ตอนที่ 1072 ฉันอยากออกมาป่าวประกาศ!

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ได้ฟังถังหนิงว่าดังนั้น ซูอวี๋จึงส่งยิ้มให้ “สุดท้ายฉันก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้เลย!” 

 

 

ถังหนิงส่ายหน้า จริงอยู่ที่เธอต้องการกำจัดสองพี่น้อง แต่เธอไม่ได้ใจทรามถึงกับใช้บาดแผลของคนอื่นเป็นเครื่องมือ เธอเคยถูกคนอื่นเหยียบย่ำมาก่อน เป็นธรรมดาที่เธอจะเข้าใจความเจ็บปวดของซูอวี๋ 

 

 

ระหว่างทางกลับบ้าน หลงเจี่ยเอ่ยถามถังหนิง “คุณเชื่อสิ่งที่ซูอวี๋บอกเหรอคะ ตอนที่เธอถูกจับได้คาเตียงก็มีคนรู้เรื่องนี้เยอะเลยนะคะ” 

 

 

ถังหนิงไม่ได้ตอบ 

 

 

“อีกอย่างทำไมเธอต้องเล่าเรื่องส่วนตัวขนาดนี้ให้คุณฟังตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอล่ะคะ” 

 

 

“เพราะเธอไม่อยากให้ฉันไปหาเธออีกยังไงล่ะ” ถังหนิงว่าขึ้น “ฉันไม่ได้อยู่ๆ ก็เชื่อเธอหรอกนะ ฉันเอามาคิดประกอบกับข้อมูลที่เธอกับโม่ถิงให้ฉันมาน่ะ แล้วคิดว่าเรื่องของเธอน่าเชื่อถือมากกว่า 

 

 

“เธอเองก็รู้จักพี่น้องหันดีกว่าฉันซะอีกว่าพวกเขาเป็นยังไง ลูกชายเป็นอย่างนั้น เธอคิดว่าจะไม่ได้เป็นเพราะพ่อของเขาด้วยเหรอ 

 

 

“แต่เพื่อความมั่นใจ ฉันยังต้องตรวจสอบข้อมูลนี้ก่อน ถ้าพ่อลูกเป็นอย่างที่ซูอวี๋พูดจริง อย่างนั้นพี่น้องตระกูลหันจะต้องมีจุดจบที่เลวร้ายยิ่งกว่าหันอวี้ฝาน ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าพวกเขาใช้นามสกุลร่วมกันแล้วจะสันดานคล้ายกันขนาดนี้!” 

 

 

หลังจากรับคำสั่งจากถังหนิง หลงเจี่ยพยักหน้ารับ “ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด คุณยังมีแผนจะลากหันซิวเช่อออกมาอยู่ไหมคะ” 

 

 

“แน่สิ เราลั่นปากว่าจะทำอย่างนั้นไปแล้วนี่” 

 

 

ถังหนิงไม่เคยกลับคำพูด นี่เป็นสิ่งที่เธอยึดมั่นมาตลอด 

 

 

… 

 

 

เมื่อกลับถึงบ้าน ถังหนิงก็เล่าเรื่องให้โม่ถิงฟัง เธออดถอนใจออกมาไม่ได้ “ผู้หญิงที่แต่งงานกับปีศาจร้ายก็ไม่ต่างกับการทำลายชีวิตตัวเองเลยนะคะ” 

 

 

โม่ถิงเข้าใจว่าเธอนึกถึงความทรงจำแย่ๆ บางเรื่องอยู่ เขาจึงเอื้อมมือไปลูบหลังเธอเบาๆ “แต่มีผู้หญิงไม่มากที่จะลุกขึ้นยืนและตามเอาคืนเหมือนคุณนะครับ” 

 

 

“นั่นเป็นเพราะว่าฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองมีตรงไหนที่แย่กว่าผู้ชายไงคะ!” ถังหนิงสวนกลับทันควัน 

 

 

“ในใจผม คุณแข็งแกร่งกว่าใครทั้งนั้นครับ” นี่เป็นความรู้สึกที่แท้จริงของโม่ถิง นอกจากถังหนิงแล้ว เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนที่เผชิญหน้ากับเรื่องเดือดร้อนได้สงบนิ่งโดยไม่แตกตื่นแต่อย่างใดอย่างนี้ 

 

 

ความจริงแล้วเธอแทบจะไม่สะทกสะท้านด้วยซ้ำ! 

 

 

“อย่างนั้นคุณก็ทำในสิ่งที่ต้องทำเถอะ มันไม่ใช่บริษัทเล็กๆ ที่จะเอาชนะไห่รุ่ยได้หรอกครับ 

 

 

“เขาสมควรถูกลากออกมาขอโทษซะ! 

