เล่ม 10 เล่มที่ 10 ตอนที่ 280 ไม่เผยให้เห็นภูเขาและน้ำค้าง

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

วันนี้มีทั้งผู้ที่มีความสุข ผู้ที่ไม่สบายใจ และผู้ที่สามารถควบคุมสถานการณ์ในที่ลับไว้ได้ทั้งหมด ทว่าไม่เผยให้เห็นภูเขาและน้ำค้าง [1]

ตัวอย่างเช่น แม่นมเจิ้งที่เพิ่งได้ติดตามซูจิ่นซี ฮองเฮาที่กำลังเป็นห่วงอวิ๋นเกอ และจอมวายร้ายไป๋เฉ่ากับมู่หรงฉีที่อยู่ในที่มืด

เรื่องพระศพของฮองเฮาหายไป ได้กระจายไปทั่ววังหลวง ผู้คนตำแหน่งน้อยใหญ่ในวังหลวงต่างสับสนโกลาหลเหมือนโจ๊กในหม้อ

องครักษ์เงาได้รายงานพฤติกรรมทุกอย่างของซูจิ่นซีที่เกี่ยวข้องกับแม่นมเจิ้งและฮองเฮาให้เยี่ยโยวเหยาอย่างละเอียดถี่ถ้วนทุกช่วงเวลา ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับไม่มีการตอบสนองใดๆ และไม่กระทำอันใด

ช่วงหัวค่ำ ฮูหยินปี้ได้เตรียมรถม้าขนาดใหญ่คันหนึ่งให้ซูจิ่นซี ซูจิ่นซีให้คนนำตัวฮองเฮาขึ้นรถม้า ส่วนนางก็ขึ้นตามไปด้วย สารถีขับรถม้ามุ่งหน้าออกนอกเมือง ไม่ว่าฮองเฮาจะซักถามกี่ครั้ง ซูจิ่นซีก็ไม่ปริปากพูดสักคำ นางไม่สนใจฮองเฮาแม้แต่น้อย

เมื่อท้องฟ้าใกล้มืด พวกนางก็เดินทางมาถึงตำบลผูหลิวนอกเมืองตี้จิง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ซูจิ่นซีได้นัดแนะกับหลี่ซื่อก่อนหน้านี้

ตามแผนก่อนหน้า วันนี้หลี่ซื่อควรจะพาหลวงจีนทุศีลมาด้วยตนเอง เนื่องจากบนลานประหาร เขาเพียงแสดงละครตบตาคนทั่วไปเท่านั้น คนที่ถูกประหารเป็นนักโทษอีกคนที่สลับตัวกับหลวงจีนทุศีล จากนั้นหลี่ซื่อจะพาตัวหลวงจีนทุศีลมาพบฮองเฮาที่นี่

หากคำนวณตามเวลา เวลาประหารคือ ยามอู่ซานเค่อ (เวลาปัจจุบันราว 12.45 น.) ในเมืองตี้จิงยังไม่มีข่าวอันใด หลี่ซื่อคงดำเนินการได้อย่างราบรื่น เวลานี้พวกเขาคงอยู่ระหว่างทางแล้ว

นางกับฮองเฮามาเร็วไป

ซูจิ่นซีนั่งจิบชาอยู่ในรถม้าด้วยท่าทีผ่อนคลายสบายใจ ฮองเฮาไม่รู้ว่าซูจิ่นซีต้องการจะทำอันใด นางจึงหลับตาลงด้วยท่าทีผ่อนคลายและงีบหลับไป

แม้ด้านนอกรถม้าจะหนาวเย็น ทว่าภายในรถม้ากลับอบอุ่นเพราะมีเตาไฟและน้ำร้อน

ในเมืองตี้จิง องครักษ์เงาเข้ามารายงานข่าวที่ซูจิ่นซีพาฮองเฮาออกนอกเมืองไปแล้วให้เยี่ยโยวเหยาทราบ ใบหน้าของเยี่ยโยวเหยายังคงบึ้งตึง เขากำชับให้องครักษ์เงาคอยสะกดรอยตามต่อไป

“ท่านอ๋อง! ”

องครักษ์เงาที่เยี่ยโยวเหยาสั่งให้ไปสืบหาข้อมูลของฮองเฮาที่กรมขุนนางปรากฏตัวขึ้น เขายื่นข้อมูลปึกใหญ่ให้เยี่ยโยวเหยา

เยี่ยโยวเหยาเปิดอ่านข้อมูลเหล่านั้น ทว่าดูข้อมูลด้านในไปได้ไม่เท่าไร เมื่อเห็นอักษรสามตัว ‘จงเหมยจวง’ เยี่ยโยวเหยาก็ปิดบันทึกข้อมูลนั้นทันที และเดินออกไปด้านนอกด้วยใบหน้าถมึงทึง

“เตรียมม้า! ”

องครักษ์รีบไปเตรียมม้าทันที องครักษ์เงาผู้นั้นเดินตามเยี่ยโยวเหยาไป พลางพูดว่า “ท่านอ๋อง ขณะที่กระหม่อมสืบข้อมูลของฮองเฮา ยังพบข้อมูลอีกเรื่องพ่ะย่ะค่ะ ในปีนั้น คนที่หายตัวไปจากแคว้นหนานหลีพร้อมกับจงซีจือและจงเหมยจวง ยังมีเสด็จอาเก้าแห่งแคว้นหนานหลี มู่หรงอวิ๋นเกออีกคนพ่ะย่ะค่ะ”

“มู่หรงอวิ๋นเกอหรือ? ” เยี่ยโยวเหยาขึ้นนั่งบนม้า ดวงตาดำขลับยากหยั่งถึงนั้น ยิ่งดูลึกลับมากขึ้นไปอีก

“กระหม่อมบังอาจคาดเดาว่า หลวงจีนทุศีลที่ลักลอบคบชู้กับฮองเฮา คือเสด็จอาเก้าแห่งแคว้นหนานหลี มู่หรงอวิ๋นเกอแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

จงซีจือ จงเหมยจวง และมู่หรงอวิ๋นเกอ…

เมื่อนำทั้งสามคนมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน เยี่ยโยวเหยาก็พลันนึกถึงหยกกิเลนและป้ายหยกที่มีตัวอักษร ‘จง’ ขึ้นมาทันที

“ไป! ”

เยี่ยโยวเหยายกแส้ในมือฟาดลงไปยังบั้นท้ายม้าอย่างรุนแรง

องครักษ์เงารู้อยู่แล้วว่าต้องไปสถานที่ใด จึงรีบติดตามเยี่ยโยวเหยาไปทันที

“ใต้เท้าหลี่ ท่านจะพาหลวงจีนอย่างข้าไปที่ใด? ” หลวงจีนทุศีลและหลี่ซื่อนั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกัน

“เร็วหน่อย เร็วหน่อย! ” หลี่ซื่อมองไปรอบๆ ด้วยใบหน้าตึงเครียด ปากก็พูดเร่งสารถี

หากวันนี้ไม่ใช่เพราะอนุของเขารั้งตัวไว้ เขาคงไม่ออกเดินทางช้าถึงเพียงนี้ ไม่แน่อาจนำหลวงจีนทุศีลส่งถึงมือพระชายาโยวอ๋องแล้ว ยามนี้พระชายาโยวอ๋องคงกังวลใจอยู่เป็นแน่ ไม่รู้ว่าพระชายาโยวอ๋องจะคิดมากหรือไม่

“ใต้เท้าหลี่ ท่านพูดสักหน่อยเถิด! ท่านรีบร้อนพาข้าไปที่ใด? ทั้งยังลงแรงทำทุกอย่าง เพื่อช่วยหลวงจีนอย่างข้าออกมาจากลานประหารอีก”

หลี่ซื่อยังไม่สนใจหลวงจีนทุศีล

หลวงจีนทุศีลรีบลุกขึ้นยืน ต้องการลงจากรถม้า

“เจ้าคิดจะทำอันใด? ” หลี่ซื่อคว้าตัวหลวงจีนทุศีลไว้

“กลับเมืองหลวงและยอมจำนนต่อคำตัดสิน! ทว่าใต้เท้าหลี่ ท่านปล่อยนักโทษอุกฉกรรจ์เป็นการส่วนตัว หากข้ากลับไปยอมจำนนต่อคำตัดสิน เจ้าคงไม่เหลือสิ่งใดแล้ว”

“เจ้านั่งลง ไม่ต้องไปที่ใดทั้งสิ้น! ”

“เหตุใดถึงไปไม่ได้? แม้เจ้าจะช่วยข้าออกมาจากลานประหาร ทว่ายามนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว ท่าทางของเจ้าดูเหมือนกำลังรีบร้อน ผู้ใดจะรู้ว่าหากข้าอยู่กับเจ้าจะเป็นหรือตาย”

หลี่ซื่อลำบากใจเล็กน้อย ทว่ายังกัดฟันพูด “ข้าบอกความจริงกับเจ้าก็ได้! คนที่ต้องการตัวเจ้าคือพระชายาโยวอ๋อง อีกสักครู่ เมื่อพบพระชายา เจ้าต้องการทราบสิ่งใด ก็ไปถามพระชายาโยวอ๋องด้วยตนเอง ข้าไม่รู้อันใดทั้งสิ้น”

เขาไม่รู้จริงๆ

เมื่อหลี่ซื่อพูดเช่นนี้ หลวงจีนทุศีลก็สงบลง

ความจริงแล้วเขาคาดเดาได้ว่า หลี่ซื่อคือผู้ที่ซูจิ่นซีส่งมา เมื่อครู่เขาเพียงต้องการคำตอบที่ชัดเจนจากปากของหลี่ซื่อเท่านั้น

หลวงจีนทุศีลอดมองหลี่ซื่อที่อยู่ด้านข้างไม่ได้ วิธีนี้ของพระชายาโยวอ๋องเป็นวิธีที่ดีจริงๆ คิดไม่ถึงว่า แม้แต่คนอย่างหลี่ซื่อยังใช้งานได้ ทั้งที่รู้ว่าตอนนี้กรมอาญาทั้งหมดล้วนเป็นคนของโยวอ๋อง หากไม่ระวังเรื่องนี่อาจถูกโยวอ๋องจับได้ นางใช้วิธีใดให้หลี่ซื่อช่วยเหลือนางด้วยความเต็มใจกัน?

หลวงจีนทุศีลมั่นใจว่า ซูจิ่นซีต้องไม่บอกความลับนี้ให้เยี่ยโยวเหยาอย่างแน่นอน

“ใต้เท้า ด้านหลัง… ด้านหลังดูเหมือนจะมีคนไล่ตามพวกเรา! ” คนขับรถม้าพูดอย่างกังวลใจ

มีคนไล่ตาม?

หลี่ซื่อรีบยื่นศีรษะออกไปดูนอกหน้าต่าง ท่ามกลางความมืด เขามองเห็นฝุ่นที่ฟุ้งกระจายจากม้าที่ตามมาด้านหลัง มีคนไล่ตามมาจริงๆ

และมีหลายคนด้วย!

ท่าทางเช่นนี้ ดูเหมือนแต่ละคนจะเป็นผู้มีวรยุทธ์

ผู้ที่เป็นผู้นำคือ…

หลี่ซื่ออดขยี้ตาดูให้ชัดๆ ไม่ได้ เหตุใดจึงรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก?

มองอยู่ครู่หนึ่งก็ยังดูไม่ชัดเจน หลี่ซื่อคว้าตัวของหลวงจีนทุศีลแล้วพูดว่า “เจ้าลองดูสิ ผู้ที่ขี่ม้านำมาคือโยวอ๋องหรือไม่”

หลวงจีนทุศีลยื่นศีรษะออกไปดูนอกหน้าต่าง ใบหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลงในทันที “แย่แล้ว สารถีรีบขับไป เร็วเข้า! ”

เป็นโยวอ๋องจริงๆ !

ถูกโยวอ๋องพบแล้ว!!

จบกัน!!!

ใบหน้าของหลี่ซื่อขาวซีด เขาทรุดตัวนั่งในรถม้าด้วยความสิ้นหวัง เส้นทางการเมืองทั้งชีวิตของเขานับได้ว่าจบสิ้นแล้ว ไม่เพียงแต่อนาคตทางการเมืองเท่านั้น กระทั่งชีวิตของคนตระกูลหลี่ก็จะถูกพาดพิงไปด้วย

ทว่าจุดจบของการหักหลังโยวอ๋องนั้นหนักหนายิ่งนัก

เมื่อเห็นคนเหล่านั้นที่อยู่ด้านหลังยิ่งเข้ามาใกล้พวกเขาเรื่อยๆ หลวงจีนทุศีลก็ร้อนใจราวกับมดที่อยู่ในหม้อร้อน สารถีขับรถม้าได้อย่างรวดเร็ว แต่เขากลับรู้สึกช้าราวกับเต่าเดิน สุดท้ายก็ตัดสินใจกระโดดไปแทนที่สารถี และขับรถม้าด้วยตนเอง

“ท่านอ๋อง ในรถม้าด้านหน้าเป็นพระชายาใช่หรือไม่? ” หัวหน้าองครักษ์เงาถาม

“ไล่ตามต่อไป! ” เยี่ยโยวเหยาพูดด้วยเสียงเย็นชา

“ไป! ”

หัวหน้าองครักษ์เงาโบกมือ องครักษ์เงาด้านหลังสิบกว่านายต่างวิ่งไปข้างหน้า ไล่ตามรถม้าไป

สิ่งที่องครักษ์เงาเชี่ยวชาญมากที่สุดคือวิชาตัวเบาที่รวดเร็ว เขาสามารถวิ่งได้เร็วกว่าม้า ไม่นานนักก็วิ่งเข้าใกล้รถม้าแล้ว

หลี่ซื่ออดยื่นหน้าออกไปมองด้านหลังไม่ได้ เมื่อเห็นว่าที่ด้านหลังมีจุดดำมากมาย ก็ตกใจกลัวยิ่งนัก เมื่อมองอย่างละเอียดก็ปรากฏเป็นภาพคนทีละคน ทีละคน หลี่ซื่อตกใจจนตัวสั่นเทา

“เร็ว พวกเขาตามมาแล้ว! ” หลี่ซื่อกระโดดออกไปขับรถม้าพร้อมกับหลวงจีนทุศีล

ทว่าเขาไม่ออกมายังดีเสียกว่า พอออกมาแล้ว เดิมทีม้าที่วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดก็เกิดตกใจขึ้นมา ทันใดนั้นก็มีเสียงครืดดังลากยาว คาดไม่ถึงว่ารถม้าจะวิ่งไปยังหน้าผาด้านข้าง

เหล่าองครักษ์เงาที่อยู่ข้างหลังคิดจะขัดขวาง ทว่าไม่ทันเสียแล้ว ม้าตัวนั้นตกลงไปในหน้าผาทั้งตัว จากนั้นรถม้าก็ถูกลากลงไปด้วย

เยี่ยโยวเหยาไล่ตามมาอย่างรีบเร่ง โดยไม่รู้ว่าคนในรถม้าไม่ใช่ซูจิ่นซี สีหน้าพลันเปลี่ยนไปอย่างมาก

……

เชิงอรรถ

[1] ไม่เผยให้เห็นภูเขาและน้ำค้าง เป็นคำพังเพยของจีน หมายถึง ปกปิดความสามารถของตนเอง แสดงความถ่อมตน ทำอันใดเจียมเนื้อเจียมตัว กล่าวคือ ไม่แสดงจุดแข็งให้ชัดเจน แท้จริงแล้ว ไม่ได้ขาดพรสวรรค์ เพียงแต่ไม่เปิดเผยชื่อเสียงและโชคลาภออกมาให้เห็นเท่านั้น