ตอนนั้นถังหนิงยังคงไม่รู้ว่าคนที่เรียกว่าช่างเทคนิคพิเศษชั้นแนวหน้านั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการของพี่น้องหัน
เธอมารู้เองตอนที่โม่ถิงอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง ดูเหมือนว่าหันเจี๋ยจะถูกน้องชายลากลงมาให้ตกต่ำเช่นกัน
เธอจึงนึกถึงแม่ของพวกเขา
เธอต่อสายหาหลงเจี่ย “เธอตามหาว่าแม่เขาอยู่ที่ไหนได้ไหม”
“คุณคิดอะไรอยู่เหรอคะ”
“ฉันอยากจะรักษาอาการป่วยของพี่น้องสองคนนั้นสักหน่อยน่ะสิ! ถ้าเราคอยแต่กดหัวพวกเขาไว้อยู่อย่างนี้ พวกเขาจะต้องตามอาฆาตไม่เลิกแน่ ยิ่งหันซิวเช่อไม่ได้สนใจภาพลักษณ์ของเขาด้วยแล้ว ฉันว่าต่อให้เขาถูกทำลายไม่มีชิ้นดีเขาก็ยังจะไม่หยุดอยู่ดี! ดังนั้นเราต้องลากเขาออกมาพร้อมๆ กับต้องลงมือจัดการเรื่องแม่ของเขาด้วย!”
“รับทราบค่ะ” หลงเจี่ยพยักหน้าก่อนจะออกไปตามหาตัวแม่ของสองพี่น้อง
ตัวอย่างภาพยนตร์มดราชินีถูกปล่อยออกมาแล้ว การทดลองฉายผ่านพ้นไปพร้อมกับวันเข้าฉายที่กำลังจะได้รับการยืนยัน หากแต่หันซิวเช่อยังคงตามรังควานไม่เลิก แม้ว่าถังหนิงจะไม่มีอะไรให้ผู้คนใส่ความกันแล้วก็ตาม นี่เป็นเหตุผลที่ถังหนิงกลัวว่าเขาจะพุ่งเป้าไปที่คนรอบตัวเธอแทน
ฉะนั้นทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับแม่ของหันซิวเช่อ!
หลงเจี่ยรู้ว่าใกล้ถึงเวลาที่ต้องสะสางกับสองพี่น้องสักที เธอจึงเริ่มตรวจสอบข้อมูลที่มีทันที ก่อนได้รับข้อมูลบางอย่างที่น่าเชื่อถือมาในท้ายที่สุด
ผู้หญิงนามสกุลซูซึ่งตอนนี้ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการเช่นกัน อย่างไรก็ตามคนต่างไม่เคยเห็นหน้าของเธอเพราะเธอเป็นนักพากย์ที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง ต่อให้จะอยู่ในวงการมานานแล้วหลงเจี่ยก็ไม่เคยรู้จักเธอ…
เธอคิดว่าสองพี่น้องคงเกลียดผู้หญิงนักหนาจนไม่ยอมปล่อยให้เธอรอดพ้นเงื้อมมือไปได้ เธอยังอยู่รอดในวงการได้อย่างไรกัน
หลงเจี่ยรายงานสิ่งที่สืบทราบมาให้ถังหนิงรู้ก่อนถามสิ่งที่นึกสงสัยในใจกับเธอ “ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมสองพี่น้องนั่นถึงไม่โจมตีแม่ที่นอกใจของตัวเองแล้วพุ่งเป้าที่คุณแทนล่ะ”
“ไปพบนักพากย์คนนั้นกันเถอะ บางทีอาจมีเรื่องราวมากกว่านี้ก็ได้!” ถังหนิงตอบ “ช่วยจัดการให้ฉันที ฉันอยากจะพบเธอ”
“โอเคค่ะ ฉันจะพยายามอย่างถึงที่สุด” หลงเจี่ยพยักหน้ารับ
ผู้แม่คบชู้ และพ่อยังจับได้ว่าเธออยู่บนเตียงกับผู้ชายถึงสองคน ข่าวอย่างนั้นอย่างมากก็เป็นได้เพียงข่าวฉาวเล็กๆ ในวงการบันเทิง โดยเฉพาะเมื่อตระกูลหันอยู่ในวงการมานานนม
ทว่าหลังจากนั้นพ่อของเขาได้แต่งงานใหม่กับเลขาตัวเองและไม่ได้มีลูกด้วยกัน ในขณะที่ไม่ได้ข่าวคราวจากแม่ของพวกเขาอีก
เพราะแม่ของเขา หันซิวเช่อจึงมีความคิดบิดเบี้ยว และเป็นโชคร้ายของถังหนิงที่เธอได้ไปสะกิดความทรงจำที่อ่อนไหวของเขา พูดตามตรงแล้วถังหนิงก็มีส่วนผิดไม่น้อย!
