ซูอวี๋ได้หมายมั่นไว้ในใจ ทว่าความจริงเธอเองก็กลัวว่าจะต้องเสียใจ หลังคืนนั้นเธอจึงต่อสายหาถังหนิง “เดิมทีฉันตั้งใจว่าจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสองพี่น้องตลอดชีวิต แต่พอฉันคิดว่าคนดีมีคุณธรรมต้องมารับกรรมแทนฉัน ฉันก็รู้สึกแย่ขึ้นมา
“ถ้าคุณไม่มาตามหาฉัน ฉันอาจจะหลอกตัวเองได้ว่าคุณจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้ แต่คุณกลับติดต่อฉันมา…ถังหนิง ถ้าคุณยอมช่วยฉันล้างมลทินที่ถูกใส่ความตลอดหลายปีมานี้ เราอาจจะล้มล้างตระกูลหันให้สิ้นซากได้นะคะ
“ฉันบอกตามตรงว่าฉันเองก็มีจุดประสงค์ของตัวเอง แต่เชื่อเถอะค่ะว่าถ้ากำลังตกลงกับคนอื่น ฉันคงไม่มีทางตัดสินใจอย่างนี้!”
“ฉันเข้าใจค่ะ!” อย่างไรเสียใครจะอยากกรีดแผลเก่าของตัวเองกันบ้างล่ะ
“ถ้าคุณยินดีอย่างนั้นฉันก็ตกลงที่จะก้าวออกมาช่วยคุณค่ะ”
“ฉันต้องยินดีอยู่แล้วค่ะ แต่เราต้องมีหลักฐานที่แน่นหนาพอก่อนนะคะ” ถังหนิงตอบ “เราจะรีบร้อนไม่ได้ ยังไงฉันก็เชื่อว่ามีคุณมาช่วย เราต้องมีโอกาสที่จะทำเรื่องทุกอย่างให้กระจ่างครั้งใหญ่ค่ะ”
“แค่คุณบอกมาฉันช่วยคุณได้ทุกเมื่อค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ รุ่นพี่ซู”
หลังคุยโทรศัพท์เสร็จ ถังหนิงเห็นว่าโม่ถิงตื่นแล้วและกำลังนั่งพิงหัวเตียงอยู่ เธอจึงมองเขาอย่างขอโทษ “ฉันปลุกคุณเหรอคะ”
“ซูอวี๋ยอมช่วยคุณแล้วเหรอ”
“ค่ะ แต่เธอขอให้ฉันแก้ข่าวฉาวเมื่อยี่สิบปีก่อนให้เธอน่ะค่ะ ตระกูลหันทำกับเธออย่างนั้นไม่มีทางที่เธอจะยอมรับได้หรอกค่ะ หลังจากถูกตราหน้ามาหลายปีเธอคงใช้ชีวิตอย่างทรมานมามาก ฉันเลยหวังว่าเธอจะตัดสินใจอย่างนี้เหมือนกัน
“ฉันต้องช่วยเธออยู่แล้วค่ะ เพราะฉันเชื่อว่าพฤติกรรมน่ารำคาญของหันซิวเช่อต้องเกี่ยวข้องกับเธอ”
โม่ถิงไม่ได้ว่าอะไร เพียงรั้งเธอเขามาในอ้อมกอด “เดี๋ยวฉันจะสั่งให้ลู่เช่อเริ่มสืบพรุ่งนี้แล้วรวบรวมหลักฐานมาให้ พอถึงเวลาเราจะรวบทั้งข่าวใหม่และเก่าด้วยกันแล้วทำให้เป็นประเด็นที่ร้อนแรงที่สุด!
“เราต้องกำจัดตัวปัญหาใหญ่อย่างหันซิวเช่อก่อนฉันถึงจะเบาใจได้ค่ะ!”
