ในช่วงเวลานี้ ณ สำนักงานใหญ่ของรัฐบาลโลก

เซี่ยปิงติดตามกู่ชีไหลมาถึงที่ห้องโถงอย่างรวดเร็ว ที่นี่มีราชันมนุษย์จำนวนมากรวมถึงราชันไร้เทียมทานซุนหยางเต๋า หลิวอู๋มิ่งและคนอื่นๆ

นอกจากนี้ก็ยังมีราชันปีศาจของทั้งเผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์ปีศาจใต้ท้องทะเลที่ปรากฏตัวอยู่ที่นี่เช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างก็ตกใจกับข่าวการกลับมาของเซี่ยปิง ต้องการที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ท่านผู้นำทุกๆคน”

เซี่ยปิงกล่าวทักทายราชันส่วนใหญ่ เขาก็สังเกตเห็นซุนหยางเต๋าและหลิวอู๋มิ่งราชันไร้เทียมทานทั้งสองเช่นกัน

“เรื่องอื่นๆไว้พูดคุยในภายหลัง หากข้าคาดเดาไม่ผิด ตอนนี้เจ้าคงจะเลื่อนขั้นขึ้นมาในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่?” ซุนหยางเต๋าผู้นำของบริษัทออโรร่ามีสายตาเป็นประกายพร้อมกับจ้องมองไปที่เซี่ยปิง

อะไรนะ?!

ได้ยินเช่นนี้ ราชันที่อยู่รอบๆต่างก็สะดุ้งขึ้นมาพร้อมกับมองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อ

ต้องรู้ด้วยว่าในปีที่แล้วเซี่ยปิงยังเป็นผู้บ่มเพาะในระดับราชวังสีม่วงเพียงเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นราชันที่เพิ่งเลื่อนขั้นขึ้นมา ทว่าผ่านไปเพียงแค่ปีเดียว ไม่คาดคิดว่าจะเลื่อนขั้นขึ้นมาในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ได้

หากซุนหยางเต๋าพูดความจริงล่ะก็ จากนั้นความเร็วในการพัฒนาของเขาก็น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

“ใช่”

เซี่ยปิงยอมรับออกมาตรงๆ สำหรับเรื่องนี้เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปกปิด ตัวเขาในตอนนี้ คาดการณ์ได้ว่าไม่ว่าใครในโลกแห่งเมฆาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

“อย่างที่คาดไว้จริงๆ จักรวาลเป็นสถานที่ที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนั้นเลยหรือ? ภายในระยะเวลาอันสั้นเพียงแค่หนึ่งปีก็ทำให้เจ้าพัฒนามาถึงขั้นนี้ได้?” ถึงแม้ว่าจะคาดเดาไว้ก่อนแล้ว ทว่าซุนหยางเต๋าก็ยังคงตกใจกับคำตอบเช่นกัน

เขานั้นก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะที่สวรรค์ประทานมาของเผ่าพันธุ์มนุษย์เช่นกัน ตั้งแต่ครั้งที่เกิดยุคแห่งความมืดจนถึงตอนนี้ ตั้งแต่ระดับราชวังสีม่วงจนถึงระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั้น เขาได้ใช้ระยะเวลากว่าหลายร้อยปีกว่าที่จะมาถึงในระดับนี้ได้

ทว่าตอนนี้ระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งปี เซี่ยปิงก็สามารถที่จะก้าวขึ้นมายืนอยู่ในระดับเดียวกับเขา ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ

ราชันมนุษย์คนอื่นๆรวมถึงราชันปีศาจและราชันปีศาจใต้ท้องทะเลต่างก็ช็อกไปตามๆกัน พวกเขาไม่ได้สงสัยในคำพูดของเซี่ยปิง เพราะว่าการที่มาถึงในระดับนี้ได้นั้น การโกหกนั้นเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์สิ้นดี

“มันไม่ใช่เป็นเพราะว่าจักรวาลนั้นน่าสะพรึงกลัวเช่นนั้น แต่มันเป็นเพราะว่าข้านั้นร้ายกาจอย่างมากต่างหาก” เซี่ยปิงยืนไขว้มือไว้ข้างหลังทั้งสองข้างพร้อมกับมองไปที่ซุนหยางเต๋า “หากท่านผู้นำไม่เชื่อล่ะก็ ต้องการที่จะประมือกับข้าหรือไม่?”

