บทที่ 207 กลับเมือง สภาพน่าสมเพช

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 207 กลับเมือง สภาพน่าสมเพช
“ครั้งหน้าข้าจะโชคดีแบบนี้หรือไม่ไม่รู้ แต่ข้ารู้แน่ๆ ก็คือในตอนนี้เจ้าไม่ได้โชคดีเช่นนั้น” เมื่อหนานหลิงจิ่นฝานหันหลังจากไป เฟิ่งชิงเฉินก็ผละออกจากอ้อมแขนของหลานจิ่วชิง แล้วใช้ปืนจ่อไปที่เขา
เสียงดัง “ปัง” กระสุนก็พุ่งตรงออกมา
หนานหลิงจิ่นฝานได้ยินเสียงถึงความเคลื่อนไหวด้านหลัง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที แต่ว่าเขาประเมินความรวดเร็วของลูกกระสุนต่ำไป กระสุนปืนพุ่งทะลุไหล่ของเขา ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาทันที
“นี่คืออาวุธอะไร?” เมื่อเนื้อบริเวณบ่าถูกทำร้ายบาดเจ็บเสียจนเผยถึงกระดูกออกมา เขาและเฟิ่งชิงเฉินที่ยืนห่างกันกว่าหนึ่งร้อยเมตร กลับได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้
หนานหลิงจิ่นฝานหันหลังกลับไปดู และพบว่าอาวุธนั้นจู่โจมมาอีกครั้ง ข้อมือของเขาเอื้อมไปหยิบมีดดาบมาปัดป้องอย่างรวดเร็ว แต่คาดไม่ถึงว่าเจ้าจุดดำๆ เล็กๆ นั้นจะพุ่งผ่านมีดดาบมาได้
น่าอัศจรรย์!
สีหน้าของหนานหลิงจิ่นฝานดูไม่น่ามองมากขึ้นเรื่อยๆ เขาค่อนข้างจะแน่ใจว่าผู้ที่ใช้อาวุธลับนี้คือเฟิ่งชิงเฉิน แต่หากว่าเฟิ่งชิงเฉินมีอาวุธลับที่อัศจรรย์เช่นนี้ เหตุใดจึงไม่ใช้มันก่อนหน้า?
ไม่สิ…… เขาโยนเฟิ่งชิงเฉินลงไปในน้ำแล้ว ในร่างกายของนางไม่น่าจะมีอาวุธใดซ่อนอยู่ แล้วเฟิ่งชิงเฉินมีอาวุธลับได้อย่างไร? หลานจิ่วชิงให้นางหรือ? ไม่น่าใช่ หลานจิ่วชิงจะฆ่าเขาไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธลับเลยด้วยซ้ำ
ในชั่วพริบตา หนานหลิงจิ่นฝานคิดถึงสิ่งที่เป็นไปได้ทุกรูปแบบ แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อาวุธลับนั้นของเฟิ่งชิงเฉินเป็นไปมาอย่างไร
เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินชี้อาวุธลับนั้นไปที่เขาอีกครั้ง หนานหลิงจิ่นฝานก็รู้ดีว่าในวันนี้เขาคงจะสู้ไม่ได้ จึงทำได้เพียงล้มลุกคลุกคลานกัดฟันกุมบาดแผลวิ่งหนีไป
“เฟิ่งชิงเฉิน บัญชีนี้ข้าจะชำระกับเจ้าในภายหลัง!”
“ย่ะ……!”
เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่ไหล่แล้วรีบขี่ม้าวิ่งหนีไปทันที……
“วิ่งเร็วดีนี่” เฟิ่งชิงเฉินยังไม่ทันยิงกระสุนปืนนัดที่สามออกไป หนานหลิงจิ่นฝานก็ควบม้าหนีไปอย่างรวดเร็วโดยไม่เห็นแม้แต่เงา
“หลานจิ่วชิง ขอบใจเจ้ามาก” เมื่อรู้ว่าคนที่มาช่วยนางคือหลานจิ่วชิง นางก็ไม่รู้ว่าจะประหลาดใจหรือผิดหวังดี
แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีใครมาช่วย
“ก็แค่ทางผ่านเท่านั้น ถือว่าเจ้าโชคดี ในครานี้เจ้าติดหนี้ชีวิตข้าอีกแล้ว จะเอาอะไรมาชดเชยกัน?” เมื่อมองไปยังเสื้อผ้าที่เฟิ่งชิงเฉินสวมใส่ซึ่งมันดูบางเบากว่าผักกาดเสียอีก ความเย็นวาบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลานจิ่วชิง จากนั้นเมื่อเห็นคอของนางมีรอยถูกบีบ ความหนาวเย็นนั้นก็ทวีแรงขึ้น
“ฮัดเช่ย……!”
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกถึงความหนาวเหน็บ เสื้อผ้าที่นางสวมใส่อยู่นั้นยังไม่แห้ง ประกอบกับความหนาวจากภายนอก ทำให้เฟิ่งชิงเฉินเอามือกอดอกแล้วสัมผัสไปที่แขนทั้งสองข้างของตนเพื่อทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้น
“เมื่อครั้งที่แล้วเจ้าบอกว่าอยากให้ข้าช่วยชีวิตใครสักคนไม่ใช่หรือ เอาตามนั้นได้หรือไม่?” นางไม่อยากทำเหมือนครั้งที่แล้วที่สั่งให้นางไปฆ่าคน
เนื่องจากอาชีพของนาง อาจจะทำให้นางมีทัศนคติต่อกฎหมายค่อนข้างจะอ่อนแอ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่านางจะชื่นชอบฆ่าใคร นางไม่เคยคิดจะฆ่าผู้ใดก่อน
“นอกเสียจากนี้เจ้ายังทำอะไรเป็นอีกเล่า?” หลานจิ่วชิงมองไปยังท่าทางอันน่าสงสารของเฟิ่งชิงเฉิน หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ เขาก็ปลดเสื้อคลุมของตนออกคลุมเอาไว้
หากว่าเป็นหวัดขึ้นมาก็คงจะแย่ ท้ายที่สุดแล้วหลานจิ่วชิงก็ยังคงไม่ยอมรับว่าเขาไม่อยากให้ผู้ชายคนอื่น เห็นสภาพเช่นนี้ของเฟิ่งชิงเฉิน
“ขอบใจ” มองไม่ออกว่าผู้ชายคนนี้ภายนอกดูเยือกเย็น แต่ภายในนั้นช่างอบอุ่น เฟิ่งชิงเฉินผูกเชือกที่เสื้อคลุมของเขาแล้วทำเป็นชุดคลุม
แต่เมื่อถอดเสื้อคลุมออก เฟิ่งชิงเฉินจึงได้เห็นรอยเลือดที่แขนข้างซ้ายของหลานจิ่วชิง “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ บาดเจ็บร้ายแรงหรือไม่ ให้ข้าช่วยตรวจดูอาการเจ้าสักหน่อย”
เฟิ่งชิงเฉินก้าวไปด้านหน้าเพื่อต้องการจะดูบาดแผลของหลานจิ่วชิง แต่กลับถูกหลานจิ่วชิงรั้งเอาไว้แล้วปฏิเสธหลีกเลี่ยง “ไม่ต้องหรอก เพียงแค่บาดเจ็บเล็กน้อย ข้าจะพาเจ้ากลับเมือง”