โม่ถิงโน้มลงมากดจูบที่หน้าผากของเธอ “นอนได้แล้วครับ…”
…
ในความเป็นจริงเรื่องที่หลงเจี่ยตามสืบเรื่องของแม่พี่น้องตระกูลหันได้เล็ดลอดมาถึงหูของหันเจี๋ยแล้ว เมื่อเขารู้ว่าถังหนิงหันมาสนใจเรื่องนี้ เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกร้อนตัว
เขาจึงไปตามหาตัวหันซิวเช่อทันที แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งทะเลาะกันแต่พวกเขาก็ยังเป็นพี่น้องกัน ไม่อาจตัดขาดกันได้จริงๆ
“ถังหนิงกำลังสืบประวัติของพวกเรา เมื่อก่อนพ่อทุ่มเทอย่างหนักในการพยายามปกปิดข่าวฉาวผู้หญิงคนนั้น เราจะปล่อยให้ถังหนิงเปิดโปงมันขึ้นมาอีกไม่ได้”
“เธอพยายามดูว่าผู้หญิงที่มั่วผู้ชายเป็นยังไงน่ะเหรอ” หันซิวเช่อถามพลางจ้องหน้าจอแล็ปท็อป
“ไม่ว่าเธอจะทำอะไรอยู่นายก็ควรรีบเตือนเธอให้หยุดซะ! ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไรอีก!
“พวกเธอก็เป็นนังหน้าด้านใจทรามกันทั้งคู่นั่นแหละ!”
หลังจากบอกเรื่องที่รู้กับน้องชาย หันเจี๋ยกลับไปที่บ้านตัวเอง ทว่าจากคำพูดของหันซิวเช่อ เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าใจซูอวี๋ผิดอย่างรุนแรง
ความจริงแล้วก็ควรจะเป็นเช่นนั้น ถึงอย่างไรหันเจี๋ยเองก็เป็นคนเดียวที่เห็นแม่ของเขาถูกใส่ความและทำร้ายร่างกาย หันซิวเช่อไม่ได้รู้เห็นเรื่องนี้ด้วย การหลอกล่อให้เขาเชื่อจึงไม่ใช่เรื่องยาก หากแต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขารู้ความจริงเข้าล่ะ…
การแสดงที่น่าระทึกใจอาจจะเกิดขึ้นระหว่างพี่น้องสองคนก็เป็นได้…
ตอนนั้นหันซิวเช่อรู้เพียงว่าถังหนิงพยายามเปิดโปงข่าวฉาวของพวกเขาซึ่งชวนให้เขาต้องโมโห
…
ถังหนิงเคยบอกก่อนหน้านี้ว่าเธอจะจัดฉายภาพยนตร์เรื่องมดราชินีรอบพิเศษสำหรับแฟนๆ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของเธอในฐานะผู้สร้าง เธอจึงหวังว่าหันซิวเช่อจะมาปรากฏตัวอย่างที่คาดการณ์เอาไว้
ก่อนงานจะจัดขึ้นหลงเจี่ยได้รับข่าวดีจากหัวหน้าสมาคมคนรักถังหนิง ในที่สุดพวกเขาก็เจอตัวแฟนคลับเจ้าปัญหาแล้ว
บางทีอาจเป็นเพราะเงินที่แฟนคนนี้ได้จากหันซิวเช่อ บัญชีโซเชียลของเธอถึงได้เปลี่ยนไปถนัดตา
ก่อนหน้านี้ชีวิตของเธอเรียกได้ว่ายากจนข้นแค้น แต่ภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ อยู่ๆ เธอก็เริ่มอวดกระเป๋ายี่ห้อดังราคาแพงและรถคันใหม่ที่ซื้อให้พ่อตัวเอง!
ทันทีที่หัวหน้าสมาคมสังเกตเห็น เธอก็เฝ้าจับตามองบัญชีของแฟนคนนี้โดยเฉพาะ และพบว่าเธอเปลี่ยนจากแต่ก่อนไปมาก เธอยังอยู่ในวัยเรียนที่มีเวลาจำกัดในการอยู่ออนไลน์ ทว่ากิจกรรมในช่วงหลังๆ มานี้ของเธอกลับน่าสงสัยมาก เธอออนไลน์อยู่ตลอดเวลาแต่กลับเก็บตัวเงียบ!
