บทที่ 510 เสียสติก่อนตาย
บทที่ 510 เสียสติก่อนตาย
“แก…! ทำไมถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?”
“แข็งแกร่งเกินไป…แข็งแกร่งเกินไป! ตระกูลเฝิงของฉันไปหาเรื่องคนแบบไหนกันแน่??!”
“…”
ผู้คนจำนวนหนึ่งสัมผัสได้ถึงพลังจิตวิญญาณที่ปั่นป่วนและหวาดกลัวจนไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อสู้
การโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวทำให้แทบทั้งกองทัพราบเป็นหน้ากลอง
และทำให้ชายวัยกลางคนผู้ไร้ซึ่งพลังจิตวิญญาณแทบจะหมดสติไป แม้ว่าจะหลบอยู่หลังฝูงชนแล้วก็ตาม…
ขณะที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความผวาดผวา
ใครจะคิดว่าชายหนุ่มที่เขาต้องการฆ่าจะมีพละกำลังขนาดนี้!
หากย้อนเวลากลับไปได้เขาอยากจะตบหน้าตัวเองแรง ๆ สักครั้ง การจะจัดการกับสัตว์ประหลาดเช่นนี้นั้นไม่ต่างอะไรจากความตายทั้งเป็น!
ผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหลายต่างตกตะลึง!
ไม่มีใครกล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
“ตอนนี้แหละ ไปฆ่าเขาได้เลย!!”
อวี้ฮ่าวหรานพูดอีกครั้ง
หวังเหยียนตัวสั่นเทิ้มและไม่อยากจะเชื่อสายตา
“พี่…พี่อวี้แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่?”
ตั้งแต่หยวนหลงถูกปลิดชีวิต แทบทุกครั้งที่เขาโจมตีออกไป พละกำลังของชายหนุ่มทำให้เขาทึ่งได้เสมอ
ตอนนี้มีผู้ใช้กำลังภายในจำนวนมากที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
ราวกับว่าพละกำลังของเขาไม่มีที่สิ้นสุด!
“ไปสิ นายไม่ต้องห่วงหรอก”
อวี้ฮ่าวหรานกล่าว
ช่องว่างระหว่างพลังนั้นกว้างเกินไป และพูดอะไรไปก็คงเปล่าประโยชน์ทั้งนั้น
หวังเหยียนพยักหน้าก่อนจะหยิบกระบี่เล่มยาวมา และเดินไปยังเด็กหนุ่มช้า ๆ
“แกรู้ไหมว่าคนที่แกแทงคือน้องสาวของฉัน?”
เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าโจทก์ ท่าทางของเขาก็เย็นชาขึ้นทันที
เมื่อเฝิงเส่าอวิ๋นเห็นว่าอีกฝ่ายทรงพลังขนาดไหน เขาก็รู้ทันทีว่าวันนี้คือวันตายของตน แต่เขาก็ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
“ฮ่า ๆ งั้นฉันก็ควรแทงหลายแผลหน่อยสินะ! ถ้ายังไม่พอ ฉันจะตัดแขนขาแกออก ควักลูกตาแกออกมาและปล่อยให้ทรมานจนตาย!”
เมื่อความตายคืบคลานเข้ามาใกล้ เขาก็เสียสติหนักยิ่งกว่าเก่า
ต่างไปจากคนอื่น ๆ เฝิงเส่าอวิ๋นเป็นคนหยิ่งทะนงยิ่งกว่าใคร เขาเกิดมาพร้อมกับสุดยอดพรสวรรค์และไม่เคยต้องก้มหัวให้ใครมาก่อน!
“ไอ้เปรต!”
หวังเหยียนตัวสั่นเครือ เขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะมีจิตใจชั่วร้ายเช่นนี้!
“ฮ่า ๆ คนของแกวันนี้ดูแข็งแกร่งดีนะ แน่นอนว่าฉันหนีไม่ได้หรอก! แค่เสียดายนิดหน่อยที่ตัวเองยังเด็กเกินกว่าจะหนีจากขยะอย่างแกได้!”
เฝิงเส่าอวิ๋นหัวเราะเยาะราวกับว่าไม่เกรงกลัวสิ่งใด
‘ฉับ!’
หวังเหยียนทนไม่ไหวอีกต่อไปและตัดขาทั้งสองข้างของเขาด้วยกระบี่ในที่สุด!