ท่าทางของหลานจิ่วชิงปฏิเสธได้อย่างเด็ดขาด
หากไม่ใช่เพราะใช้แรงฉุดกระชากนางมาจากมือของหนานหลิงจิ่นฝาน บาดแผลนี้จะเปิดออกได้อย่างไร
“หากไม่รักษาบาดแผลอาจจะติดเชื้อได้” เฟิ่งชิงเฉินไม่ใส่ใจกับการปฏิเสธอันห่างเหินของหลานจิ่วชิง สำหรับนางแล้ว หลานจิ่วชิงเป็นเพียงคนที่นางรู้จักโดยบังเอิญเท่านั้น ท่าทางของชายหนุ่มผู้นี้เป็นเช่นไร ไม่ได้ส่งผลอันใดกับความรู้สึกของนางเลย
ติดเชื้อ? คืออะไรกัน
หลานจิ่วชิงพบว่าในตัวเฟิ่งชิงเฉินมีความลึกลับมากเพิ่มขึ้น เมื่อมองดูท่าทางอันสงบนิ่งของเฟิ่งชิงเฉิน หลานจิ่วชิงจึงไม่ได้เอ่ยปากถาม แต่ดวงตาแฝงถึงความสงสัย ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
“บาดแผลของข้าไม่จำเป็นให้เจ้ามาดูแล กลับเข้าไปในเมืองก่อน” หลานจิ่วชิงไม่ให้โอกาสเฟิ่งชิงเฉิน และเข้ามารั้งนางเอาไว้ คว้าเอวของนางอุ้มขึ้น
“โอ้ย……” เฟิ่งชิงเฉินเจ็บเสียจนกัดฟันกรอด ที่เอวของนางถูกหนานหลิงจิ่นฝานทำร้ายเสียจนเขียวม่วง เมื่อหลานจิ่วชิงสัมผัสเข้าจึงทำให้นางรู้สึกปวดร้าว
“เป็นอะไร?”
“หนานหลิงจิ่นฝานกุมตัวข้าเอาไว้แน่นไปหน่อย จึงทำให้มีรอยฟกช้ำที่เอว” ที่จริงแล้วมันมากกว่ารอยฟกช้ำ แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้กล่าวออกมา
หลานจิ่วชิงวางมือของเขาลงอย่างรวดเร็ว ความว่องไวก็ลดลง “ครั้งหน้าระวังหน่อย หนานหลิงจิ่นฝานคนผู้นี้มองไปแม้จะหน้าตาดี แต่นิสัยของเขาชั่วร้ายกดขี่ข่มเหงผู้อื่น เจ้าต้องอยู่ห่างจากเขาหน่อย”
หากว่าตกลงไปอยู่ในมือของหนานหลิงจิ่นฝานและไม่ได้รับบาดเจ็บใดจึงจะแปลก
“เจ้าคิดว่าข้าเต็มใจหรือ?” คนเช่นนี้นางไม่อยากเจออีกเลยในชีวิต แต่โชคชะตาไม่สามารถกำหนดเองได้ เมื่อกล่าวถึงส่วนนี้เฟิ่งชิงเฉินก็ทำท่าทางหดหู่
นี่มันอะไรกัน
หลานจิ่วชิงไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา การเคลื่อนไหวของเขาที่อุ้มเฟิ่งชิงเฉินนั้นอ่อนโยนลงไม่น้อย
เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ จึงฝากความหวังไว้กับอนาคตได้เท่านั้น
เมื่อหลานจิ่วชิงและเฟิ่งชิงเฉินเดินทางมาถึง ประตูเมืองยังไม่เปิดออก คนด้านนอกเมืองมีไม่กี่คน หลานจิ่วชิงจึงได้วางเฟิ่งชิงเฉินลงไว้ในป่าเล็กๆ ด้านนอกเมือง
“เข้าเข้าไปในเมืองเองนะ”
“ขอบใจเจ้ามาก เอ้านี่ เสื้อของเจ้า” เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าเหตุใดหลานจิ่วชิงจึงต้องช่วยตน แต่ก็รู้สึกขอบใจชายผู้นี้จากใจจริง