หากแต่สิ่งที่แปลกที่สุดคือเมื่อหลงเจี่ยขอนัดพบกับคุณนายหัน เธอกลับถูกปฏิเสธกลับมา
มีคนในวงการบันเทิงที่เมินเฉยใส่ถังหนิงอยู่จริง!
บางทีผู้หญิงคนนี้คงรู้ถึงเรื่องบาดหมางระหว่างลูกชายของเธอกับถังหนิง
เมื่อโม่ถิงรู้ว่าพวกเธอนัดพบผู้หญิงคนนี้ไม่สำเร็จ เขาจึงบอกความลับอีกอย่างหนึ่งกับถังหนิง “เธอไม่ได้ไม่อยากมาพบคุณเพราะพี่น้องหันหรอกนะครับ
“เธอแค่อยากจะเลี่ยงการตกเป็นที่สงสัยต่างหาก!”
“คุณรู้ได้ยังไงกันคะ”
“ข้อมูลที่หลงเจี่ยเอาให้คุณรวบรวมมาจากลู่เช่อน่ะครับ ผมเลยสั่งให้เขาขุดคุ้ยลงไปให้ลึกกว่านี้และเขาก็ได้รู้เรื่องราวมากขึ้น” โม่ถิงเล่าสิ่งที่ได้พบให้ถังหนิงฟัง “หลังจากผู้หญิงคนนี้หย่ากับคุณพ่อหัน เธอก็เริ่มไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น จนสุดท้ายก็คบกับผู้ชายคนเดิมมากกว่ายี่สิบปีโดยที่ไม่ได้เรียกร้องความสัมพันธ์ที่เป็นเรื่องเป็นราวเลย
“ตอนนี้สิ่งสุดท้ายที่เธอต้องการถูกผูกเอาไว้กับสองพี่น้อง
“ผมเลยรู้สึกว่าอีกเหตุผลหนึ่งที่หันซิวเช่อก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้เพราะต้องการเรียกร้องความสนใจจากผู้หญิงคนนั้น”
“ตอนนี้ผู้ชายที่เธออยู่ด้วยคือใครเหรอคะ”
“ดาราดาวรุ่งสายบู๊ระดับนานาชาติ หลงชิงอวิ๋น…”
“ทำไมถึงเป็นเขาได้ล่ะคะ” ชายคนนี้เป็นรุ่นพี่สูงวัยคนหนึ่ง ถังหนิงจึงต้องรู้จักเขาอยู่แล้ว
เธอแค่นึกไม่ถึงว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกันขนาดนี้ เมื่อเธอบอกให้หลงเจี่ยไปตามหาผู้หญิงคนนั้น จึงดูเหมือนเป็นการคุกคามไปบ้าง และที่อีกฝ่ายปฏิเสธที่จะพบก็เป็นเพราะว่าเธอนึกระวังตัวขึ้นมา หากแต่นั่นหมายความว่าเธอต้องยังมีความเกี่ยวพันกับสองพี่น้อง
โม่ถิงมองสีหน้าจนปัญญาของถังหนิง แล้วลูบศีรษะเธอเบาๆ ก่อนระบายยิ้มให้ “อะไรกัน นี่คุณกลัวเหรอ คุณกลัวเป็นด้วยเหรอเนี่ย”
“ฉันแค่หงุดหงิดนิดหน่อยต่างหากล่ะคะ!” ถังหนิงเอนกายซบโม่ถิงด้วยท่าทางเหนื่อยล้า
“ถ้าคุณบอกให้หลงเจี่ยติดต่อดาราสายบู๊คนนั้นไป คิดว่าเขาจะตอบรับคุณไหมครับ แน่นอนว่าไม่ ฉะนั้นคนที่คุณควรจะคุยด้วยก็คือผมไม่ใช่หลงเจี่ย ถ้าผมเชิญเขามาเขาอาจจะไม่เต็มใจแต่เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากมาให้ผนเห็นหน้าบ้าง”
“คุณจงใจทำอย่างนี้สินะคะ!”