“ความตายใกล้ขนาดนี้แล้ว แกไม่รู้จักสำนึกผิดบาปบ้างหรือไง?”
เขาจินตนาการสภาพแวดล้อมที่เด็กบ้าบอแบบนี้โตขึ้นมาไม่ออกจริง ๆ
“เจ็บนะ! เจ็บ! ฮึ่ม! ฉันเก่งจนฆ่าคนได้ตั้งแต่ 10 ขวบ! แกเป็นใครถึงกล้ามาบอกให้ฉันสำนึกผิด!?”
เมื่อเห็นว่าขาของตนถูกฟันขาด เฝิงเส่าอวิ๋นก็บ้าคลั่งยิ่งขึ้นไปอีก
แม้แต่อวี้ฮ่าวหรานที่ยืนมองอยู่จากด้านหลังก็ต้องขมวดคิ้ว
ชายคนนี้สูญเสียความเป็นมนุษย์จนหมดสิ้นและกลายเป็นเครื่องจักรสังหารไปแล้ว
ดีแล้วที่เขาตาย…
หวังเหยียนถอนหายใจเบา ๆ มีความสิ้นหวังอยู่ในสีหน้าของเขา
“คนอย่างแกถึงจะฆ่าไปแล้วก็ยังเกลียดอยู่ดี แต่น่าเสียดายที่วันนี้ฉันจะให้พี่ชายเสียเวลาไม่ได้”
แล้วกระบี่ยาวก็ฟันลงมาอย่างรุนแรง!
‘ฉับ!’
ศีรษะของศัตรูหลุดออกจากบ่าทันที!
เฝิงชิงเฉิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เบิกตากว้าง
“กล้าดียังไง!!!”
ด้วยเสียงคำรามลั่นนั้น พลังจิตวิญญาณปั่นป่วนจนทั้งร่างกายของเขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
“ฉันฆ่ามันแล้วจะทำไม?”
เมื่อได้เห็นความตายของศัตรู ความโกรธแค้นของหวังเหยียนก็บางเบาลงบ้าง
ใบหน้าของเฝิงชิงเฉิงซีดเป็นไก่ต้มเมื่อเห็นว่าไม่มีคำพูดใดข่มขู่าฝ่ายตรงข้ามได้อีกต่อไปแล้ว
อย่างไรแล้วเขาก็คือหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดของทั้งตระกูลเฝิง การที่เขาถูกฆ่าได้ภายในเสี้ยววินาทีนั้นหมายความว่าพละกำลังของอีกฝ่ายน่าสะพรึงกลัวเกินไป!
“แกก็ตามมันไปด้วย!”
หวังเหยียนไม่พูดอะไรมาก เขายกมือขึ้นและตัดหัวศัตรูทันที
ภายในห้องโถงบ้านตระกูลเฝิงหลังจากนั้น
“ฮะ ๆ ตอนนี้คนที่พังเข้ามาอาจจะตายแล้วก็ได้ พวกเรามาคุยกันเรื่องวันเกิดครบ 18 ปีของเส่าอวิ๋นเดือนนี้กันดีกว่า”
เพื่อที่จะปรับบรรยากาศภายในห้อง หัวหน้าตระกูลเฝิงพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
ทุกคนต่างก็คิดว่าตระกูลเฝิงทรงพลังมากและเฝิงชิงเฉิงคือชายผู้แข็งแกร่งในขั้นก่อรากฐานระดับกลาง จึงไม่น่ามีอะไรให้เป็นห่วง
“ฉันว่ามันคือการฉลองวัยกำลังโตและต้องจัดให้ดีที่สุด!”
“เส่าอวิ๋นเป็นอัจฉริยะที่ตระกูลเฝิงแทบไม่เจอมากว่าร้อยปี จะละเลยงานใหญ่แบบนี้ไม่ได้”
“ใช่แล้ว อันที่จริงฉันเตรียมคนเอาไว้พร้อมแล้ว แค่รอออกคำสั่งเท่านั้น”
“…”
ทุกคนหยุดคิดเรื่องผูุ้กรุกและเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับงานฉลองวันเกิดแทน
แต่ในตอนนั้นเอง สมาชิกตระกูลเฝิงร่างอาบเลือดคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก!
“หัวหน้า! ผู้อาวุโส! แย่แล้ว! แย่แล้ว…!”