 

 

“และก็สมควรถูกลากออกมาคุกเข่า! 

 

 

“อย่าปล่อยให้เขารอดตัวไปได้เด็ดขาด!” 

 

 

ได้ยินโม่ถิงว่าดังนั้น ถังหนิงก็บีบมือเขาแน่น ชายคนนี้ได้มอบความอุ่นใจและความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่ให้กับเธอ 

 

 

“โอเคค่ะ” ถังหนิงพยักหน้ารับ 

 

 

“เด็กดี” 

 

 

ดังนั้นเธอจึงไม่คิดออมมือกับเรื่องของหันซิวเช่อ ตอนนี้ มดราชินี กำลังจะเข้าฉายแล้ว หันซิวเช่อจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก เขาหวังว่าจะเปลี่ยนอะไรได้กัน 

 

 

วันถัดมาหลงเจี่ยใช้เวลาทั้งวันไปกับการสืบเรื่องของซูอวี๋ ในท้ายที่สุดเธอจึงได้พบว่าคำพูดของซูอวี๋นั้นถูกต้องอย่างน้อยแปดสิบเปอร์เซ็นต์ 

 

 

โดยเฉพาะเรื่องที่ภรรยาคนปัจจุบันของคุณพ่อหันแท้จริงแล้วคือเลขาของเขาที่ซูอวี๋พูดถึง นี่เป็นปัญหาใหญ่และสิ่งที่ทิ้งเบาะแสไว้มากที่สุด! 

 

 

“ฉันไปที่ที่ผู้หญิงคนนี้เคยอยู่แล้วถามจากเพื่อนบ้าน บางคนจำได้ว่าเธอมีผู้ชายขับรถเบนต์ลีย์มาส่งที่บ้านบ่อยๆ ค่ะ มีบางคนที่ยังเคยเห็นว่ารถสั่นด้วยค่ะ ฉันเลยไปสืบอดีตของคุณพ่อหันแล้วก็เจอว่าเขาเคยเป็นเจ้าของเบนต์ลีย์ค่ะ! 

 

 

“ฉันตามสืบเรื่องของซูอวี๋เหมือนกัน เธอเป็นภรรยาที่ซื่อสัตย์ที่ไม่หือไม่อือแล้วก็อยู่ในโอวาทมากเลยล่ะค่ะ! 

 

 

“แสดงว่าซูอวี๋พูดความจริงค่ะ 

 

 

“คุณพ่อหันกับลูกชายทั้งสองคนไม่ได้เพิ่งมาทำตัวน่ารังเกียจเอาเมื่อเร็วๆ นี้ แต่เป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่แรกแล้ว” 

 

 

หลังจากฟังเรื่องที่หลงเจี่ยสืบรู้มา ถังหนิงจึงได้ข้อสรุป “เธอทำงานมาหนักทั้งวันแล้ว กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ ส่วนเรื่องการฉายหนังรอบพิเศษสำหรับแฟนๆ มันใกล้ถึงเวลาแล้วล่ะ แล้วค่อยมาคุยกันหลังจากที่เราล่อหันซิวเช่อให้ออกมาคุกเข่าขอโทษ!” 

 

 

“โอเคค่ะ” หลงเจี่ยพยักหน้ารับ 

 

 

ถังหนิงคงไม่อาจจัดการกับความไม่เป็นธรรมทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกได้ แต่เมื่อเป็นเรื่องพี่น้องตระกูลหัน พวกเขาได้ท้าทายเธอมานานพอแล้ว 

 

 

หันซิวเช่อไม่รู้ตัวว่ากำลังติดกับดัก เขารู้เพียงว่าถังหนิงเชิญแฟนๆ ของเธอเข้าชมภาพยนตร์เป็นการส่วนตัว เขาจึงวางแผนว่าจะเล่นตามน้ำและไปชมภาพยนตร์ที่ว่ากันว่า ยิ่งใหญ่ นักหนา 

 

 

ภายในโรงภาพยนตร์ หลงเจี่ยกับผู้จัดการโรงจงใจเลือกจุดที่ใกล้ๆ ทางออก พวกเขาต้องการจับตัวหันซิวเช่อทันทีที่เขาปรากฏตัว 

 

 

มันคงพอให้อภัยได้หากเขาไม่รู้ว่าแม่ของตัวเองถูกใส่ร้าย ทว่าเขาเองรู้ดีแต่ยังคิดตั้งแง่กับผู้หญิง นี่เป็นสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่าความจงเกลียดจงชังผู้หญิงของเขานั้นฝังลึกอยู่ในสายเลือดของเขา 

 

 

เขาดูถูกผู้หญิงนักไม่ใช่หรือ 

 

 

ถังหนิงจะทำให้เขาเผยหัวเข่าออกมาเอง! 