โม่ถิงมองภรรยาอย่างรักใคร่ก่อนลุกขึ้นเดินกลับไปที่ห้องทำงาน
ความจริงแล้วต่อให้โม่ถิงจะเป็นคนเชิญศิลปินสายบู๊วัยเกือบหกสิบด้วยตัวเอง เขาก็ไม่อาจรับรองได้ว่าจะทำสำเร็จ
ถังหนิงคงไม่รู้ว่าคืนนั้นโม่ถิงต้องโทรหาหลายรอบขนาดไหน
ในขณะที่เขากำลังจะออกจากบ้านในตอนเช้า เขายังได้บอกกับถังหนิงเอาไว้ “วันนี้อย่าลืมเปิดเครื่องเอาไว้นะครับ”
“ทำไมล่ะคะ”
ถังหนิงไม่เข้าใจความหมายแฝงของคำพูดเขา กระทั่งมีสายที่ไม่รู้จักโทรมาหา “สวัสดีค่ะ ฉันซูอวี๋เอง ได้ยินว่าคุณกำลังตามหาฉันเหรอคะ”
“สวัสดีค่ะ รุ่นพี่ ไม่ทราบว่าฉันขอรบกวนเวลาสักหน่อยจะได้ไหมคะ”
“สามีคุณโทรมาหาสามีของฉันกว่าหกสิบสาย ฉันว่าตัวเองคงไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธคุณแล้วล่ะคะ” หลังพูดจบ ปลายสายตกลงวันเวลานัดพบกับถังหนิง
จากนั้นถังหนิงจึงสั่งหลงเจี่ยไม่ให้พูดถึงเรื่องของหันซิวเช่อในทันที
พวกเธอควรตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปหลังจากได้พบกับนักพากย์เสียงคนนั้น
พวกเธอนับพบกันในเวลาสองทุ่มที่โรงแรมใกล้สถานีโทรทัศน์
ผู้ช่วยของเธอที่ดูสุภาพและว่าง่ายไม่น้อยได้มาเป็นเพื่อนเธอด้วย
ถังหนิงไม่ได้บอกให้โม่ถิงมาด้วย เธอแค่มาถึงพร้อมกับหลงเจี่ย เพราะคิดว่าคงไม่สะดวกที่ผู้ชายจะอยู่ด้วยในขณะที่พวกเธอกำลังคุยกับตามประสาผู้หญิง
นี่เป็นครั้งแรกที่ถังหนิงได้พบกับซูอวี๋ เมื่อเธอมองพิจารณาอย่างรอบคอบก็เห็นว่าท่าทางการเดินของอีกฝ่ายดูแปลกไป
ซูอวี๋สังเกตเห็นแววตาของถังหนิง ก็รู้ว่าเธอกำลังสงสัยเรื่องอะไรจึงเผยออกมาทันที “หลายปีก่อนหน้านี้ฉันเคยถูกทำร้ายร่างกายน่ะค่ะ”
“ฉันเสียใจด้วยนะคะ…”
ซูอวี๋ระบายยิ้ม แม้ว่าเธอจะไม่ได้แต่งหน้าและอายุมากแล้ว ก็ยังดูสง่างามอย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะนัยน์ตาเธอ ถังหนิงไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงอย่างนี้จะคิดนอกใจได้
เธอรูปร่างผอมบางทว่ากลับมีเสน่ห์ แม้ว่าเธอจะไม่ได้แต่งตัวจัดเต็ม เธอก็ดูแลตัวเองให้ดูดีบ้างอย่างแน่นอน