แม้ว่าไม่มีเขานางก็สามารถหนีออกมาจากน้ำมือของหนานหลิงจิ่นฝานได้ แต่ถึงอย่างไรก็คงจะสาหัส เพราะไม่รู้ว่าในหุบเขาเช่นนั้นต้องพบอันตรายอะไรบ้าง
” ไม่ต้องหรอก เจ้าเก็บเอาไว้เถิด” ด้านในของเขายังสวมเสื้อผ้าสีเข้มอยู่จึงทำให้มองไม่ชัด
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่เกรงใจแล้วนะ การที่ได้รับความช่วยเหลือจากท่านจอมยุทธหลาน ชิงเฉินรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ที่เคยสัญญาว่าจะช่วยท่านจอมยุทธในการช่วยชีวิตใครคนหนึ่งยังคงไม่เปลี่ยนแปลง อีกอย่างเพียงแค่ท่านจอมยุทธมีเรื่องใดที่ชิงเฉินชานประโยชน์ช่วยได้จงกล่าวออกมาเถิด” ก่อนหน้านี้ในป่าอารมณ์โกรธของนางยังไม่ลดลง บัดนี้อารมณ์สงบลงแล้วเฟิ่งชิงเฉินชื่อได้กล่าวขึ้นอีกครั้ง
บุญคุณต้องทดแทน ครั้งหน้าหากพบเข้ากับอันตรายแล้วหลานจิ่วชิงเห็นขึ้น บางทีเขาอาจจะช่วยเฟิ่งชิงเฉินก็ได้
การที่นางก็ไปพัวพันกับเรื่องการเมืองอันแปลกประหลาดนี้ ต้องพบกับอันตรายไม่น้อย
“ข้าไม่เกรงใจเจ้าหรอกนะ และดูแลชีวิตน้อยๆ ของเจ้าไว้ให้ดี หากเจ้าตายไปข้าคงจะเสียเปรียบ” หลานจิ่วชิงหันหลัง กลับไป ร่างของเขาหายเข้าไปกลางป่า
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมาเบาๆ ที่แท้ผู้ชายคนนี้ก็ล้อเล่นเป็นเหมือนกัน
“หลานจิ่วชิง เจ้าวางใจเถิด เจ้าจะไม่ขาดทุนแน่ๆ เพราะข้าจะใช้ชีวิตให้ดีทีเดียว”
เฟิ่งชิงเฉินใช้เสื้อของหลานจิ่วชิงคลุมเอาไว้แน่นหนา ก่อนจะเดินอย่างช้าๆ ไปที่กำแพงประตูเมือง
เหตุใดภาพนี้จึงคุณหนักหนา หากข้างกายมีบ่าวรับใช้อีกคนหนึ่งล่ะก็ ในวันนี้ไม่ต่างอันใดกับวันที่นางแต่งงานเลย
เพียงแต่ครั้งที่แล้วเต็มไปด้วยความกังวล แล้วครั้งนี้เล่า……
นางไม่มีอะไรต้องกังวลเลยจริงๆ เมื่อเดินมาถึงที่นี่แล้วก็ไม่มีอะไรอันตรายอีกต่อไป ต่อให้เป็นอันตรายก็คงจะเป็นผู้อื่น
เสด็จอาเก้าและตี๋ตงหมิง นางไม่อาจจะแตะต้องได้ แต่คนของจิ้นหยางโหวจะต้องจัดการสักหน่อย ใครใช้ให้จิ้นหยางโหวเป็นผู้ที่ก่อเรื่องนี้ขึ้นมาเล่า
เฟิ่งชิงเฉินเดินไปพลางคิดหาวิธีว่าจะจัดการกรีดเลือดเนื้อของจิ้นหยางโหวเช่นไร ทางที่ดีเรื่องนี้ควรจะเชื่อมโยงไปที่ตัวของตี๋ตงหมิง ทำให้จี๋ตงหมิงและจิ้นหยางโหวเกิดความแตกร้าวกัน
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเดินตรงเข้าไปที่ทางเข้า บัดนี้ด้านหน้าเมืองมีคนรออยู่มากแล้ว สภาพของเฟิ่งชิงเฉินที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง ด้านนอกมีเสื้อคลุมของชายหนุ่ม ท่าทางนี้ค่อนข้างสะดุดตา เมื่อนางปรากฏตัวขึ้นก็ถูกสายตาของพวกเขาหันมาจับจ้อง