็นไปอย่างเชื่องช้า ทำให้นางร้อนใจยิ่งนัก ขณะที่ซูจิ่นซีกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็มีคนมาเคาะประตูอยู่ด้านนอก
“เข้ามา ประตูไม่ได้ใส่กลอน” ซูจิ่นซีซ่อนกำไลปี่อั้นไว้ในแขนเสื้อโดยไม่แสดงพิรุธใดๆ พลางหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน
ผู้ที่มาคือ แม่นมเจิ้ง
“พระชายา! ” แม่นมเจิ้งคำนับซูจิ่นซี
ขณะที่แม่นมเจิ้งเดินเข้ามา ระบบถอนพิษได้ตรวจพบพิษยันต์เป็นตายในร่างกายของนาง แสดงว่านางยังไม่ได้ทานยาถอนพิษ
ไม่รู้ว่าแม่นมเจิ้งหมายความว่าอย่างไร ซูจิ่นซีแสดงใบหน้าเรียบเฉย ไม่พูดอันใด รอให้แม่นมเจิ้งเอ่ยปากพูด
“พระชายา ค่อนชีวิตของบ่าวล้วนอยู่ภายในวัง บ่าวทำเรื่องโหดร้ายมากมาย ไม่เคยทำเรื่องดีอันใดเลย ในที่สุด บ่าวก็เพิ่งรู้ตัวว่าตนเองควรใช้ชีวิตเช่นไร บ่าวขอให้พระชายารับบ่าวไว้เป็นข้าทาสรับใช้อีกคน แต่นี้ต่อไป บ่าวจะจงรักภักดีต่อพระชายา ตอนมีชีวิตเป็นคนของพระชายา ตายไปก็เป็นทาสรับใช้พระชายา บ่าวปรารถนารับใช้ติดตามพระชายา พระชายาโปรดรับบ่าวเป็นข้าทาสรับใช้อีกคนด้วยเถิดเพคะ”
แม่นมเจิ้งพูดพร้อมกับคุกเข่าโขกศีรษะกับพื้นอย่างหนัก เสียงหน้าผากกระแทกพื้นหินดังก้องสะท้อนไปทั่วห้อง
แสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์จริงใจของแม่นมเจิ้ง
ซูจิ่นซีวางหนังสือที่อยู่ในมือลง พลางพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย “แม่นมเจิ้ง เจ้ากำลังทำอันใด? เหตุใดถึงพูดเช่นนี้ ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว ขอเพียงพวกเจ้านำตัวฮองเฮาออกมาจากพระราชวังได้ ข้าจะมอบอิสระให้กับพวกเจ้า แต่นี้ต่อไป กรมอาญาจะไม่สืบสวนความผิดของพวกเจ้าอีก นอกจากนั้น จวนโยวอ๋องก็ไม่ขาดบ่าวรับใช้ อีกทั้งบ่าวที่ท่านอ๋องมอบให้ข้าก็มีเพียงพอแล้ว”
แม่นมเจิ้งไม่มีท่าทีร้อนใจ นางเงยหน้ามองซูจิ่นซีด้วยแววตาเป็นประกาย “พระชายา บ่าวต้องการติดตามท่านจากใจจริง หากพระชายาไม่รับปากบ่าว ยาถอนพิษยันต์เป็นตายนี้ บ่าวก็ไม่ทานเพคะ”
ขณะที่พูดอยู่นั้น พิษยันต์เป็นตายก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง แม่นมเจิ้งเจ็บปวดจนคิ้วขมวด ทว่านางยังคงคุกเข่าตัวตรง อดทนต่อความเจ็บปวดอย่างสุดกำลัง ไม่ยอมร้องออกมา
แน่นอนว่า ซูจิ่นซีรับรู้ถึงความจงรักภักดีของแม่นมเจิ้ง
“แม่นมเจิ้ง เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? เจ้ากำลังบีบบังคับข้าอยู่ไม่ใช่หรือ? ”
ดวงตาของแม่นมเจิ้งมองซูจิ่นซีด้วยสายตาเป็นประกาย นางกัดริมฝีปาก หลังจากนั้นไม่นานก็พูดขึ้นว่า “ใช่เพคะ! ”
ท่าทางจริงจังเช่นนั้นทำให้ซูจิ่นซีอดขำไม่ได้
ความดื้อรั้นเช่นนี้ของแม่นมเจิ้ง ช่างเหมือนกับแม่นมฮวา ทว่าไม่เหมือนทั้งหมด
นางมีจิตใจโหดเหี้ยมกว่าแม่นมฮวามาก สิ่งนี้ได้มาจากการอยู่ข้างพระวรกายองค์ไทเฮามาหลายปี
หากใช้งานนางได้ถูกจุด ต่อไปคงเป็นประโยชน์ยิ่งนัก แต่หากใช้ไม่ถูกจุด ก็เหมือนมีระเบิดเวลาอยู่ข้างกาย
คนประเภทนี้ ความจริงแล้วอันตรายมาก
ซูจิ่นซีครุ่นคิด ดวงตาทั้งสองค่อยๆ เปล่งประกาย “แม่นมเจิ้ง เจ้าเองก็ต้องคิดให้ดีๆ หากวันนี้เจ้าไม่ดื่มยาถอนพิษยันต์เป็นตาย จากนี้ไปเจ้าจะไม่มีโอกาสได้ดื่มอีก ความเจ็บปวดขณะที่พิษยันต์เป็นตายกำเริบ เจ้าเองก็เคยสัมผัสมาแล้ว เจ้าอย่าคิดเสียใจภายหลังเล่า”
คำพูดของพระชายาหมายความว่าอย่างไร?