“เจ้าเด็กปีศาจ ช่างหยิ่งผยองจริงๆ”

ซุนหยางเต๋ายิ้มออกมา เขาก็ล่วงรู้ว่าเซี่ยปิงนั้นมองเห็นได้ถึงจิตวิญญาณนักสู้จากม่านตาของตนเองจึงได้เสนอความคิดนี้ขึ้นมา บอกตามตรงเขาก็มีความสนใจในพลังอำนาจของเซี่ยปิงในตอนนี้เป็นอย่างมาก

เพราะว่าท้ายที่สุดแล้ว ภายในโลกแห่งเมฆานั้น ราชันที่สามารถต่อสู้กับเขาได้นั้นมีเพียงน้อยนิด นอกจากมนุษย์ต่างดาวที่บุกรุกมาครั้งที่แล้ว เขาก็ไม่ได้ต่อสู้กับใครอื่นอย่างเต็มที่มาเป็นระยะเวลานาน

ในฐานะนักวิทยายุทธที่ต่อสู้กับสัตว์ปีศาจมาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนนั้น เลือดนักสู้ในร่างกายของเขาก็ไม่สามารถที่จะอดทนอดกลั้นอีกต่อไป

อีกทั้งนี่ก็ไม่ใช่การต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ทว่าเป็นเพียงแค่การที่นักวิทยายุทธประมือกันเท่านั้น เป็นการขัดเกลาวิทยายุทธของกันและกัน

“ท่านผู้นำ หากเป็นท่านเพียงคนเดียวล่ะก็ ก็คงจะไม่ใช่คู่มือของข้า ข้าขอแนะนำให้พวกท่านทั้งหมดร่วมมือกัน” เซี่ยปิงได้ท้าดวลกับราชันไร้เทียมทานทั้งหมดที่อยู่ ณ ที่นี้ น้ำเสียงของเขานั้นนิ่งเฉยอย่างมาก

ร่วมมือกันทั้งหมด?!

ได้ยินเช่นนี้ บรรดาราชันไร้เทียมทานก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที พวกเขาก็ยอมรับว่าเซี่ยปิงนั้นมีพรสวรรค์ที่น่าอัศจรรย์ ภายในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งปีก็สามารถที่จะก้าวเข้าสู่ระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่เคยพบไม่เคยเจอมาก่อน

ทว่าการที่คนๆเดียวคิดที่จะต่อสู้กับราชันไร้เทียมทานทั้งหมดนั้น นี่มันเป็นเรื่องที่ดูยโสโอหังเกินไป เพราะว่าถึงอย่างไรในห้องโถงแห่งนี้ก็มีราชันไร้เทียมทานของมนุษย์อยู่ด้วยกันห้าคนและราชันไร้เทียมทานของเผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์ปีศาจใต้ท้องทะเลนั้นก็รวมกันเป็นสี่ตัว

หากรวมกันทั้งหมดก็จะมีราชันไร้เทียมทานอยู่ถึง9คน พลังอำนาจนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสามารถเทียบด้วยได้ ไม่สามารถที่จะเพิกเฉยได้อย่างแน่นอน

“ท่านผู้นำ จักรวาลนั้นกว้างใหญ่ หากพวกท่านไม่ร่วมมือกัน ก็คงจะไม่มีโอกาสเอาชนะข้าแม้แต่น้อย” ตึบ เซี่ยปิงได้ก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง ร่างกายของเขามีออร่าที่น่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาทันที

ในช่วงเวลานี้ ทั่วทั้งท้องฟ้าดูเหมือนจะมืดสลัวลง ดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่บนท้องฟ้า ดวงดาวกำลังไหลเวียน หล่ง หล่ง หล่ง มีออร่าของความโกลาหลที่แผ่ออกมา

พื้นที่ในระยะห้าร้อยกิโลเมตรโดยที่มีร่างกายของเซี่ยปิงเป็นจุดศูนย์กลางนั้นต่างก็อยู่ในขอบเขตของพลังอำนาจนี้ ทั่วทั้งเกาะหยานหวงสั่นสะเทือน ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเกาะแห่งนี้ต่างก็สะดุ้งตกใจขึ้นมา ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ทว่าเหล่าราชันที่อยู่ภายในห้องโถงนี้กลับตกตะลึง เมื่อดวงดาวเหล่านี้ปรากฏขึ้นมานั้น ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองถูกกดทับโดยแรงโน้มถ่วงที่เพิ่มขึ้นมานับร้อยนับพันเท่า เหมือนกับว่าถูกภูเขาหนักล้านตันหล่นทับก็ว่าได้

เพ่ง เพ่ง เพ่ง!!!

ราชันที่อยู่ในระดับต่ำกว่ากายาศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ทนรับแรงโน้มถ่วงนี้ไม่ได้ พวกเขาถูกกดลงไปกับพื้นทันที กระแทกลงไปกับพื้นจนกลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่จำนวนมากอย่างกะทันหัน แม้แต่เศษหินที่แตกกระจายออกมาก็ถูกบดจนกลายเป็นผุยผง

“แม่เจ้า นี่มันความสามารถศักดิ์สิทธิ์แรงโน้มถ่วงที่ผู้ปกครองของภูเขาหมื่นปีศาจเคยมีไม่ใช่หรือ?”

“ถูกต้อง นี่คือความสามารถศักดิ์สิทธิ์แรงโน้มถ่วง ทว่าพลังอำนาจนี้มันทรงอำนาจยิ่งกว่าความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของผู้ปกครองของภูเขาหมื่นปีศาจกว่าสิบเท่า”

“ช่างน่าสะพรึงกลัวเกินไป นี่เป็นเพียงแค่ออร่าแรงกดดันเท่านั้น ไม่คาดคิดว่าจะกดทับพวกเขาจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เช่นนี้”

ราชันจำนวนมากต่างก็แสดงอาการตกใจขึ้นมา ตอนนี้พวกเขาล่วงรู้ได้อย่างชัดเจนถึงความน่าสะพรึงกลัวของเซี่ยปิง พวกเขาไม่สามารถที่จะขยับเขยื้อนได้แม้แต่นิดเดียว ถูกกดติดอยู่กับพื้น เหมือนกับว่ากระดูกส่งเสียงแตกขึ้นมาเล็กน้อย ใกล้ที่จะแตกหักเต็มที

กู่ชีไหลและราชันไร้เทียมทานคนอื่นๆก็ตกใจเช่นกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถต้านทานแรงโน้นถ่วงนี้ได้ ทว่าภายใต้แรงโน้มถ่วงเช่นนี้ พลังอำนาจของพวกเขาก็ถูกยับยั้งจนเหลือเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง

“นอกจากราชันในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ ราชันคนอื่นๆล่าถอยออกไปทันที ล่าถอยออกห่างจากที่นี่ไปสิบกิโลเมตร การต่อสู้นี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะเข้ามายุ่งเกี่ยวได้” ซุนหยางเต๋าตะโกนออกไปทันที

“รับทราบ!”

ราชันที่อยู่รอบๆเมื่อได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าแรงโน้มถ่วงนั้นเบาบางลงไปมาก เห็นได้ชัดว่าเซี่ยปิงได้คลายแรงกดดันต่อพวกเขาลง ปล่อยให้พวกเขาได้ล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

ไม่อย่างนั้น ตราบใดที่เซี่ยปิงต้องการ พวกเขาก็ทำได้แค่นอนติดอยู่กับพื้น การที่ต้องการจะขยับแม้แต่ก้าวเดียวนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ซู่ ซู่ ซู่!!!