“ไม่มีอะไรต้องขอโทษหรอก คุณไม่ใช่คนแรกที่สงสัย เลิกพูดนอกเรื่องแล้วเข้าเรื่องที่นัดพบวันนี้เถอะค่ะ ฉันเห็นข่าวแล้ว ฉันเลยไม่แปลกใจที่คุณจะมาหาฉัน แต่ว่าฉันคงช่วยอะไรคุณไม่ได้จริงๆ ค่ะ…”
หลังจากถังหนิงได้ยินเช่นนี้ เธอสูดหายใจลึก “รุ่นพี่ซูคะ เราก็เป็นผู้หญิงด้วยกัน ฉันเลยเข้าใจว่าไม่ไม่ง่ายสำหรับเราทั้งคู่เลย แต่ว่า…ฉันอยากจะรู้ว่าพอจะมีทางหยุดสองพี่น้องนั่นบ้างไหมคะ ฉันกำราบพวกเขาได้ง่ายๆ ก็จริงแต่ฉันไม่อยากเสียเวลากับเรื่องไร้สาระแบบนี้ มันไม่ใช่ว่าฉันจะฆ่าพวกเขาได้นี่คะ
“ฉันเลยตัดสินใจติดต่อคุณไป”
“ฉันเข้าใจค่ะ” ซูอวี๋พยักหน้ารับก่อนที่จะเอ่ยบางอย่างมีเลศนัยออกมา “พวกเขาก็เป็นกันซะอย่างนี้แหละค่ะ!”
“รุ่นพี่…”
“ฉันช่วยอะไรคุณไม่ได้จริงๆ ค่ะ แต่ฉันบอกได้ว่าเป็นเพราะอะไร” ซูอวี๋อธิบาย “ยี่สิบปีก่อนฉันแต่งงานกับคุณหัน ตอนนั้นฉันอยู่ที่บ้านและดูแลลูกๆ อย่างสงบสุข แต่ไม่นานฉันก็รู้ว่าเขาแอบนอกใจกับเลขาของตัวเอง
“ตอนนั้นฉันสู้ไม่ได้ ไอ้เลวนั่นข่มขู่ฉันแล้วบอกว่าฉันจะสูญเสียทุกอย่างไปถ้ากล้าเอาเรื่องนี้ไปบอกทุกคน
“ฉันเลยกลายเป็นคนโง่ที่ยอมทนกับการเหยียดหยามของพวกเขา แต่ไอ้เวรนั่นก็ไม่ยอมหย่ากับฉัน แล้วเลขาของเขาก็เริ่มทนไม่ไหว ท้ายที่สุดเธอเลยวางแผนและใช้ผู้ชายสองคนมาใส่ความฉัน จากนั้นก็พาไอ้เลวนั่นมาดูแล้วก็อ้างว่าฉันนอกใจ
“เขาเลยทำให้ขาฉันหัก
“ตอนนั้นลูกชายคนโตกำลังยืนอยู่หลังประตู ฉันบอกให้เขาเรียกคนมาช่วย แต่เขากลับวิ่งไปหาเลขาแล้วบอกว่าเขากลัว มันเป็นภาพที่ฉันลืมไม่ลงเลยล่ะค่ะ ฉันถึงได้ไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับสองพี่น้องนั่นอีก
“ถังหนิงฉันรู้ว่าคุณเจอกับอะไรมานะคะ แล้วก็รู้ว่าคุณเป็นคนยังไง ฉันถึงไม่กลัวว่าบอกเรื่องนี้กับคุณแล้วตัวเองจะถูกหัวเราะเยาะ”
หลังจากฟังเรื่องราวที่เรียบง่ายนี้ ถังหนิงก็หวนนึกถึงสิ่งที่หันอวี้ฝานกับโม่อวี้โหรวเคยทำกับเธอ
“ฉันจะไม่หัวเราะเยาะคุณหรอกนะคะ แล้วก็จะไม่รบกวนคุณอีกแล้ว ฉันต้องขอโทษที่ทำให้คุณลำบากด้วยนะคะ ฉันจะจัดการกับสองพี่น้องด้วยตัวเอง ฉันไม่อยากให้คุณพลอยมาเดือดร้อนด้วยน่ะค่ะ” ถังหนิงตอบ “เพราะฉันเองก็เคยเจอเรื่องแบบนั้นมาเหมือนกัน”