ตอนที่ 345 ออกหน้ากระดกเหล้าแทน

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

บนหัวของอสรพิษเขียวสองหัวตัวนั้นปรากฏแผลเป็นรู มีเลือดกระเซ็นออกมา  แมวน้อยที่ดูน่ารักเหมือนจะไม่มีพิษภัยตัวนั้นก็จับเอาผลึกวิญญาณสีเขียวของมันกัดกินทันที

อู๋ตี้กินผลึกวิญญาณมันไปหนึ่งผลึก ขณะเดียวกันหัวอีกข้างหนึ่งของอสรพิษเขียวสองหัวตัวนี้ก็เริ่มโจมตีอู๋ตี้ ทว่าอู๋ตี้หลบหลีกการโจมตีของมันเอาไว้ได้

เวลานี้ผลึกวิญญาณผลึกหนึ่งถูกอู๋ตี้กัดกินไปแล้ว ทว่าดูเหมือนอู๋ตี้ยังไม่พอใจ มันกระโดดขึ้นไปบนหัวของอสรพิษเขียวอีกข้างหนึ่งและใช้กรงเล็บอันแหลมคมของมันข่วนเข้าที่หัวอสรพิษเขียวอย่างรุนแรง

“ม่ายยยย!” อิ๋นซวงซวงตะโกนดังลั่น

ทราบกันดีว่าการที่จะได้สัตว์ศักดิ์ระดับหนึ่งหรือสองมาเป็นสัตว์พันธสัญญานั้นมันยากเย็นเพียงใด ผู้เป็นเจ้าของจึงไม่ยอมให้ใครมาทำลายง่าย ๆ เช่นนี้ได้เด็ดขาด

— ฉ่า! —

อสรพิษเขียวสองหัวถูกอู๋ตี้กัดแทะผลึกวิญญาณไปจนมันขาดลมหายใจและตายลง ร่างของมันร่วงลงสู่พื้น อู๋ตี้กลับมาหามู่เฉียนซีก่อนจะกล่าวว่า “นายท่าน ข้าหิวแล้ว”

อยากจะเลื่อนขั้นเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ต้องใช้พลังงานจำนวนมาก  ต้องทราบก่อนว่าความแข็งแกร่งของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่นั้นสามารถเทียบได้กับความแข็งแกร่งของบุคคลระดับจักรพรรดิ  ทั่วทั้งเซี่ยโจวนี้ เกรงว่ายากนักที่จะมีบุคคลระดับจักรพรรดิสักหนึ่งคน

มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุก “เจ้าตะกละ เก็บเอาไว้บ้างแล้วกินช้า ๆ หน่อย”

“เข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้วนายท่าน” อู๋ตี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เจ้า…” อิ๋นซวงซวงเห็นพวกเขานายท่านกับสัตว์วิญญาณกล่าวตอบโต้กันไปมา นางก็โกรธจนแทบจะเป็นลมล้มไป

มู่เฉียนซีกล่าว ใบหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ว่าอย่างไรล่ะองค์หญิงรอง ต้องการจะต่อสู้กับข้าอีกหรือไม่ ?”

“ข้าจะสู้กับเจ้าจนสุดชีวิตของข้า!” กระบี่ยาวของนางถูกชักออกจากฝัก โจมตีไปที่มู่เฉียนซีทันที

การลอบโจมตีเช่นนี้ไม่ได้อยู่ในสายตามู่เฉียนซีแม้แต่น้อย มู่เฉียนซียกแขนขึ้น กล่าวอย่างเย็นชาว่า “โล่มังกรวารี!”

ความแข็งแกร่งของทั้งสองนั้นห่างชั้นกันเกินไปจนอิ๋นซวงซวงไม่อาจต้านทานการโจมตีของมังกรวารีได้ ร่างของนางกระเด็นลอยออกไปกลางอากาศอย่างน่าสังเวช

— ปัง! —

องครักษ์ของนางรีบเข้าไปรับร่างนางเอาไว้ มิเช่นนั้นเกรงว่าจะต้องบาดเจ็บอย่างสาหัสเป็นแน่แท้

— พรวด! —

อิ๋นซวงซวงกระอักเลือดคำโตออกมา จากนั้นเป็นลมล้มลง

อีกทางด้านหนึ่ง เชียนอ้าวเซี่ยตะโกนส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ “เสี่ยวซีซียอดไปเลย สมกับเป็นแม่นางคนงามที่ข้าชื่นชอบจริง ๆ”

แสงตะวันสีทองอร่ามสาดส่องกระทบลงบนใบหน้าของเขา ทำให้ทุกคนที่เห็นทิวทัศน์ในเวลานี้เกิดความฉงนสงสัยขึ้นเล็กน้อย  ทว่ามู่เฉียนซีมิได้เป็นเช่นนั้น ภูมิคุ้มกันของนางต่อความงดงามนั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก  ไม่ว่าจะเป็นท่านอา ชิงอิ่ง หรือจะเป็นจิ่วเยี่ย  สำหรับนาง ความงามของพวกเขาไม่แตกต่างจากเชียนอ้าวเซี่ยผู้นี้เลย เพียงแต่บุรุษผู้นี้ดูนุ่มนิ่มกว่าเล็กน้อย

