[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 464 : ธงชาติจีน!

หลิงหยุนยืนอยู่บนหัวเรือ.. เขายิ้มพร้อมกับโบกมือให้เรือประมงที่กำลังแล่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ การต่อสู้เพิ่งจะจบไป แม้จะใช้เวลาไม่นานมาก แต่ก็เต็มไปด้วยความดุเดือด และหลิงหยุนก็ใช้กำลังไปถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เขาจึงไม่ต้องการที่จะว่ายน้ำกลับไปที่เรือของตัวเอง

เมื่อเรือประมงแล่นเข้ามาใกล้ในระยะร้อยเมตร ร่างของหลิงหยุนก็กระโดดลงไปที่เรืออย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณทุกคนมาก!” หลิงหยุนยังคงสวมผ้าปิดบังใบหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเอ่ยขอบคุณทุกคนอย่างจริงใจ

“เจ้าขอบคุณพวกเราทำไมกัน! เจ้าเก่งราวกับเซียน นี่เจ้าสามารถจัดการกับเรือลาดตระเวนหกเจ็ดลำกับระเบิดอีกหลายลูกเพียงลำพังคนเดียว!” หยางเต๋อจางซึ่งเป็นกัปตันของเรือประมงพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น

“นี่เจ้าได้รับบาดเจ็บนี่นา.. เลือดไหลใหญ่เลย!”

หลังจากที่จ้องมองหลิงหยุนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆหวังจงอี้ก็รีบวางโทรโข่งในมือลง และร้องบอกหลิงหยุน

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก “นั่นไม่ใช่เลือดของข้า แต่เป็นเลือดของพวกทหารญี่ปุ่น..”

“นี่มันช่างมหัศจรรย์.. มหัศจรรย์มากจริงๆ! คิดไม่ถึงว่าวันนี้ตาแก่หยางอย่างฉันจะมีโอกาสได้เข้าใกล้เกาะเตียวหยูขนาดนี้ แม่ของฉันที่ทำประมงมานานกว่าสามสิบปีก็ยังไม่เคยมีโอกาสแบบนี้เลย ช่างเป็นความภาคภูมิใจมากจริงๆ!”

หยางเต๋อเซิงร้องตะโกนออกมาเสียงดัง สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เกาะเตียวหยูที่ตอนนี้สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้อย่างชัดเจน เขาดีใจจนต้องกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ!

นี่คือผืนแผ่นดินจีน.. แต่กลับถูกชาติอื่นปล้นไป ตลอดหลายปีมานี้ทหารญี่ปุ่นคอยเฝ้าเกาะไว้โดยตลอด หยางเต๋อเซิงจึงไม่เคยมีโอกาสได้แล่นเรือเข้ามาใกล้เป็นเวลากว่าสามสิบปีแล้ว เขาจึงดีใจอย่างบอกไม่ถูก

“เรือลาดตระเวนของจีนก็กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เหมือนกัน..” หวังจงอี้ชี้ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือพร้อมกับร้องตะโกนออกมา

หลิงหยุนเหลือบมองเรือลาดตระเวนของจีนแล้วก็ได้แต่พึมพำออกไปว่า “ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา.. รบกวนช่วยไปส่งข้าที่เรือหน่อย แล้วพวกท่านก็รีบกลับออกไปจากที่นี่ซะ..! ไม่ว่าฝ่ายใหนจะผิดหรือจะถูก พวกท่านก็ไม่ควรมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้!”

หยางเต๋อเซิงได้ฟังจึงถามหลิงหยุนทันที “แล้วเจ้าล่ะ.. เจ้ายังไม่กลับออกไปงั้นรึ? กองกำลังของทหารญี่ปุ่นคงจะมาถึงอีกในไม่ช้านี้!”

 หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ข้ามาที่เกาะเตียวหยูก็เพื่อจัดการกับพวกมันอยู่แล้ว พวกท่านส่งข้าที่เรือลาดตระเวน-474 แล้วรีบกลับออกไปจะดีกว่า ยิ่งไปให้ไกลได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!”

หยางเต๋อเซิงจ้องมองหลิงหยุนครู่หนึ่ง แล้วรีบพยักหน้า “ได้ๆ!”

