วันรุ่งขึ้นกับท้องฟ้าที่แจ่มใส

หลินฟาน นอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ในห้องและเหลือบมองโทรศัพท์มือถือของเขาเหมือนทุกที

“ยอดเงินเข้าบัญชี 730,020 หยวน เมื่อเวลา 00:00 น ”

เขาปัดข้อความทิ้งออกไปอย่างเฉยเมย และเล่นโทรศัพท์อยู่อีกสักครู่หนึ่ง

จากนั้นเขาก็ค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆ และบอกให้บริกรนำอาหารมื้อใหญ่เข้ามาเสิร์ฟ

หลังจากทานอาหารจนอิ่มแล้ว ก็เป็นเวลา 12.00 น.พอดี

โทรศัพท์ของหลินฟานสั่นขึ้นเล็กน้อย

ซองแดงได้ปรากฎขึ้น!

“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 5 หยวน”

“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 3000 หยวน”

……

“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 10,000 หยวน”

“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 3 หยวน”

จนเวลาผ่านไป 1 นาที

หลินฟาน ได้รับเงินรวมทั้งหมดกว่า 80,000 หยวน

“เป็นเงินทั้งหมดเลยสินะ?” หลินฟานขดริมฝีปากของเขา

เขานอนพักต่ออีกสักครู่หนึ่งแล้วจากนั้นค่อยขับรถลัมโบร์กินี ไปยังมหาวิทยาลัยเจียงเป่ย

ที่มหาวิทยาลัยเจียงเป่ยนั้น แค่การขับรถ BMW หรือ Mercedes-Benz ที่มีมูลค่าเพียงสองถึงสามแสนหยวน ก็ถือว่าเป็นอะไรที่สะดุดตาแล้ว

แต่นี่เป็นรถลัมโบร์กินีที่มีราคากว่าหลายสิบล้านหยวน

หลังจากเสียงเครื่องยนต์ที่ดังก้องไปทั่วทั้งเขตของมหาวิทยาลัยวิทยา มันก็ดึงดูดสายตาและความสนใจของผู้คนมากมายในละแวกนั้นให้หันไปมองทันที

พวกเขาเหล่านั้นรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและถ่ายรูปด้วยความเร็ว พวกเขารีบโพสต์รูปลงในกลุ่มของชั้นเรียน

เมื่อหลินฟานลงมาจากรถ ดวงตาของสาวงามหลายๆคนก็เปร่งประกายขึ้น พวกเธอต่างก็อุทานออกมาพร้อมกันว่า “หล่อมาก!”

ทั้งหล่อเหลาและร่ำรวย นี่คือผู้ชายที่สมบูรณ์แบบที่สุดในดวงใจของสาวๆแล้ว

แต่หลินฟานเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย

เขาหยิบมือถือออกมาแล้วกดหาเบอร์ในโทรศัพท์

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้โทรออก ก็มีผู้ชายหวีผมเรียบแปล้ อายุประมาณ 30 ปี เดินเข้ามาหาเขา

เขายิ้มและกล่าวทักทาย”นายคือหลินฟานใช่ไหม”

“ใช่ครับ” หลินฟานได้ตอบกลับ

“ฮ่าฮ่า! ในเหล่าบรรดานักเรียนของฉัน มีหนุ่มหล่อเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว! ฉันเป็นที่ปรึกษาของนายเอง ชื่อซุนเหยาตง ตอนนี้ฉันจะพานายไปเอาหนังสือก่อน แล้วจากนั้นจะก็ค่อยไปที่ห้องเรียนต่อ” ซุนเหยาตงพูด

หลินฟานต้องบอกเลยว่า มันมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างครูที่มหาวิทยาลัยกับครูที่มัธยม

ครูที่มัธยมดูเหมือนจะแบกรับอะไรเอาไว้เสมอ ดูเคร่งขรึม ทำให้นักเรียนรู้สึกว่าครูเป็นผู้อาวุโสของตัวเอง

แต่อาจารย์มหาวิทยาลัยนั้นค่อนข้างทำตัวสบายๆ

ซุนเหยาตงพาเขาไปแนะนำโรงอาหารของมหาวิทยาลัย โรงยิม และยังรวมไปถึงวิธีการหาแฟนให้เขาด้วย

สิ่งเหล่านี้ทำให้หลินฟาน รู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนกับเพื่อนมากกว่าครูซะอีก