ดูเหมือนแม่นมเจิ้งจะจับจุดบางอย่างในคำพูดของซูจิ่นซีได้ ใบหน้าของนางปรากฏความดีใจ นางโขกศีรษะกับพื้นอย่างหนัก และพูดโดยไม่ไตร่ตรองอีกครั้งว่า “ขอบพระทัยพระชายา! ขอบพระทัยพระชายา! ขอเพียงพระชายารับบ่าวไว้ใช้งาน ต่อให้ไม่ถอนพิษยันต์เป็นตายไปตลอดชีวิต บ่าวก็ยินยอมเพคะ”
ซูจิ่นซีอดยกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจไม่ได้
แม่นมเจิ้งเป็นคนเฉลียวฉลาดผู้หนึ่ง ซูจิ่นซีไม่ได้เอ่ยปากว่าจะรับนางเป็นบ่าวรับใช้ เพียงพูดถึงเรื่องพิษยันต์เป็นตาย นางก็เข้าใจความหมายได้อย่างว่องไว แม่นมเจิ้งเป็นผู้ที่มีความสามารถจริงๆ
คนเก่งเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง ทว่าน่าเสียดาย เหมือนที่นางพูดไว้ นางสูญเสียเวลาไปกับการรับใช้ข้างพระวรกายองค์ไทเฮามาค่อนชีวิต
ซูจิ่นซีหยิบขวดยาออกมาจากแขนเสื้อหนึ่งขวด พลางยื่นยาเม็ดที่อยู่ในนั้นให้แม่นมเจิ้งและพูดว่า “ยาเม็ดนี้คือยาถอนพิษยันต์เป็นตายเช่นกัน ทว่าจะแตกต่างจากยาถอนพิษที่ข้ามอบให้พวกเจ้าก่อนหน้านี้ หลังจากทานยาเม็ดนี้ลงไป ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เจ้าจะต้องได้รับยาถอนพิษจากข้าหนึ่งเม็ด มิฉะนั้นเจ้าจะเจ็บปวดทุกข์ทรมานเหมือนตายทั้งเป็น เจ็บปวดมากกว่าการตายด้วยพิษยันต์เป็นตายสิบเท่า ร้อยเท่า แน่นอนว่าเจ้าสามารถเปลี่ยนใจได้ เพียงเจ้าดื่มยาถอนพิษยันต์เป็นตายที่อยู่กับเจ้าในตอนนี้ และคำพูดที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้ ข้าจะทำเป็นไม่ได้ยินอันใด เจ้าจะยังเป็นอิสระเหมือนที่ข้าเคยรับปากเจ้า”
“ฮ่า ฮ่า”
แม่นมเจิ้งแย้มยิ้มอย่างสุขใจ “พระชายา ท่านกำลังทดสอบบ่าวใช่หรือไม่? บ่าวพูดไว้แล้วว่าจะติดตามพระชายาไปตลอดชีวิต เหตุใดต้องเปลี่ยนใจเพคะ? ”
แม่นมเจิ้งพูดพลางหยิบยาเม็ดในมือของซูจิ่นซี และกลืนลงไปโดยไม่มีท่าทีลังเล เมื่อกินไปแล้วยังตั้งใจอ้าปากให้ซูจิ่นซีดู เพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเองไม่ได้แอบซ่อนยาไว้ใต้ลิ้น
จากนั้นก็หยิบยาถอนพิษยันต์เป็นตายที่อยู่กับตัวโยนทิ้งลงบนพื้น
ยาถอนพิษนั้นเป็นยาน้ำที่บรรจุอยู่ในขวดเล็กๆ เมื่อตกลงบนพื้นย่อมแตกละเอียด น้ำยาหกกระจายลงบนพื้น
นอกเสียจากจะได้รับยาถอนพิษจากซูจิ่นซีอีกครั้ง แม้แม่นมเจิ้งจะมีความสามารถเพียงใด ก็ไม่สามารถหายาถอนพิษได้อีกแล้ว
ความจงรักภักดีที่มุ่งมั่นเช่นนี้ ทำให้ซูจิ่นซีเกิดความประทับใจเป็นอย่างมาก
ซูจิ่นซีหรี่ตามองดวงตาทั้งสองของแม่นมเจิ้ง ผ่านไปครู่หนึ่งก็พูดว่า “ตั้งแต่นี้ต่อไป เจ้าติดตามฮูหยินปี้! ”
“เพคะ! พระชายา! ”
แม่นมเจิ้งโขกศีรษะอีกครั้ง นางแย้มยิ้มอย่างสุขใจให้ซูจิ่นซี
“เจ้าเรียนวิชาแพทย์กับฮูหยินปี้และอวี้เอ๋อร์ไปก่อน”
“พระชายาให้บ่าวเรียนวิชาแพทย์หรือเพคะ? ” แม่นมเจิ้ง ประหลาดใจเล็กน้อย
“ทำไม? เจ้าไม่เต็มใจหรือ? ” ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว
“เต็มใจ เต็มใจ เต็มใจแน่นอนเพคะ! เป็นพระคุณอย่างยิ่งเพคะ” แม่นมเจิ้งรีบพยักหน้าตอบรับ
เดิมทีนางคิดว่า การติดตามซูจิ่นซีก็เหมือนการติดตามไทเฮา เพียงทำงานยกน้ำชาและงานจิปาถะทั่วไป กลับไม่คิดว่า ซูจิ่นซีจะให้ฮูหยินปี้กับคุณชายน้อยอวี้สอนวิชาแพทย์ให้นาง
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ !
แท้จริงแล้ว ซูจิ่นซีต้องการให้แม่นมเจิ้งเรียนรู้อีกหลายสิ่ง และยังวางแผนอบรมนางหลายด้าน
ทว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกนาง