บทที่ 206 ช่วยเหลือ ผู้ลงมือคือ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 206 ช่วยเหลือ ผู้ลงมือคือ
นางไม่ได้เป็นอะไรกับเสด็จอาเก้าสักหน่อย อีกอย่างต่อให้นางเป็นอะไรกับเสด็จอาเก้าจริงๆ แล้วอย่างไรเล่า ในตอนนั้นองค์จักรพรรดิใช้ความเป็นความตายของตงหลิงจื่อลั่วมาจัดการกับเสด็จอาเก้า บัดนี้เสด็จอาเก้าคิดจะจัดการนาง ในสายตาของราชวงศ์ล้วนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ
ในเวลานี้ นางไม่ได้คิดจะหาวิธีจัดการ แต่กลับจมอยู่ในความโศกเศร้าที่ถูกเสด็จอาเก้าหลอกใช้ นางช่างโง่เง่าสิ้นดี
หากเจอคนของเสด็จอาเกาที่ตีนเขาก็คงดี ดูจากปฏิกิริยาของพวกเขาแล้วก็รู้ได้ว่าเสด็จอาเก้าจะไม่ฆ่านาง แต่หากเจอเข้ากับคนอื่นๆ เล่า นางจะยังคงโชคดีเช่นนี้ไหม? ดังนั้น หากจะพึ่งพาคนอื่น สู้พึ่งพาตนเองไม่ดีกว่า
ใช้โอกาสจากการที่หนานหลิงจิ่นฝานหลบหนี เฟิ่งชิงเฉินหยิบอาวุธที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อออกมา นางกำลังนึกอยู่ในใจว่าจะต้องหาโอกาสแอบยิงหนานหลิงจิ่นฝานให้ได้ สำหรับข้อตกลงก่อนหน้านี้กับหนานหลิงจิ่นฝานน่ะหรือ
ล้อเล่นหรือไร? ข้อตกลงเช่นนั้นทั้งนางและหนานหลิงจิ่นฝานล้วนไม่เชื่อ หากเชื่อล่ะก็คงจะโง่เง่าเป็นแท้
อีกอย่าง นางพอจะมองออกว่าหนานหลิงจิ่นฝานมีความคล้ายคลึงกับโจวสิง คนอื่นก็มองออกเช่นกัน การที่หนานหลิงจิ่นฝานยังอยู่ที่นี่ เห็นได้ชัดว่าเป็นหายนะอย่างแน่นอน ต่อให้เขาไม่ตายก็ต้องให้เขาส่งกลับไปที่หนานหลิง
สิ่งแรกที่นางกลับไปถึงแล้วจะทำก็คือจัดการกับโจวสิงเสีย บุคคลเช่นนี้นางไม่อาจรับเอาไว้ใช้ได้
หลังจากเรื่องของโจวสิง นางจึงได้เข้าใจว่าไม่ควรเอาความรู้สึกมาใช้เล่นๆ พวกบรรดาขายตนเพื่อนำเงินไปฝังบิดาอะไรเหล่านั้นไม่ใช่ว่านางจะซื้อมาได้สุ่มสี่สุ่มห้า มิเช่นนั้นคงจะสร้างปัญหาให้ตนเองไม่น้อย
หนานหลิงจิ่นฝานไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินฟื้นจากการโจมตีของเสด็จอาเก้าแล้ว ดังนั้นท่าทางการป้องกันเฟิ่งชิงเฉินของเขาจึงค่อนข้างอ่อนลง หรือบางทีอาจกล่าวได้ว่า ชายในโลกนี้โดยมากมักจะเห็นว่าสตรีอ่อนแอ คิดว่าเหล่าสตรีนั้นกระทำการใดๆ เพียงด้วยความรู้สึก
หลังจากเรื่องของโจวสิง นางจึงได้เข้าใจว่าไม่ควรเอาความรู้สึกมาใช้เล่นๆ พวกบรรดาขายตนเพื่อนำเงินไปฝังบิดาอะไรเหล่านั้นไม่ใช่ว่านางจะซื้อมาได้สุ่มสี่สุ่มห้า มิเช่นนั้นคงจะสร้างปัญหาให้ตนเองไม่น้อย
เพื่อหนีการล้อมของทหารตงหลิง หนานหลิงจิ่นฝานจึงรีบวิ่งเข้าไปในป่าลึกอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่รู้ว่าสัตว์ร้ายในป่านั้น ตกใจหรือเป็นเพราะหนานหลิงจิ่นฝานโชคดีกันแน่ เพราะเขาไม่พบเข้ากับสัตว์ร้ายใดๆ เลย
ท้องฟ้ามืดครึ้มลงเรื่อยๆ เฟิ่งชิงเฉินไม่กล้าอยู่ในป่าเพียงลำพัง เนื่องจากเกรงว่าจะเจอเข้ากับฝูงสัตว์ร้าย เมื่อถึงเวลานั้นแม้นางจะมีปืนสำหรับป้องกันตัว แต่ก็ไม่แน่ว่าจะจัดการได้ดีหรือไม่เป็นการดีที่จะมีคนมาอยู่เป็นเพื่อน
อีกอย่าง บัดนี้ยังไม่พ้นขีดอันตราย หนานหลิงจิ่นฝานก็คงจะไม่ฆ่านาง ทั้งสองคนลากกันไปเช่นนั้นจนกระทั่งรุ่งสาง ความมืดถูกบดบัง ท้องฟ้าค่อยๆ สว่างไสว เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าหากไม่จัดการเจ้าหมอนี่คงไม่ได้แล้ว
สาม……
สอง……
หนึ่ง……
เฟิ่งชิงเฉินแอบนับเวลาถอยหลังอยู่ในใจที่จะลงมือ แต่ทันใดนั้นหนานหลิงจิ่นฝานก็ดึงบังเหียนม้าหยุดลง เฟิ่งชิงเฉินตกใจรีบเก็บมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แววตาแฝงถึงความกังวลแวบเข้ามา
หนานหลิงจิ่นฝานรู้ตัวแล้วหรือ?
“ผู้ใด ออกมา!” หนานหลิงจิ่นฝานตะโกนเข้าไปในป่าเขาแล้วดึงดาบออกมา เนื่องจากไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด หนานหลิงจิ่นฝานเองก็ไม่ได้วางกระบี่ไว้ที่คอของเฟิ่งชิงเฉิน
ฟู่…… เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจออกมา
ท่ามกลางความเงียบสงบ เมื่อเฟิ่งชิงเฉินคิดไปว่าหนานหลิงจิ่นฝานคงคิดมากไปเอง ทันใดนั้นก็มีเงาสีดำร่วงลงมาจากต้นไม้ พุ่งเข้ามาดูดเหมือนวิหก ดาบยาวพุ่งออกไปปัดมีดในมือของหนานหลิงจิ่นฝานออก แล้วเอื้อมมือไปคว้าเฟิ่งชิงเฉินซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขามา
ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกิน ทั้งหนานหลิงจิ่นฝานและเฟิ่งชิงเฉินล้วนยังไม่ได้สติกลับคืนมา
ผู้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏกายขึ้นคือใครกัน……
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าถูกคนอุ้มขึ้นมา จากนั้นนางก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น ตัวนางหมุนไปรอบๆ แล้วถูกวางลงที่พื้น ขณะที่กำลังจะเงยหน้ามองดูว่าผู้ใดกันที่มาช่วยตน หนานหลิงจิ่นฝานก็ได้บังคับม้าตรงเข้ามา
“หลานจิ่วชิง คาดไม่ถึงว่าข้าจะได้เจอเจ้าที่นี่ มีข่าวลือจากโลกภายนอกว่าเจ้าเข้ามาแทรกแซงเรื่องราวในตงหลิงครั้งแล้วครั้งเล่าเพียงเพื่อเฟิ่งชิงเฉิน คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง”
หลานจิ่วชิง?
เหตุใดจึงเป็นเขา?
เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้ามองดู เนื่องจากความสูงจึงทำให้เห็นเพียงข้างของชายหนุ่ม และหน้ากากเงินเพียงครึ่งเดียวบนใบหน้าของเขา
หลานจิ่วชิง เป็นเขาได้อย่างไร เหตุใดเขาจึงมาช่วยตน?
เป็นเรื่องบังเอิญหรือ? ซึ่งผู้ที่มีความสามารถระดับสูงในยุทธจักรบังเอิญผ่านมาที่นี่ เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโลกนี้มีความบังเอิญเช่นนี้อยู่
“มีข่าวลือว่าองค์ชายสามแห่งหนานหลิงรูปงามสง่าที่สุดในโลก เป็นความจริงดังนั้น” หลานจิ่วชิงอุ้มเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้แล้วหันไปทางด้านข้างเล็กน้อย เขาหลีกทางให้หนานหลิงจิ่นฝาน เป็นความหมายว่าเขาเพียงต้องการจะช่วยนาง ไม่ต้องการที่จะต่อสู้ด้วย
หนานหลิงจิ่นฝานเดิมทีก็ไม่ต้องการที่จะต่อกรกับหลานจิ่วชิง การที่เขาใช้เฟิ่งชิงเฉินดึงดูดให้หลานจิ่วชิงออกมาได้ ก็ทำให้หนานหลิงจิ่นฝานรู้สึกดีมากแล้ว อย่างน้อยเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปเสียทีเดียว
“จอมยุทธหลานเอ่ยชมเกินไปแล้ว จิ่นฝานชื่นชมจอมยุทธหลานมาเป็นเวลาช้านาน ในวันนี้ที่ได้พบเข้ากับจอมยุทธหลานนับว่าเป็นโชคดีของจิ่นฝานจริงๆ จิ่นฝานหวังมาตลอดว่าจะได้ร่วมงานกับจอมยุทธหลาน ไม่รู้ว่าตำแหน่งจอมทัพขุนนางขั้นเอกระดับสอง จอมยุทธหลานสนใจหรือไม่?” หนานหลิงจิ่นฝานเผยถึงความจริงใจออกมาและเอ่ยเชิญหลานจิ่วชิง
ทหารนับพันคนหาง่ายกว่านายพลคนหนึ่ง หลานจิ่วชิงเป็นผู้มีความสามารถและมีพรสวรรค์ในการเป็นนายพล เป็นผู้ที่ทุกประเทศล้วนต้องการจะดึงเข้ามาร่วมงานด้วย น่าเสียดายเหลือเกินที่เขาไม่ยอมทำงานให้กับผู้ใด
“ขอบคุณความรักและเคารพขององค์ชายสามยิ่งนัก จิ่วชิงเป็นพวกที่รักอิสระดุจดั่งกระเรียนป่า คงไม่อาจรับได้กับการถูกกักขัง อีกอย่างข้าเป็นคนตงหลิง องค์ชายสามจะใช้ข้าได้อย่างวางใจหรือ” เนื่องจากมีหน้ากากที่กั้นเอาไว้ จึงไม่มีผู้ใดมอง เห็นความเยาะเย้ยภายใต้หน้ากากนี้ของเขา
แม้จะกล่าวว่าอำนาจบนโลกเมื่อแตกแยกกันไปนานท้ายที่สุดแล้วก็จะรวมกัน และเมื่อรวมกันนานแล้วท้ายที่สุดก็จะต้องแยกจาก แต่นี่เพิ่งจะแยกออกไปเหตุใดจึงคิดจะร่วมเป็นหนึ่งอีก แต่ละคนล้วนมีความฝันที่จะรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง แต่กลับไม่มีใครดูว่าตนมีความสามารถนั้นหรือไม่
“ใช้คนอย่าระแวง คนระแวงอย่าใช้ จอมยุทธหลานลองครุ่นคิดดูอีกทีเถิด แม้ท่านจะเป็นคนตงหลิง แต่ก็ร่อนเร่ไปทั่วยุทธจักร ท่านเป็นอิสระไม่ใช่ขุนนางในตงหลิง”
“อีกอย่าง จอมยุทธหลานคงจะเข้าใจสถานการณ์ในราชวงศ์ของตงหลิงดี ความสามารถในการควบคุมของจักรพรรดิตงหลิงค่อนข้างอ่อนแอ นายพลแม่ทัพผู้มีชื่อเสียงในตงหลิงมากมายนัก ไม่มีพื้นที่พอที่จะให้ท่านได้แสดงความสามารถของตนเอง ทว่าที่หนานหลิงกลับแตกต่างออกไป หนานหลิงต้องการผู้มีความสามารถเช่นท่าน” หนานหลิงจิ่นฝานต้อนรับเขาจากใจจริง
เขารู้ดีว่าผู้ที่ร่อนเร่พเนจรเช่นจอมยุทธหลาน หลานจิ่วชิงนี้ หากวันใดที่สามารถใช้เขาได้ เขาก็จะไม่เปลี่ยนใจอย่างแน่นอน น่าเสียดายเหลือเกินที่ความคิดนั้นมักจะสวยงาม แต่ความเป็นจริงช่างโหดร้าย หลานจิ่วชิงจะไม่ยอมรับใช้เขาอย่างแน่นอน
“ขอบคุณสำหรับความมีเมตตาขององค์ชายสาม บัดนี้ข้าไม่มีแผนที่จะรับใช้ผู้ใด” หลานจิ่วชิงปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
ขณะเดียวกันก็ได้เอ่ยเตือนด้วยความหวังดีว่า “องค์ชายสามบัดนี้ท้องฟ้าสว่างขึ้นแล้ว ในมือของท่านไม่มีเครื่องรางคุ้มกัน หากยังไม่รีบไปอาจจะสายเกิน”
เมื่อถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า สีหน้าของหหนานหลิงจิ่นฝานจึงไม่น่ามองนัก ในเมื่อไม่อาจนำมาเป็นผู้รับใช้ฝ่ายตนได้ เช่นนั้นก็คงจะต้องฆ่า แต่เมื่อลองประเมินความแข็งแกร่งของตนและหลานจิ่วชิงดู หนานหลิงจิ่นฝานพบว่าหากพวกเขาลงมือต่อสู้กัน ตัวเขาไม่อาจจะชนะได้เลย
บัดนี้เฟิ่งชิงเฉินอยู่ในมือของอีกฝ่าย เขาเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแย่งนางกลับมา มองดูแล้วในวันนี้เขาคงเป็นผู้เสียเปรียบอย่างแน่นอน ท้องฟ้าใกล้จะสว่างแล้วจริงๆ ถ้าเขายังไม่เดินทางไปอีกก็คงไม่ได้
“จอมยุทธหลาน คำสัญญาของข้านี้จะส่งผลตลอดไป ประตูใหญ่ของหนานหลิงยังคงเปิดรอเพื่อจอมยุทธหลานเสมอ”
หนานหลิงจิ่นฝานยังคงไม่ยอมแพ้และกล่าวกับหลานจิ่วชิง เขาไม่ได้ตัวหลานจิ่วชิงไป แต่ขณะเดียวกันก็ไม่โกรธ เขาเหลือบมองไปทางเฟิ่งชิงเฉินแล้วเย้ยหยันว่า “เฟิ่งชิงเฉิน เราจะได้พบกันอีกแน่นอน หวังว่าครั้งหน้าเจ้าจะไม่โชคดีเช่นนี้”
เมื่อกล่าวจบ หนานหลิงจิ่นฝานก็ยกแส้ขึ้นฟาดและควบม้าออกไป