เรือลาดตระเวนของจีนเร่งความเร็วสูงสุดแล้ว แต่เรือประมงกลับมีกำลังขับเคลื่อนแรงกว่า และกำลังมุ่งหน้าไปยังเรือของหลิงหยุน

ด้วยระยะทางที่ไม่ห่างกันมากนัก เพียงไม่นานหลิงหยุนก็ไปถึงเรือลาดตระเวน-474 เขาเอ่ยขอบคุณหยางเต๋อเซิงและลูกเรือทุกคนอีกครั้ง จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนเรือหาเจ้าขาวปุย และกระโดดไปยังเรือของตัวเองต่อไป

เหตุผลที่หลิงหยุนไม่ขับเรือของตัวเองไปที่เรือลาดตระเวน-478 นั้น ก็เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะยิงถล่มเรือของเขาจมเสียหาย

หลิงหยุนขับสปีดโบ๊ทของตัวเองออกไปจากเรือลาดตระเวนของญี่ปุ่นที่จอดลอยอยู่กลางทะเล และขับเข้าไปเทียบอยู่ข้างเรือของชาวประมง

หลิงหยุนเดินออกมาจากห้องโดยสารเรือ พร้อมกับยกมือขึ้นคาราวะลูกเรือบนเรือประมง

“ขอบคุณลุงหยาง และพี่ชายบนเรือที่ช่วยเหลือข้า หากวันหน้ามีโอกาสได้พบกันอีก ข้าจะเลี้ยงเหล้าทุกท่านเอง!”

ตอนนี้หลิงหยุนรู้แล้วว่าเรือประมงลำนี้เป็นของคนจีน แต่พวกเขาเป็นชาวประมงที่อาศัยอยู่ตามเกาะ ไม่ใช่คนที่อยู่บนผืนแผ่นดินใหญ่

หลิงหยุนถอนหายใจพร้อมกับมองเรือประมงที่กำลังหันหัวเรือกลับ และเร่งออกไปด้วยความเร็วสูงสุด จากนั้นหลิงหยุนก็ขับเรือของเขาเข้าไปหาเรือลาดตระเวนของจีนที่กำลังแล่นเข้ามาใกล้

………..

ผู้บังคับบัญชาจางได้เดินออกมาจากห้องโดยสาร เขาออกไปยืนอยู่บนหัวเรือพร้อมกับสำรวจรอบๆบริเวณ เรือลาดตระเวนของเขาแล่นผ่านเรือลาดตระเวน-478 และเรือลาดตระเวนอีกหลายลำของญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้เรือเหล่านี้เคยเป็นเรือไล่ล่าที่ทรงพลังของทหารญี่ปุ่น แต่ตอนนี้กลับจอดนิ่งอยู่กับที่จนเขาเองก็อดที่จะรู้สึกไม่ได้!

เจ้าของเรือสปีดโบ๊ทลำนั้นทำให้ผู้บังคับบัญชาจางตกใจจนถึงกับพูดอะไรไม่ออก!

แต่ถึงแม้แววตาของเขาจะเต็มไปด้วยความสับสน แต่ก็แฝงไว้ด้วยความตื่นเต้น แต่ความตื่นเต้นนั้นก็เกิดขึ้นเพียงแค่วูบเดียว แล้วจึงเปลี่ยนเป็นความเศร้าสร้อย และหวั่นไหว

ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าผู้บังคับบัญชาจางอีกแล้ว แม้เหตุการณ์ในคืนนี้จะเป็นเรื่องที่น่าดีใจ แต่ปัญหาใหญ่ก็กำลังจะตามมาเช่นกัน เขาคงต้องใช้เวลา และความพยายามอย่างมากในการที่จะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้กับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องฟัง

หากเขาไม่สามารถอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดได้อย่างละเอียดชัดเจนมากพอ เขาเองก็อาจจะโดนเล่นงานก็เป็นได้!

ผู้บังคับบัญชาจางเห็นศพที่ลอยเกลื่อนกลาดอยู่กลางทะเล มันดูหนาแน่นเต็มท้องทะเลไปหมด ไม่ว่าจะมองไปที่ใหนก็เห็นแต่ศพลอยไปมา หลิงหยุนมาเพื่อฆ่าคนจริงๆ!

“ขนาดระเบิดมิซไซล์ยังทำอะไรเขาไม่ได้ นี่เขาต้องเก่งกาจขนาดใหน?!” ผู้บังคับบัญชาจางได้แต่ถอนหายใจระหว่างที่พึมพำกับตัวเอง

เสี่ยวลี่ยืนอยู่ด้านข้างของผู้บังคับบัญชาจาง เขามองไปทางเรือลาดตระเวนทั้งห้าลำที่จอดนิ่งอยู่ พร้อมกับพูดขึ้นว่า

“เขาทั้งเก่งแล้วก็มีพละกำลังมากเหลือเกิน เรือลาดตระเวนพวกนั้นไล่ล่าเรือของเราอยู่ทุกวี่ทุกวัน แต่ตอนนี้กลับต้องมาจอดนิ่งไม่ขยับ! เสียดาย.. มันน่าจะจมลงทะเลไปเลย..”

ผู้บังคับบัญชาจางถึงกับถอนหายใจ และตะโกนดุเสียงดัง “หุบปาก!”

เสี่ยวลี่เงียบและไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาหันไปมองคนอื่นๆที่อยู่ในห้องโดยสาร หลายคนกำลังรายงานเหตุการณ์บนเกาะเตียวหยูให้หน่วยงานต่างๆทราบ เพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่านี่คือเรื่องใหญ่มหันต์!

แต่ถึงกระนั้น ตำรวจน้ำทุกนายต่างก็รู้สึกดีใจและภูมิใจ เสี่ยวลี่เองก็เช่นกัน! เพราะเขาเองก็ไม่เคยได้เข้าใกล้เกาะเตียวหยูมากขนาดนี้มาก่อน!

หลังจากนั้นครู่ใหญ่ เสี่ยวลี่ก็ตะโกนออกมาพร้อมกับชี้ไปทางหลิงหยุน “หัวหน้าครับ.. เขามานั่นแล้ว!”

ผู้บังคับบัญชาจางรีบกระซิบบอกเสี่ยวลี่ทันที “เขาน่าจะเป็นยอดฝีมือจากตระกูลเก่าแก่ พวกเขามีทั้งวิทยายุทธและกำลังภายใน ถ้าคุณยังขืนพูดจาไม่ระวังอีก อาจทำให้เขาไม่พอใจได้!”

เสี่ยวลี่พยักหน้า และหลิงหยุนก็แล่นเรือของเขามาถึงด้านข้างเรือลาดตระเวนพอดี หลิงหยุนดับเครื่อง และกระโดดขึ้นไปยืนเผชิญหน้ากับเหล่าตำรวจน้ำอยู่บนหัวเรือของเรือลาดตระเวน..

“สหาย.. คุณทำได้ดีมาก! แต่นั่นก็สร้างปัญหาใหญ่ให้กับพวกเราไม่น้อยเลยล่ะ! ผมว่าพวกเราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ!”

ผู้บังคับบัญชาจางมองเห็นหลิงหยุนที่สวมทั้งชุดสีดำ และผ้าคลุมปกปิดใบหน้า พร้อมกับเอ่ยเชื้อเชิญด้วยความสุภาพ

และเพราะหลิงหยุนสวมผ้าปิดบังใบหน้า เขาจึงไม่สามารถเดาอายุของหลิงหยุนได้ แต่หากจะให้เรียกหลิงหยุนว่า ‘ท่าน’ ก็ดูเหมือนจะไม่เหมาะนัก เขาจึงเลือกที่จะเรียกว่า ‘สหาย’ ซึ่งฟังดูสนิทสนมและเป็นกันเองกว่าแทน

หลิงหยุนยืนเอามือไขว้หลังอยู่บนหัวเรือ ในขณะที่สายตาของเขากวาดมองไปทางเหล่าตำรวจน้ำที่อยู่บนเรือ หลิงหยุนมองเห็นสีหน้าที่ตื่นเต้นของพวกตำรวจที่ไม่อาจเก็บซ่อนไว้ได้ และทุกคนต่างก็ยิ้มให้กับหลิงหยุน

“ไม่จำเป็น.. ข้ามาที่นี่เพื่อบอกอะไรบางอย่างกับเจ้า และต้องการขอยืมอะไรบางอย่างด้วย”

หลิงหยุนไม่ต้องการที่จะข้องเกี่ยวกับคนพวกนี้มากนัก เขารู้ดีว่าตำรวจซึ่งทำหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาตินั้น ล้วนแล้วแต่มีพื้นเพอยู่บนผืนแผ่นดินใหญ่..

และนี่คือเหตุผลที่เขาต้องปิดบังใบหน้า!

ผู้บังคับบัญชาจางรู้ดีว่ายอดฝีมือจากตระกูลเก่าแก่เหล่านี้มักจะทำอะไรตามใจตัวเองเสมอ เมื่อหลิงหยุนปฏิเสธเขาจึงไม่ได้ใส่ใจ และรู้สึกเสียหน้าอะไรนัก อีกทั้งไม่มีทางที่เขาจะใช้อำนาจในมือกับยอดฝีมือที่แข็งแกร่งจนสามารถฆ่าทหารในเรือลาดตระเวนของญี่ปุ่นทั้งหกลำได้

“สหาย.. ท่านพูดมาได้เลย!”

หลิงหยุนยิ้มอย่างจองหอง “เหตุการณ์ในคืนนี้เกิดจากข้าแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นหรืออเมริกา หากพวกมันต้องการจะเอาเรื่อง ให้มาหาข้าได้เลย!”

หลิงหยุนบอกกับตำรวจน้ำในเรือลาดตระเวนทุกคน และทั้งหมดก็ได้แต่อึ้งและตะลึง!

ทั้งคำพูดและท่าทางของหลิงหยุนนั้น นอกจากจะเต็มไปด้วยพลังและความมั่นใจแล้ว ยังหยิ่งจองหองและถือดีอย่างที่สุด!

เป็นการกระทำของเขาแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศชาติ! เขาไม่ต้องการแม้แต่การช่วยเหลือปกป้องจากทางรัฐบาลจีน!

ดวงตาของหลิงหยุนเป็นประกาย ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และความภาคภูมิใจในตัวเอง

“หากคนพวกนั้นถาม ข้าก็จะบอกกับคนพวกมันเองว่า เกาะเตียวหยูแห่งนี้เป็นของพวกเราคนจีน และข้าก็ยืนอยู่บนผืนแผ่นดินของข้าเอง แต่เพราะพวกมันเป็นฝ่ายบุกเข้ามาก่อน ข้าจึงต้องตอบโต้ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก”

“แต่หากปรากฏว่าเกาะเตียวหยูเป็นของพวกมัน ก็เท่ากับว่าข้าเป็นฝ่ายบุกเข้าไปในดินแดนของพวกมัน พวกมันก็สามารถเข้ามาจับกุมตัวข้าได้.. หากพวกมันมีความสามารถพอ!”

จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปพูดกับผู้บังคับบัญชาจางว่า .. “ที่ข้าพูดไปทั้งหมด เจ้าเข้าใจความหมายหรือไม่?”

ผู้บบังคับบัญชาจางและตำรวจน้ำนายอื่นๆ ต่างก็หันไปมองหน้ากัน และสมองของเขาก็เหมือนหยุดทำงานไปชั่วครู่ และไม่สามารถคิดอะไรออก!

จากคำพูดของหลิงหยุนนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาได้ใคร่ครวญทุกอย่างมาดีแล้ว.. และประเทศจีนก็จะพ้นมลทินได้ทันทีที่โยนภาระทั้งหมดให้กับหลิงหยุน!

เวลานี้กำลังเกิดกรณีพิพาท และข้อขัดแย้งระหว่างสองประเทศ หากหลิงหยุนยอมรับว่าเรื่องทั้งหมดเป็นการกระทำของเขาเพียงคนเดียว ก็เท่ากับว่ารัฐบาลไม่ได้มีส่วนรู้เห็นด้วย ทุกอย่างก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น..

หลิงหยุนรู้ว่าคนพวกนี้ไม่สามารถตอบรับ หรือตอบปฏิเสธในคำพูดของเขาได้ และก็ไม่กล้าที่จะตอบ หลิงหยุนเองก็ไม่ได้ต้องการคำตอบ เขาเพียงแค่ต้องการมาบอกให้ทุกคนรับรู้เท่านั้นเอง!

“ตอนที่ข้าออกเรือมา ข้าลืมอะไรบางอย่าง จึงอยากจะขอยืมจากพวกท่าน!”

“อะไร?” ผู้บังคับบบัญชาจางถามขึ้นทันที

“ธงชาติ!”  หลิงหยุนตอบเสียงเบา

“เอ่อ..” ผู้บังคับบบัญชาจางได้แต่ลังเล และไม่มั่นใจ

หลิงหยุนได้แต่นึกเย้ยหยันอยู่ในใจ แต่เขาก็รู้ดีว่ามันเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับคนพวกนี้ หลิงหยุนยกมือขึ้นชี้ไปที่เกาะเตียวหยู

“ในสายตาของพวกเจ้า.. เกาะนั่นยังเป็นดินแดนของเราอยู่หรือไม่?”

ตำรวจน้ำหลายนายต่างก็ร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับพูดต่อว่า “ถ้าเช่นนั้น.. ก็เอาธงของประเทศเราขึ้นไปปัก!”

หลิงหยุนได้ตัดสินใจแล้ว ต่อให้ตำรวจน้ำพวกนี้ลังเล เขาก็ยังยืนยันที่จะเอาธงชาติขึ้นไปปักบนเกาะอยู่ดี!

ผู้บังคับบัญชาจางได้แต่กระอักกระอ่วนละล้าละลัง เพราะเรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อย และจำเป็นต้องถามผู้บังคับบัญชาของเขาก่อน!

แต่ผู้บังคับบัญชาจางก็ไม่ต้องการทำให้หลิงหยุนผิดหวัง และตัวเขาเองก็ต้องการเอาธงชาติจีนขึ้นไปปักบนเกาะนั้นนานแล้วเช่นกัน!

“ได้.. เสี่ยวลี่ ไปเอาธงชาติมา!”

ไม่นานนัก.. หลิงหยุนก็รับธงชาติจีนมาถือไว้ในมือ ก่อนจะโยนลงไปปักอยู่ที่หัวเรือของเขา!

“ลาก่อน!”

ธงสีแดงโบกสะบัดไปมาเมื่อปะทะเข้ากับลมทะเล หลิงหยุนกลับไปที่ห้องโดยสารเรือ จากนั้นจึงติดเครื่องและขับมุ่งหน้าไปยังเกาะเตียวหยู

“ภาพที่น่าภาคภูมิใจนี้ จางหยุนเทียนจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต!”

ผู้บังคับบัญชาจางยกมือขึ้นทำวันทยหัตถ์ให้กับหลิงหยุน แววตาของเขามีทั้งความภาคภูมิใจและหวาดกลัวปะปนกัน!

ตำรวจน้ำคนอื่นๆก็ทำตามเช่นกัน!

สองนาทีต่อมา เรือของหลิงหยุนก็ค่อยๆแล่นเข้าไปใกล้เกาะเตียวหยู หลิงหยุนพบบหาดทรายที่ค่อนข้างเงียบสงบแห่งหนึ่ง เขาจึงเดินออกมาจากห้องโดยสารพร้อมกับเจ้าขาวปุย

“ถึงเกาะแล้ว!”

หลิงหยุนหยิบบธงชาติสีแดงออกมาพร้อมกับอุ้มเจ้าขาวปุยไว้ในมือ จากนั้นจึงวิ่งตรงไปยังจุดสูงสุดของเกาะเตียวหยู

เพียงแค่สามนาที.. คนหนึ่งคนกับสุนัขจิ้งจอกอีกหนึ่งตัว ก็ปีนขึ้นไปยังจุดสูงสุดของเกาะเตียวหยูได้ และจัดการปักธงชาติจีนไว้บนแผ่นหิน!

ธงชาติสีแดงโบกสะบัดอยู่ท่ามกลายสายลม!