มู่เฉียนซีขมวดคิ้ว “ทางที่ดีเจ้าควรหยุดกล่าววาจาไร้สาระกับข้าได้แล้ว มิเช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าพูดไม่ได้ไปตลอดชีวิต”

“ฮือ ๆ ๆ เสี่ยวซีซี เหตุใดเจ้าถึงใจร้ายกับข้าเช่นนี้” เชียนอ้าวเซี่ยมองมู่เฉียนซีด้วยสายตาเว้าวอนเพื่อเรียกร้องความรักและความสงสารจากนาง

— ตูม! —

พลังธาตุวารีของมู่เฉียนซีโจมตีใส่เขา นางเพียงแค่อยากจะรู้ว่าเจ้าบุรุษนุ่มนิ่มผู้นี้แสร้งทำเป็นบ้า ๆ บอ ๆ จริงหรือไม่ ?

“คุณชายระวังขอรับ!”

องครักษ์ของเขาจะเข้ามาสกัดกั้นการโจมตีนี้ทว่าก็ไม่ทัน  เชียนอ้าวเซี่ยที่ไม่มีพลังวิญญาณใด ๆ ไม่อาจหลบหลีกการโจมตีนี้ได้เลย

— ปัง! —

ร่างสีขาวที่งดงามผู้นั้นล้มกระแทกลงบนพื้นหิมะ เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากริมฝีปาก พื้นหิมะขาวโพลนนั้นเปื้อนไปด้วยเลือด ช่างดูหยาดเยิ้มเป็นพิเศษเสียจริงเชียว

“คุณชาย!” พวกเขาเหล่าองครักษ์สองสามคนรีบเข้าไปประคองตัวคุณชายของพวกเขาขึ้น

“แม่นางมู่ ถึงแม้ว่าปกติแล้วคุณชายจะเป็นคนพูดจาไร้สาระ เรียกร้องความสนใจ เจ้าชู้ประตูดิน แต่คุณชายก็ไม่ได้เป็นคนเลวสักหน่อย เหตุใดเจ้าถึงลงมือทำร้ายคุณชายได้ถึงเพียงนี้” องครักษ์ผู้นั้นกล่าวขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ก็ไม่กล้าที่จะผลีผลามเข้าไปลงมือกับมู่เฉียนซี

ร่างสีม่วงเดินเข้าไปยืนข้าง ๆ เขา “การโจมตีช้าเช่นนี้ คุณชายของเจ้ายังหลบไม่ทันอีกรึ ?”

องครักษ์ผู้นั้นกล่าวขึ้น “คุณชายไม่มีพลังวิญญาณมาตั้งแต่กำเนิด ไม่สามารถฝึกฝนพลังวิญญาณได้ อย่าว่าแต่การโจมตีของเจ้าเลยแม่นาง แม้แต่การโจมตีของจอมภูตระดับหนึ่งธรรมดา คุณชายเราก็ไม่อาจหลบหลีกได้”

“พอได้แล้ว!”

มู่เฉียนซีตรวจดูร่างของเชียนอ้าวเซี่ย บุรุษนุ่มนิ่มผู้นี้ไม่มีพลังวิญญาณมาตั้งแต่กำเนิดอย่างแท้จริง และเขาก็ไม่อาจฝึกพลังได้จริง ๆ

ที่นางลงมือทำร้ายเขาไปนั้น นางไม่ได้ต้องการคร่าชีวิตเขาแต่อย่างใด เพียงแค่ต้องการทดสอบเขา จากนั้นนางจึงได้เอาขวดยาออกมาขวดหนึ่งและยัดเข้าปากเขา  องครักษ์ยังไม่ทันได้รู้ตัว เชียนอ้าวเซี่ยที่หมดสติไปก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว

ผิวขาวราวหิมะของเขาในเวลานี้เจือด้วยสีแดงเล็กน้อย เขารีบคว้าแขนมู่เฉียนซีเอาไว้ก่อนจะกล่าวว่า “ขม… ขม… เสี่ยวซีซี รสชาตินี้ช่างขมนัก!”

“เสี่ยวซีซี ข้าอยากจูบเจ้า หากได้จูบเจ้า มันก็จะไม่ขม เพราะริมฝีปากที่แดงระเรื่อของเจ้าคงจะหวาน”

ใบหน้าที่งดงามราวรูปปั้นหิมะนั้นค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซี ดูเหมือนความเร่าร้อนนั้นจะยิ่งแผดเผามากขึ้นเรื่อย ๆ

ในขณะที่เชียนอ้าวเซี่ยคิดว่าการกระทำของเขาจะสำเร็จ ทันใดนั้น เขาก็ถูกมู่เฉียนซีเตะออกไปอีกครั้ง

มู่เฉียนซีจ้องเขม็ง “เชียนอ้าวเซี่ย เจ้าคิดจะเอาเปรียบคนอย่างข้า ไปฝึกตนมาสักร้อยปีเถอะ”

ทันใดนั้น บาดแผลของเชียนอ้าวเซี่ยเพิ่มขึ้นอีกแผลนั่นก็คือที่หน้าผากของเขานั่นเอง  เขากล่าวด้วยความประหลาดใจ “เสี่ยวซีซี เจ้าพูดจริง ๆ รึ ? หากข้าไปฝึกตนอีกร้อยปี ข้าก็จะทำเช่นนั้นกับเจ้าได้”

คุณชายเซี่ยผู้นี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาโดยแท้  ใบหน้าของมู่เฉียนซีหม่นคล้ำ นางหมดคำจะกล่าวแล้ว “ไสหัวไปให้พ้น!”