ไม่นานหลังจากนั้น หลินฟานก็ได้รับหนังสือและเดินไปถึงที่หอพัก

ซุนเหยาตงชี้ไปที่พวกเขาทั้งสามคน ซึ่งนั่งอยู่ในห้องและพูด “หลินฟาน สามคนนี้เป็นรูมเมทที่หอพักของนาย พวกนายต้องเข้ากันให้ได้ ตอนนี้ฉันมีบางอย่างที่ต้องทำ ดังนั้นฉันขอไปก่อนนะ”

ทั้งสามคนรู้สึกสนใจอย่างมากเกี่ยวกับหลินฟาน ที่เป็นเพื่อนร่วมห้องคนใหม่

ชายร่างสูงดูแข็งแรงพูดก่อน “ฉันชื่อซงหยี่! นายตัวสูงและหน้าตาก็ค่อนข้างดี เล่นบาสเก็ตบอลเป็นไหม”

หลินฟานตอบ “พอเล่นได้นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้เล่นมานานแล้วหล่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอก แค่เล่นเป็นนิดหน่อยก็พอแล้ว! ฉันขอบอกนายก่อนว่า การเล่นบาสเก็ตบอลนั้นสามารถดึงดูดหัวใจของสาวๆได้ง่าย แล้วบางทีสักวันหนึ่งอาจจะมีสาวๆมาขอวีแชทของนายก็ได้” ซงหยี่หัวเราะ

ชายอ้วนพูดขึ้นอย่างมีความสุข: “ฉันคิดว่าเราจะมีกันแค่สามคนในห้องนอน 104 ซะแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ชีวิตในมหาวิทยาลัยก็คงจะหมดสนุกแน่ๆ!”

“เยี่ยมมากเลยที่มีคนมาเพิ่ม!”

“ยังไงก็ตาม ฉันชื่อเจิ้งจินเป่า”

ชายใส่แว่นขอบตาดำพูดว่า “ฉันชื่อหม่าจง”

เพื่อนร่วมห้องทั้งสามคนกระตือรือร้นที่จะแนะนำตัวมาก

หลังจากเลิกเรียนพวกเขาไปช่วย หลินฟาน ซื้อของใช้ในชีวิตประจำวัน จัดเตียง… พวกเขายุ่งกันมากจนถึงเวลาสองทุ่มกว่า

ทีแรก หลินฟานต้องการชวนพวกเขาไปทานอาหารมื้อใหญ่

แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสามคนพูดอย่างมีความสุขว่าพวกเขากำลังจะไปที่ร้านประจำเพื่อทานบาร์บีคิวที่นั่น ดังนั้นหลินฟานจึงไม่ได้เอ่ยปากชวน

ที่นี่คือร้านขายบาร์บีคิวที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเจียงเป่ย เจ้าของร้านอายุประมาณ 40 ปี เขามีความชำนาญในการทำอาหารอย่างไม่ต้องสงสัย เนื้อย่างนั้นนุ่มทั้งด้านนอกและด้านใน

เจิ้งจินเป่าหยิบบาร์บีคิวเสียบไม้และเอาเข้าปากของเขาทันที เขาพูดออกมาอย่างมีความสุข “มันอร่อยที่สุดเลย!”

ซงหยี่ก็ยกแก้วขึ้นแล้วพูด “หลินฟาน ยินดีต้อนรับสู่ห้องนอน 104 ของเรา จากนี้ไปพวกเราทั้งสี่คนเป็นพี่น้องกันแล้วนะ วันนี้ไม่เมาไม่กลับ!”

“ใช่แล้ว ถ้าไม่เมาไม่กลับกันไปเลย!” เจิ้งจินเป่าตะโกน

“หลินฟาน ยินดีต้อนรับ” หม่าจงกล่าว.

หลินฟาน หยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาและพูด”ขอบคุณ!”

ทั้งสี่คนนั่งดื่มอยู่ด้วยกันและบรรยากาศก็ค่อยๆสงบลง

ซงหยี่กล่าวว่า “เฮ้ หลินฟาน เราดื่มอะไรกันต่อดี มาดื่มกันต่ออีกเถอะ”

หลินฟาน ไม่ได้ปฏิเสธและสั่งเครื่องดื่มมาเพิ่ม

ทั้งสี่ดื่มกันต่อ

ผ่านไปไม่นานซงหยี่ก็เริ่มสะอึก ใบหน้าของเขาเริ่มแดงเหมือนกวนอู

เมื่อย้อนมองกลับไปที่หลินฟาน มันเหมือนกับว่าเขาเพิ่งดื่มน้ำเปล่าไปสองขวด ใบหน้าและท่าทางของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย

เจิ้นจินเป่ารู้สึกประหลาดใจ “หลินฟาน นายดื่มเก่งเกินไปแล้ว ฉันไม่ยอมแพ้นายหรอก”

