— ปัง! —
มู่เฉียนซีผลักเขาออกไป
“ข้าไม่ว่าอย่างไรทั้งนั้น สายน้ำขุนเขาแปรเปลี่ยนได้ สันดานดั้งเดิมนั้นยากกลับกลาย ต่อไปเจ้าอย่ายั่วโทสะข้าก็พอ” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเย็นชา
เชียนอ้าวเซี่ยนั้นแปลกประหลาด ยิ่งเขาโดนตีมากเท่าไหร่ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ดูมีเสน่ห์แพรวพราวมากขึ้นเท่านั้นจนแทบจะทำให้ทุกคนหลงใหลไปกับเขา
ชายหนุ่มรูปงามเช่นนี้ก็นับว่าเป็นความผิดมากแล้ว เขายังมายิ้มอีก นี่มันบังคับให้คนกระทำความผิดชัด ๆ
ผู้นำกลุ่มนักผจญภัยผู้นั้นยิ้มพลางกล่าว “หากคุณชายผู้นี้ยอมร่วมมือด้วย พวกเรายินดีเป็นอย่างมาก เช่นนั้นข้าขอแนะนำตัวก่อนก็แล้วกัน ข้ามีนามว่าอู่เผิง เป็นผู้นำกลุ่ม”
มู่เฉียนซียิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวเบา ๆ “ข้ามีนามว่ามู่เฉียนซี”
“เสี่ยวซีซี! ในที่สุดข้าก็ได้ทราบนามเจ้า” เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวขัดขึ้น แววตาสดใสมองมู่เฉียนซีด้วยความตื่นเต้น
‘เสี่ยวซีซีรึ ?’ มุมปากมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย เดิมทีเขาเรียกนางว่าแม่นางคนงามก็น่ารำคาญใจมากพออยู่แล้ว ยังจะมาเรียกเช่นนี้อีก นางแทบอยากจะวางยาพิษเขาให้เป็นใบ้ไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
นางรู้ดีว่าเขาเป็นคนที่ปกปิดเก่ง แสดงละครได้เก่งกาจ เช่นนั้นเรื่องที่เขาเป็นคนไร้ประโยชน์ จะจริงหรือเท็จก็คงยากที่จะแยกแยะได้ แต่หากเขาเป็นคนไร้ประโยชน์จริง คนในจวนของเขาจะส่งเพียงแค่องครักษ์มาปกป้องและยอมให้เขาออกมาวิ่งเล่นได้อย่างสบายใจเช่นนี้หรือ ?
ต่อให้มีเสี่ยวหงกับอู๋ตี้อยู่ข้างกาย นางก็ไม่ต้องการทำอะไรผลีผลามโดยที่ไม่รู้ถึงระดับของศัตรูอย่างแน่นอน
“อืม แม่นางมู่” อู่เผิงทวนเสียงขรึม
“ได้ยินว่าจะรวมกลุ่มกัน เพิ่มข้าอีกสักคนได้หรือไม่ ?” ทันใดนั้นเสียงที่โอหังและอวดดีก็ดังขึ้น
องค์หญิงรองที่ถูกฝังอยู่ในกองหิมะเป็นชั่วยาม ในเวลานี้ได้ตามมาจนพบกับมู่เฉียนซีและคนอื่น ๆ แล้ว เดิมทีนางเพียงแค่อยากจะมาแก้แค้น แต่ดูเหมือนว่าจะได้ยินอะไรดี ๆ เข้าเสียก่อน
“แม่นางผู้นี้คือ…?”
จำนวนคนยิ่งมากเท่าไหร่ กำลังในการต่อสู้ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ปฏิเสธสำหรับการขอเข้าร่วมของนาง
องค์หญิงรองกล่าวอย่างหยิ่งผยองในทันใด “ข้าอิ๋นซวงซวง เป็นองค์หญิงรองแห่งแคว้นอิ๋นเหยียนผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักของทุกคนดี การที่ข้าเข้าร่วมกับพวกเจ้า นับว่าเป็นเกียรติของพวกเจ้ามากรู้ไว้เสียด้วย”
อู่เผิงยิ้มพลางกล่าวว่า “ที่แท้ก็เป็นองค์หญิงรอง ข้านั้นได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว นึกไม่ถึงว่าองค์หญิงจะงดงามหมดจดถึงเพียงนี้ พรสวรรค์ก็สูงส่ง…”
อู่เผิงกล่าวยกย่ององค์หญิงรองจนองค์หญิงรองผู้นี้มีความภูมิใจร่างแทบลอย
มู่เฉียนซีมิได้สนใจว่าใครจะต้องการเข้าร่วมด้วย สิ่งที่นางสนใจมีเพียง… “หากพวกเขาเข้าร่วมภารกิจนี้ด้วย แล้วดอกบัวผลึกน้ำแข็งเก้าชั้นจะแบ่งกันอย่างไรรึ ?”
อู่เผิง “ของแม่นางมู่ยังคงเป็นหกกลีบไม่มีเปลี่ยนแปลง องค์หญิงรองสองกลีบ ส่วนพวกข้ากลีบเดียว”
ดวงตาของมู่เฉียนซีหรี่ลงเล็กน้อย ช่างผิดปกติยิ่งนัก เหตุใดเขาจึงดูไร้ท่าทีทุกข์ร้อนทั้ง ๆ ที่ฝ่ายตนจะได้ส่วนแบ่งเพียงน้อยนิดเช่นนั้น ?
เดิมทีเขาเป็นผู้ที่รู้เรื่องดอกบัวผลึกน้ำแข็งเก้าชั้นก่อนใคร ทว่าเวลานี้กลับยอมให้ตนเองได้ผลประโยชน์น้อยที่สุด อู่เผิงเกรงว่าจะถูกสงสัยจึงอธิบายต่อ “พวกข้าได้รับบาดเจ็บกันอย่างสาหัส ไม่มีกำลังในการต่อสู้ที่เพียงพอ เดิมทีแล้วพวกข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้น หากเอาดอกบัวผลึกน้ำแข็งเก้าชั้นนั้นมาไม่ได้ ก็คงจะถูกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์กลืนไป ถึงตอนนั้นแม้แต่กลีบเดียวก็คงจะไม่ได้”
“ทว่าตอนนี้มีพวกเจ้าตกลงจะช่วยลงมือด้วยความยึดมั่นและเป็นธรรม พวกข้าได้แค่กลีบเดียวนับว่าเป็นวาสนามากแล้ว”
อิ๋นซวงซวง “เจ้าจะรับส่วนแบ่งเพียงกลีบเดียวก็แล้วแต่เจ้า ทว่าเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาจัดส่วนแบ่งให้ข้าเพียงสองกลีบเล่า ?! ไม่ได้! ข้าจะเอาหกกลีบ ให้นางผู้นั้นสองกลีบ ข้าเป็นใครแล้วนางเป็นใคร ?”
เชียนอ้าวเซี่ยย่างเท้าเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ มองไปที่อิ๋นซวงซวงพลางกล่าว “แล้วเจ้าเป็นใคร ? มีสิทธิ์อะไรมาเทียบกับเสี่ยวซีซีของข้ารึ ?”
“ข้าเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นอิ๋นเหยียนอย่างไรเล่า!”
“เหอะ ๆ” เชียนอ้าวเซี่ยหัวเราะเยาะ “เป็นแค่องค์หญิงแคว้นเล็ก ๆ กล้ามาทำตัวกำเริบเสิบสานต่อหน้าเสี่ยวซีซีที่รักของข้า”
“จะ… เจ้า…”
“เจ้ารังแกสตรีรึ ?” อิ๋นซวงซวงกล่าวอย่างกล้ำกลืนฝืนใจ
เชียนอ้าวเซี่ย “เจ้าแน่ใจรึว่าข้ารังแกสตรี ?”
อิ๋นซวงซวงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนแทบจะเป็นลมล้มลง เหตุใดบุรุษชุดขาวตรงหน้านางถึงได้น่ารังเกียจเช่นนี้
มู่เฉียนซี “พอเถอะ พวกเจ้าเงียบปากกันเสียให้หมด นี่องค์หญิง หากเจ้าอยากได้หกกลีบ เจ้าก็มาสู้กับข้า หากเจ้าเอาชนะข้าได้ข้าจะให้เจ้า”
กล่าวเช่นนั้นไปแล้ว กระบี่มังกรเพลิงถูกชักออกมาจากฝัก พลันคมกระบี่ก็พุ่งเข้าไปประชิดที่คอของอิ๋นซวงซวงอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนว่าเวลานี้มู่เฉียนซีจะรับรู้ได้ถึงอารมณ์และความรู้สึกของกระบี่มังกรเพลิง …มากเกินไป! …ไม่อร่อย!
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้มพลางกล่าว “เสี่ยวซีซีมีพลังและเกรี้ยวกราดอย่างน่าชื่นชมยิ่งนัก เจ้าบอกจะลงมือก็ลงมือทันที ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ตัดคอนางไปก็สิ้นเรื่อง ตัดเลย ตัดเลย!”
องครักษ์ของอิ๋นซวงซวงเห็นเช่นนี้ต่างก็ตกใจจนเหงื่อไหลพราก “แม่นางอย่าวู่วามไปเลย องค์หญิงของพวกข้ายังเยาว์ ที่ทำไปก็เป็นเพราะไม่รู้ความ”
ถึงแม้ว่าอิ๋นซวงซวงจะเป็นถึงอัจฉริยะอันดับต้น ๆ ของแคว้นอิ๋นเหยียน และเดิมทีก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่เฉียนซี แต่ดวงตาของนางตอนนี้กลับมีประกายแสงเย็นวาบปรากฏขึ้นมา
“อยากสู้ข้าก็จะสู้ เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้ามากนักรึ ? หากข้าแพ้ สองกลีบของข้าก็จะให้เจ้า ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เจ้า แต่ถ้าหากว่าเจ้าแพ้ ไม่เพียงแต่เจ้าจะเสียหกกลีบ แต่เจ้าต้องมาเป็นข้ารับใช้ของข้าด้วย”
มู่เฉียนซียิ้มขี้เล่น “ได้ ข้าเสนอนี้ของเจ้าไม่เลวเลย”
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอิ๋นซวงซวงผู้นี้กำลังเล่นปาหี่อะไร แต่นางก็ไม่มีอะไรต้องกลัว เพียงต่อสู้กันอย่างเปิดเผย นางไม่กลัวไม่อยู่แล้ว แต่ถ้าหากแม่นางผู้นี้คิดจะต่อสู้แบบลอบโจมตี นางจะทำให้อีกฝ่ายตายอย่างสมใจ
อิ๋นซวงซวง “ในเมื่อเจ้ายอมรับข้อตกลง เช่นนั้นก็เอาคมกระบี่ของเจ้าออกไป ลอบโจมตีกันเช่นนี้ไม่นับว่าชนะ”
“ย่อมได้” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวอย่างแผ่วเบา นางเก็บกระบี่มังกรเพลิงกลับมาอย่างสุขุม
ประกายแสงเย็นวาบผ่านดวงตาของอิ๋นซวงซวงอีกครั้ง นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ซวงเอ๋อร์ ฆ่านางซะ!”
— ตูม! —
ทันใดนั้นอสรพิษเขียวสองหัวพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี
เชียนอ้าวเซี่ยตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ “เสี่ยวซีซีระวัง!”
อสรพิษเขียวสองหัวกระโจนใส่มู่เฉียนซี ทว่ามันโฉบเข้ามายังร่างมายาของมู่เฉียนซีเท่านั้น ไม่ใช่ร่างจริง
มู่เฉียนซียิ้มเย้ยหยัน “เหอะ ที่แท้องค์หญิงรองโดนพิษงูแต่ไม่ได้ฝังตนในกองหิมะเพื่อแก้พิษเพราะมีสัตว์พันธสัญญาคอยช่วยเอาไว้นี่เอง”
หากถูกฝังในกองหิมะเป็นชั่วยามจริง ๆ คาดว่าอิ๋นซวงซวงคงจะไข้ขึ้นสูง ป่วยหนักจนถูกส่งตัวกลับวังไปแล้ว คงจะไม่มากระโดดโลดเต้นอยู่ต่อหน้านางตรงนี้
อู่เผิงและคนอื่น ๆ ต่างผงะกันไปครู่หนึ่ง “อสรพิษเขียวสองหัว สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง สมกับเป็นองค์หญิงรองจริง ๆ ที่มีสัตว์พันธสัญญาเช่นนี้ เห็นทีแม่นางมู่คงลำบากแล้ว”
เมื่อมองไปที่อสรพิษเขียวสองหัวตัวนั้น ดวงตาของมู่เฉียนซีก็เปล่งแสงเย็นวาบขึ้น
ย้อนกลับไปที่ดินแดนลึกลับในครานั้น ชิงอิ่งคู่หูของนางถูกอสรพิษสามหัวเล่นงานเข้าจึงได้หลับใหลไปนาน มาวันนี้มีเจ้าอสรพิษเขียวสองหัวมาปรากฏตัวต่อหน้านาง จะให้นางเกรงใจได้อย่างไรกัน ?
ในขณะที่อสรพิษเขียวสองหัวพุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซีอีกครั้ง มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า “อู๋ตี้ มีผักใบเขียวสำหรับเจ้า ออกมาลิ้มรสสักหน่อยเถอะ”
“ขอรับนายท่าน” แสงสีขาวกะพริบขึ้น อู๋ตี้พุ่งพรวดออกมาทันที
พวกเขาทุกคนในที่นั้นเห็นแมวน้อยตัวเล็กขนาดเท่าฝ่ามือพุ่งพรวดออกมายืนบนไหล่ของมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเข้ม “องค์หญิงรอง คิดว่าสัตว์พันธสัญญาของเจ้าจะเอาชนะข้าได้รึ ? ข้าก็มีสัตว์พันธสัญญาเช่นกัน”
อิ๋นซวงซวงหัวเราะเย้ยหยัน “เหอะ เจ้าคิดว่าลูกแมวตัวเล็ก ๆ ที่ไม่นับว่าเป็นสัตว์วิญญาณระดับหนึ่งตัวนี้จะเป็นคู่ต่อสู้เสี่ยวซวงของข้าอย่างนั้นหรือ ?”
“ข้าคืออู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทาน หนึ่งเดียวในใต้หล้าผู้สามารถเอาชนะเจ้าผักใบเขียวนี้ได้สบาย” แมวน้อยเงยหน้ากล่าวอย่างภาคภูมิใจ จากนั้นมันก็หายไปจากไหล่ของมู่เฉียนซีภายในชั่วพริบตาเดียว
— กรึก! —
จากนั้นพวกเขาก็เหมือนว่าจะได้ยินเสียงแตกหักบางอย่างขึ้น
.