เชียนอ้าวเซี่ยกวนใจนางจนถึงขีดสุดแล้ว เขาลุกขึ้น  กล่าวว่า “ได้ ข้าจะไสหัวไป แต่เสี่ยวซีซี เจ้าก็ต้องไสหัวไปกับข้าด้วย”

มู่เฉียนซีอยากจะฆ่าเจ้าบุรุษนุ่มนิ่มน่ารำคาญผู้นี้เสียจริง ๆ  ทันใดนั้นเอง อู่เผิงหัวเราะอย่างเขินอายและกล่าวว่า “ฮ่า ๆ ๆ ความสัมพันธ์ของแม่นางมู่กับคุณชายเซี่ยนี่ดีจริง ๆ”

มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุก ชายผู้นี้เอาตาข้างใดมองว่าความสัมพันธ์ของนางกับเชียนอ้าวเซี่ยเรียกว่าดี ?

ประกายแสงวาบผ่านดวงตามืดสนิทคู่นั้นของนาง  มู่เฉียนซีเหลือบมองเชียนอ้าวเซี่ยด้วยหางตา “เจ้า  ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่ามายุ่งกับข้าอีก มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าขึ้นมาจริง ๆ”

น้ำเสียงของมู่เฉียนซีแฝงไปด้วยเจตนาฆ่าที่แน่วแน่ ไม่ว่าจะเป็นหมอปีศาจคนก่อนหรือจะเป็นผู้นำตระกูลมู่ในเวลานี้  นางก็ไม่ใช่คนอารมณ์ดีอะไรมากนัก

“อ้อ! เซี่ยเข้าใจแล้ว” เชียนอ้าวเซี่ยก้มหน้ากล่าวด้วยความน้อยใจ

อู่เผิง “เช่นนั้นพวกเราออกเดินทางกันเถอะ หนทางยังอีกยาวไกลกว่าจะถึงจุดหมาย พวกเราต้องเร่งฝีเท้ากันหน่อย”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “อืม”

อู่เผิงและพวกชำนาญทางในทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้มาก ดังนั้นระหว่างการเดินทาง พวกเขาจึงเจอกับสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งไม่มากนัก แต่ต่อให้เจอกับสัตว์วิญญาณเหล่านั้น พวกเขาก็จัดการได้อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องให้มู่เฉียนซีลงมือเลย

หลังจากที่เดินทางไกลมาหลายวัน อู่เผิงก็กล่าวขึ้นว่า “อีกไม่ไกล ด้านหน้าเราจะเจอหุบเขาน้ำแข็ง เป็นที่ที่ดอกบัวผลึกน้ำแข็งเก้าชั้นเติบโตอยู่ คืนนี้พวกเราพักกันที่นี่ก่อนสักคืนเถอะ วันพรุ่งจะได้มีแรงรับมือกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องดอกบัวนั้นได้”

พวกเขาเหนื่อยล้ากับการเดินทางมามาก ดังนั้นจึงตกลงที่จะพักผ่อนกันที่นี่

อู่เผิงกับพวกออกไปล่าสัตว์กันมาได้มากมาย พวกเขาเตรียมย่างเนื้อสัตว์กินกันสำหรับคืนนี้  ในเมื่อมีเนื้อย่าง สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือเหล้า

เหล้าที่อู่เผิงเตรียมมานั้นนับว่าไม่เลวเลย แม้กระทั่งองค์หญิงรองผู้ยโสยังชอบที่จะดื่มมัน

ในตอนนี้เอง อู่เผิงเดินไปหามู่เฉียนซี “แม่นางมู่ วันพรุ่งก็เป็นวันที่ต้องทำภารกิจใหญ่กันแล้ว ข้าดื่มให้เจ้าหนึ่งจอก!”

ในขณะที่อู่เผิงยื่นจอกเหล้าให้กับมู่เฉียนซี ทันใดนั้นมือเรียวยาวขาวดั่งหิมะข้างหนึ่งก็รับจอกเหล้านั้นแทน  เขากล่าว “เสี่ยวซีซีดื่มเหล้าไม่เก่ง เหล้าจอกนี้ให้ข้าดื่มแทน  เจ้าจะว่าอย่างไร ?”

อู่เผิงยิ้ม “ย่อมได้”

ทั้งสองกระดกแก้วเหล้าคนละหนึ่งจอกจนหมด  มู่เฉียนซีเงยหน้าขึ้นมองชายผู้มีใบหน้างดงามอย่างไร้ที่ติผู้นั้น พลันบังเกิดความตะลึงงันปรากฏขึ้นภายในดวงตาของนาง

.