ชายผู้น่าสงสารทรุดลงที่พื้นขณะที่เหนื่อยหอบและตะโกนลั่นด้วยใบหน้าหวาดผวา
“ตื่นตระหนกอะไรขนาดนั้น? ตระกูลเฝิงจะเสียงดังตามใจชอบได้ยังไง?”
หัวหน้าเฝิงตบเก้าอี้และลุกขึ้นยืนด้วยความไม่พอใจ
แต่ก่อนที่เขาจะได้ถามไถ่อะไรเพิ่มเติมก็มีเสียงต่อสู้ดังขึ้นที่ด้านนอกประตู!!
ผู้อาวุโสทั้งหลายประหลาดใจเล็กน้อย
“ใครกล้าเข้ามาต่อสู้นอกบ้านตระกูบเฝิงกัน?”
ในขณะเดียวกันนั้น การต่อสู้ด้านนอกหยุดชะงักลงในทันใด!
“คนที่บุกเข้ามาถูกจัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ?”
ทุกคนคิดว่าจะลุกออกไปดูสักหน่อย แต่เมื่อได้ยินเสียงเบาลงก็โล่งอก
ตู้ม! ตู้ม!
วินาทีต่อมา ศพ 2 ศพก็เข้ากระแทกกับประตูอย่างรุนแรงจนพังทลาย!
ปัง ปัง!
เมื่อพวกมันร่วงลงบนพื้น ทุกคนก็ต่างก็ตกตะลึงเพราะช่วงเวลา 100 ปีที่ผ่านมานี้ ไม่มีผู้ใดกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลเฝิงทั้งสิ้น!
แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่สุด!
เมื่อศีรษะของศพทั้งสองกลิ้งเข้ามาและเผยใบหน้าให้เห็น ผู้อาวุโสตระกูลเฝิงทุกคนต่างขวัญหนีดีฝ่อ!
“เป็นไปได้ยังไง!!”
ดวงตาของหัวหน้าตระกูลเฝิงเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อสายตา
ศีรษะหนึ่งที่กลิ้งมาตามพื้นหินฟ้าคือเฝิงเส่าอวิ๋น อัจฉริยะที่พวกเขาพึ่งจะเอ่ยถึง!
อีกคนคือเฝิงชิงเฉิง ผู้อาวุโสแห่งตระกูลเฝิง!
“พวกเขา…ตายแล้วเหรอ?!”
“พระเจ้า! นี่มันใครกันแน่?”
สมาชิกระดับสูงทุกคนต่างก็ชาไปทั้งร่างและเริ่มเป็นกังวล!
ศัตรูเข้ามาถึงประตูบ้านแล้ว!
หลังจากนั้น อวี้ฮ้่วหรานก็ก้าวเข้ามาด้านในอย่างสบายใจราวกับเดินทอดน่องในสวนดอกไม้!
หวังเหยียนเดินตามเข้าพร้อมกระบี่ในมือและดวงตาที่แทบจะกลายเป็นสีแดง!
ทุกคนที่เคยไปบุกรุกองค์กรเพลิงม่วงล้วนถูกเขาสังหาร!
“แกเป็นใคร!?”
เมื่อเห็นชายหนุ่ม 2 คนเดินเข้ามา หัวหน้าตระกูลเฝิงก็ขมวดคิ้วและตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
“ให้คนอื่น ๆ ของแกเข้ามาด้วย!”
เขาไม่เชื่อว่าชายเพียงแค่ 2 คนจะสามารถบุกทะลวงเข้ามาถึงที่นี่ได้
อวี้ฮ่าวหราจ้องเขม็งโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่น้อย
“ตั้งแต่นี้ไปจะไม่มีตระกูลเฝิงอีกแล้ว!”
ทันทีที่พูดจบ ห้องโถงก็เงียบกริบทันที
“ตลกสิ้นดี! ไอ้เด็กอวดดี แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”
ชายวัยกลางคนตะโกนลั่นและระเบิดพลังจิตวิญญาณออกไปยังศัตรูทันที
ตู้ม!
พลังจิตวิญญาณของทั้งสองปะทะกันกลางห้องโถง ก่อให้เกิดสายฃมโหมกระหน่ำที่ทำลายโต๊ะและเก้าอี้โดยรอบเป็นชิ้น ๆ ในพริบตา!