 

 

… 

 

 

ในขณะเดียวกันหลังจากถังหนิงได้พบกับซูอวี๋ ฝ่ายซูอวี๋เองตามสืบเรื่องบาดหมางระหว่างถังหนิงกับหันซิวเช่อเช่นกัน หลังจากเข้าใจเรื่องทุกอย่าง เธอนึกรู้สึกผิดในใจ “คุณคะ ผู้หญิงคนนี้ต้องมารับกรรมแทนฉันแท้ๆ เลยค่ะ!” 

 

 

“เธอยังสาวอยู่ ปล่อยให้เธอจัดการไปเถอะ เธอก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเธอไม่ได้ถือน่ะ” 

 

 

“แต่ว่าฉันเป็นคนคลอดสองคนนั้นออกมาเอง คนอื่นอาจจะไม่เป็นไร แต่ถังหนิงเคยเจอเรื่องที่คล้ายๆ กับฉันมา เธอก็ยังใช้ชีวิตอย่างสง่าผ่าเผยได้ ฉันถึงได้นึกชื่นชมเธอไม่น้อย แต่ว่าก็รู้สึกผิดเหมือนกันน่ะค่ะ เธอเป็นแม่ลูกสาม รู้อย่างนี้แล้วฉันก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ฉันอยากจะช่วยเธอน่ะค่ะ” ซูอวี๋เอ่ยกับสามีเธอ 

 

 

“คุณคะ ตลอดหลายปีมานี้นอกจากคุณแล้ว เธอเป็นเพียงคนเดียวที่เข้าใจความเจ็บปวดของฉันเลยนะคะ!” 

 

 

“แล้วคุณจะช่วยเธอยังไงล่ะครับ” เขาว่าขึ้นขณะที่เดินออกมาพร้อมผ้าห่มในมือก่อนเอามาห่มคลุมตัวให้ภรรยา “คุณจะตอกย้ำแผลเก่าของตัวเองเหรอ” 

 

 

“เพราะฉันไม่ใช่คนใสสะอาดแล้วก็ชื่อเสียงฉาวโฉ่ หลายคนเลยต่อว่าคุณมาตลอดหลายปี” ซูอวี๋เอ่ยพลางเอนหลัง “ฉันถึงได้ยืนกรานว่าไม่ให้คุณประกาศว่าเราแต่งงานกันเด็ดขาด แต่ฉันไม่อยากให้คนนินทาคุณอีกแล้วค่ะ แล้วก็ไม่อยากให้คุณต้องเจ็บปวดด้วย! 

 

 

“แล้วทำไมเราไม่ช่วยถังหนิงเปิดเผยความบริสุทธิ์ใจของฉันล่ะคะ ฉันอ่านข่าวแล้วเจอว่าเธอเคยสร้างจู้ซิงมีเดียขึ้นมา บริษัทที่ช่วยศิลปินที่ถูกลืมหลายคนเลยค่ะ” 

 

 

“ถ้าคุณคิดจะทำอย่างนั้นผมจะไม่ขัดข้องการตัดสินใจของคุณแน่นอนครับ แต่ถ้ามันจะทำให้คุณเจ็บปวดเกินจนทนไม่ได้อีกแล้วก็ล้มเลิกนะครับ” 

 

 

“อย่าลืมว่าสามีของคุณยังเป็นดาราสายบู๊ระดับนานาชาติอยู่นะครับ” 

 

 

ต่อให้เขาจะอายุมากแล้ว เขาก็ยังเป็นที่เคารพและคำพูดของเขาก็ยังมีน้ำหนักอยู่บ้าง 

 

 

“ในเมื่อคุณยอมให้ฉันทำอย่างนี้ อย่างนั้นฉันก็จะไปหาผู้หญิงคนนั้นอีกค่ะ! เมื่อก่อนฉันสู้กลับไม่ได้แล้วขาของฉันก็หักด้วย แต่ตอนนี้มีคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องมาพลอยเดือดร้อนไปด้วย ฉันเลยคิดว่าคงเก็บงำความจริงไว้เงียบๆ ไม่ได้อีกต่อไปแล้วล่ะ ความจริงจะถูกปิดบังเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว ฉันอยากออกมาป่าวประกาศค่ะ!”