วินาทีต่อมา ราชันเหล่านี้แต่ละคนก็ได้เดินทางออกไป บินข้ามท้องฟ้า ออกไปจากห้องโถงแห่งนี้อย่างกะทันหัน ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้หลบหนีออกไปไกลนัก แต่อยู่ในระยะที่ห่างออกไปเพื่อรอดูการต่อสู้นี้

เพราะว่าท้ายที่สุดแล้ว นี่ก็เป็นการต่อสู้ระหว่างราชันไร้เทียมทานที่หาดูได้ยาก หากทำการศึกษาและวิเคราะห์การต่อสู้ของพวกเขานั้น อาจจะมีผลดีกับการบ่มเพาะในอนาคตของตนเองก็เป็นได้

“ท่านผู้นำ สบายใจได้ ข้าจะพยายามไม่เอาชนะพวกท่านภายในหมัดเดียว” เซี่ยปิงยืนไขว้มือไว้ข้างหลังทั้งสองข้าง เขาได้ยิ้มออกมาพร้อมกับมองไปที่ราชันไร้เทียมทานทั้งเก้าตรงหน้าเขา

ที่นี่มีทั้งหลิวอู๋มิ่ง ซุนหยางเต๋า กู่ชีไหลและราชันไร้เทียมทานของมนุษย์อีกสามคน เผ่าพันธุ์ปีศาจนั้นก็มีราชันกระต่ายสงครามและราชันปีศาจช้าง ส่วนเผ่าพันธุ์ปีศาจใต้ท้องทะเลนั้นก็มีราชันเงือกและราชันปลาวาฬ

เขาจดจำได้ว่าเดิมทีราชันไร้เทียมทานเหล่านี้ก็คือผู้ที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของโลกแห่งเมฆา ส่วนเขานั้นเป็นเพียงแค่นักศึกษาที่มาจากดาวหยานหวง ทำได้เพียงแค่มองพวกเขาอยู่ที่พื้น ราชันไร้เทียมทานนั้นเป็นดั่งพระเจ้า

ทว่าในตอนนี้ ราชันไร้เทียมทานเหล่านี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไป เป้าหมายของเขาก็คือการพัฒนาก้าวไกลไปกว่านี้ ไม่ใช่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ตกเป็นทาสของโลกแห่งเมฆา

“เจ้าเด็กอันธพาล เจ้านี่ช่างกล้าจริงๆที่พูดคำเหล่านี้ออกมา ชายชราผู้นี้จะดูสิว่าเจ้าได้เรียนรู้อะไรมาจากจักรวาล ไม่คาดคิดว่าจะโอ้อวดคุยโวอย่างไร้ยางอายเช่นนี้ อย่าเหยียดหยามพวกเราคนเฒ่าคนแก่ให้มากนัก!”

ผู้ที่เคลื่อนเป็นคนแรกก็คือกู่ชีไหลผู้นำบริษัทไจแอน เขาตะโกนออกมาอย่างโมโหและได้แสดงความศักดิ์สิทธิ์ของตนเองออกมา-ยักษ์สวรรค์แปลงกาย!

ปัง!

ภายในพริบตา ทั่วทั้งร่างกายของเขาก็บวมพองออกมา สูงขึ้นมาถึง20-30เมตรอย่างกะทันหัน เปลี่ยนกลายเป็นศัตรูที่น่าสะพรึงกลัว กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายแข็งเหมือนกับก้อนหิน ผิวหนังนั้นมีอักขระโบราณมากมายที่ปรากฏขึ้นมา

หลังคาของห้องโถงแห่งนี้พังทลายไปอย่างกะทันหัน เศษหินแตกกระจายออกไป คาช่า คาช่า ส่งเสียงดังออกมา