ดังนั้นหัวหน้าสมาคมจึงแสร้งส่งข้อความไปบอกข้อมูลสำคัญเป็นการส่วนตัว บัญชีนั้นแทบตอบกลับมาทันควัน สิ่งนี้ได้พิสูจน์ข้อสันนิษฐานของเธอในทันที
“จากนั้นฉันเลยทักไปหาแฟนตัวจริงคนนั้น แล้วเธอก็ปล่อยโฮออกมาตอนเล่าว่าเธอรับเงินจากหันซิวเช่อมา” หลงเจี่ยอธิบาย “ดังนั้นตอนนี้เราก็มั่นใจได้แล้วว่าบัญชีของแฟนคลับคนนั้นอยู่ในมือหันซิวเช่อ”
“เธอแค่มั่นใจว่าเขากำลังคุมบัญชีนี้ไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ได้ควบคุมบัญชีอื่นไว้ด้วย!”
“อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ค่ะ แต่ฉันคิดว่าวิธีลอบกัดของหันซิวเช่อไม่เหมือนสิ่งที่ผู้ชายทำกัน เขาทำเหมือนกับผู้หญิงไม่มีผิด!” หลงเจี่ยหัวเราะ “ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะคิดแฝงตัวเข้ามาในสมาคมแฟนคลับของคุณเลย”
“ไม่แปลกหรอก ถ้าเขาเป็นผู้ชายจริง ป่านนี้เขาคงจะคุกเข่าไปแล้วล่ะ อีกอย่างก็จริงอยู่ที่การอยู่ในสมาคมแฟนคลับของฉันเป็นวิธีที่ดีในการจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนของฉันล่วงหน้า” ถังหนิงตอบ
“เขานี่มันขยะชัดๆ!”
นี่เป็นเพียงคำเดียวที่หลงเจี่ยบรรยายตัวเขาได้ หากเขามียางอายสักนิดเรื่องคงไม่เป็นอย่างนี้
บางทีชายคนนี้อาจเป็นคนที่หน้าด้านที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา!
“คอยดูไปเถอะ คนในโรงหนังจะต้องต้อนเขาออกมาขอโทษคุณในที่สาธารณะแน่! คนอย่างเขามันเกินเยียวยาแล้ว คุณทำได้แค่เล่นงานและกำราบเขาเท่านั้นแหละค่ะ เพราะว่าเขารนหาที่เอง!” หลงเจี่ยไหวไหล่อย่างช่วยไม่ได้ กิจกรรมการประชาสัมพันธ์มดราชินีอัดแน่นขนาดนี้แต่ไอ้สารเลวนี่ก็ยังตามรังควานไม่เลิก!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นก็เอาตามที่โม่ถิงว่าแล้วกัน คนที่สมควรคุกเข่าก็ควรต้องคุกเข่าสิ พวกเขาจะทำอะไรได้ในเมื่อเขารนหาที่เอง
จริงๆ แล้วการฉายภาพยนตร์สำหรับแฟนๆ ของถังหนิงถือเป็นเรื่องปกติในวงการบันเทิง สิ่งเดียวที่ต่างออกไปคือไม่มีใครเคยจัดให้แฟนๆ ได้เข้าชมภาพยนตร์ก่อนรอบปฐมทัศน์และเข้าโรงอย่างเป็นทางการ ทว่าในตอนนี้ที่การทดลองฉายจบลงไปแล้ว และการประชาสัมพันธ์ที่ตามมาก็เสร็จสิ้น เหลือเพียงการกำหนดวันออกฉายเท่านั้น
นี่จึงไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตนัก
แต่แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าถังหนิงได้สร้างกับดักไว้ที่โรงภาพยนตร์ และรอให้หันซิวเช่อปรากฏตัวขึ้นไว้แล้ว
ในขณะเดียวกันหลงเจี่ยกับลู่เช่อกำลังวุ่นอยู่กับการรวบรวมหลักฐาน อย่างไรเสียการเอาชนะสองพี่น้องนั่นก็ต้องอาศัยหลักฐานที่แน่นหนา…
ถังหนิงทุ่มเทสุดตัวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมถึงการยอมสละชีวิตของเฉียวเซิน เธอจึงต้องทำให้มั่นใจว่าเส้นทางที่จะพามันไปสู่สายตาผู้คนจะไม่ถูกขยะบางคนเข้ามาขวางทาง!