หลังจากดื่มต่ออีกสองสามแก้ว ท่าทางของหลินฟานยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ในขณะที่หัวของเจิ้งจินเป่าเริ่มมีอาการมึนเมา เขาตีหม่าจงที่ท้องและพูดขึ้น “อย่าเพิ่งกินอย่างอื่น มาดื่มกับหลินฟานก่อน”

หม่าจงวางบาบีคิวเสียบไม้ลงแล้วพูดว่า “หลินฟาน ดื่มกันต่อเถอะ”

ต่อมาหลินฟาน ต้องการจะบอกพวกเขาให้ดื่มน้อยลง

แต่เมื่อเห็นว่าพวกเขายังดูสนุกกันอยู่ และยังชนแก้วกันไม่หยุด

ดังนั้น หลินฟานจึงไม่ได้พูดกับพวกเขา

สุดท้ายทุกคนก็ยังเป็นเพียงเด็ก หลังจากดื่มเสร็จก็ต้องกลับไปนอนต่อที่ห้องและใช้ชีวิตต่อไปในวันรุ่งขึ้น

เมื่อเจิ้งจินเป่า, หม่าจง และ ซงหยี่ ทั้งหมดเริ่มรู้สึกเวียนหัวและกำลังจะล้มลงกับพื้น หลินฟาน ก็ยังคงปกติเหมือนเดิม เขากำลังนั่งกินบาบีคิวไม้เสียบ

และในเวลานี้ เฉียวซีหยาที่เพิ่งทานอาหารกับลูกค้าเสร็จ ก็บังเอิญผ่านมาที่นี่พอดี

เธอเห็นหลินฟาน กำลังนั่งดื่มนั่งกินอยู่ที่ร้านริมถนน เธออดไม่ได้ที่จะหยุดเดินและพูดเยาะเย้ยใส่ “หลินฟาน ทำไมนายถึงมากินอาหารที่ร้านริมถนนแบบนี้หล่ะ?”

เมื่อวานนี้เฉินหมินเฟิงเล่าว่าฐานะทางของครอบครัวของหลินฟานนั้นยากจนมาก ในตอนแรกเฉียวซีหยายังคงเหลือร่องรอยของความสงสัยอยู่ในใจ

แต่ตอนนี้ความสงสัยทั้งหมดนั้นได้ถูกไขจนกระจ่างแล้ว

ถ้าหลินฟานมีรถลัมโบร์กินีขับและครอบครองคอนโดในว่านเจียจริง เขาจะมานั่งกินอยู่ที่ร้านบาร์บีคิวริมถนนได้ไงกัน?

เป็นไปไม่ได้แน่นอน!

คำตอบเดียวก็คือ หลินฟานเป็นยาจกที่ไม่มีจะกิน!

หลินฟานขมวดคิ้วและพูด “ฉันจะกินอะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ?”

หลินฟาน เกลียดผู้หญิงที่ชอบทำตัวไม่มีเหตุผลและตั้งตนเองนั้นเป็นศูนย์กลาง

เมื่อเธอพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ย หลินฟานเองก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดดีๆกับเธอ

เฉียวซีหยายังคงพูดเยาะเย้ย “มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันหรอก ฉันแค่ต้องการจะบอกความจริงกับนาย อย่าพยายามหลอกคนอื่นด้วยวิธีที่น่าสมเพซแบบนั้น”

“มันจะยิ่งทำให้นายน่าสมเพซมากขึ้นเท่านั้น”

ตอนนั้นที่เฉียวซีหยาคิดว่า หลินฟานเป็นเจ้าของรถลัมโบร์กินีและคอนโดในว่านเจีย ร่างกายและจิตใจของเธอก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความเสียใจ

เธอร้องไห้แม้แต่ตอนที่นอนหลับ มาเป็นเวลาหลายวัน

หลังจากที่เฉียวซีหยาพูดคำเหล่านี้ออกไป เธอก็รู้สึกสบายใจและโล่งอกขึ้นมาก

เธอมีความสุขในใจ: โชคดีนะที่ฉันเกิดมาฉลาดและไม่ถูกหลอกโดยคนเจ้าเลห์แบบหลินฟาน

จากนั้น เฉียวซื่อหยา ก็เชิ่ดหน้าของเธอขึ้นและเดินจากไป

หลินฟานมองไปที่ท่าทางของเธอแล้วขดริมฝีปากของเขาก่อนจะพูด “ไร้สาระ”

จากนั้นเขาก็สกิดพวกเพื่อนทั้งสามคนที่เมาอยู่และพูด “ยังพอเดินได้ไหม กลับไปนอนต่อที่หอพักกันเถอะ”