รุ่งขึ้นของวันถัดมา
พระอาทิตย์ส่องแสงระยิบระยับ
หลินฟาน ที่นอนอยู่บนเตียงกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือของเขาอย่างสบาย ๆ มองดูนกกระจอกตัวน้อยที่เกาะอยู่ตรงหน้าต่างเป็นครั้งคราว
ในตอนนั้น หม่าจงก็ได้ลืมตาตื่นขึ้น เขารู้สึกเวียนหัวก่อนจะยกมือมาลูบหัว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “พี่น้องทุกคน ได้เวลาลุกขึ้นแล้ว”
“โอเค” หลินฟาน ตอบกลับและลุกขึ้นจากเตียงทันที
เจิ้งจินเป่ากล่าวว่า: “หลินฟาน ฉันไม่ค่อยจะชื่นชมใครหรอกนะ แต่ฉันอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับนาย… !”
“เมื่อวานฉันกับนาย ดื่มเบียร์ไปคนละสองขวดใช่ไหม และนายก็ยังดื่มต่อกับอีกสองคน แต่ดูนายสิ นายยังไม่มีอาการเมาเลยแม้แต่น้อย!”
แค่สองขวดไม่สามารถทำให้หลินฟานเมาได้อย่างแน่นอน
อย่างน้อยก็ต้องเอามาสักพันขวด!
“หลินฟาน นายเป็นคนเหนือใช่ไหม ทำไมถึงดื่มเก่งขนาดนี้” ซงหยี่กล่าว
หลินฟาน ยิ้มและพูดว่า “คนเหนืออะไรกัน บ้านเกิดของฉันอยู่ที่ชิงซี เอาล่ะ ตอนนี้ลุกขึ้นได้แล้ว”
หลังจากร้องโอดครวญกันอยู่สักพัก จนในที่สุดก็ลุกขึ้นมาจากเตียง
เมื่อพวกเขาทั้งสามคนลุกขึ้น เจิ้งจินเป่า, หม่าจง และซงหยี่ ยังคงรู้สึกเวียนหัวอย่างหนัก
แต่หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าแล้ว ทั้งสามคนก็กลับมามีชีวิตชีวากันอีกครั้ง
ภาคเช้าเป็นวิชาทฤษฎีคณิตศาสตร์ที่อาจารย์เฒ่ากำลังอธิบาย เจิ้งจินเป่าและซงหยี่รู้สึกง่วงอย่างมาก
แต่หม่าจงเป็นนักเรียนที่มีความสนใจเกี่ยวกับการศึกษา เขาตั้งใจฟังมาก
หลินฟาน ฟังมั่งไม่ฟังมั่งในชั้นเรียนและบางครั้งก็อ่านหนังสือของตัวเองไปด้วย
กริ่งหลังเลิกเรียนดังขึ้น
หม่าจงพูด “หลินฟาน นายเพิ่งจะมาเข้าเรียนคาบนี้ ถ้ามีอะไรที่นายไม่เข้าใจ นายสามารถถามฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ”
เขาสังเกตเห็นว่าตอนที่หลินฟานอยู่ในชั้นเรียน เขาไม่ค่อยได้ฟังอะไรมากนัก เขาเอาแต่อ่านหนังสืออยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นหม่าจงจึงคิดว่าหลินฟานไม่เข้าใจเกี่ยวกับวิชานี้
อย่างไรก็ตาม หม่าจงไม่รู้ถึงเหตุผลที่หลินฟานได้มาเข้ามาเรียนที่นี่ มันไม่ใช่เพราะเขาไม่เข้าใจ แต่เพราะเขารู้สึกว่ามันง่ายเกินไปขนาดไม่ต้องฟังก็เข้าใจได้
เจิ้งจินเป่าหาวและพูดเสริม ” ถึงหม่าจงไม่ค่อยเก่งในด้านอื่น ๆ แต่เรื่องการศึกษาของเขาถือว่าเก่งใช้ได้เลย”
“ไม่ค่อยเก่งในด้านอื่นๆ งั้นหรอ” หม่าจงประท้วง
เจิ้งจินเป่า หัวเราะคิกคักและพูด “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เราไปคลับกันไหมหล่ะ?”
ใบหน้าของหม่าจงเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที เขาเขินอายจนไม่สามารถอ้าปากพูดได้เลย
“เอาไว้ค่อยคุยกันเถอะ โรงอาหารจะเต็มหมดแล้วนะถ้าเราไม่รีบไป” ซงหยี่ขัดจังหวะ
หลินฟานบอกได้เลยว่ามีความแตกต่างอย่างมากระหว่างโรงอาหารของมหาวิทยาลัยเจียงเป่ย กับโรงอาหารของโรงเรียนมัธยมปลายของหลินฟาน
โรงอาหารในโรงเรียนมัธยมปลายของหลินฟานนั้นคล้ายกับร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด
แต่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยเจียงเป่ย นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
ซุปหม้อ, ข้าวเป็ดย่าง, ผัดเผ็ด, เนื้อย่าง, ราเม็ง ฯลฯ มีของกินหลายอย่างมากมาย
นักศึกษามหาวิทยาลัยเจียงเป่ยส่วนใหญ่ก็มักจะมากินกันที่นี่ จึงทำให้มีคิวยาวทุกร้าน
ขณะนี้เป็นเวลา 12:00 น.
โทรศัพท์ของหลินฟานสั่นเล็กน้อย และซองแดงก็ปรากฏขึ้น
หลินฟานแตะไปที่หน้าจอในขณะที่เขายังมีเวลาว่างระหว่างรออาหาร
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 5 หยวน”
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 1,000 หยวน”
…
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 10,000 หยวน”
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 3 หยวน”
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้รับทักษะ การเล่นบาสเก็ตบอลระดับมือโปร”
เมื่อเขากำลังกดเปิดซองแดงอันต่อไป เวลาก็เปลี่ยนเป็น 12:01 น. แล้ว
เมื่อถึงคิวของหลินฟานและเพื่อนๆ พวกเขาดูรายการอาหารแล้วทำการสั่งอาหาร
หลินฟานและเพื่อนๆ สั่งเมนูเนื้อมาจำนวนมากและพวกเขานั่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อย
ซงหยี่พูด “บ่ายนี้เราไม่มีเรียน ฉันมีนัดเล่นบาสกับเพื่อนสองสามคนที่โรงยิมน่ะ หลินฟาน นายจะไปด้วยกันเปล่า”
หลินฟานเองก็ไม่มีเรียนตอนบ่าย เขาไม่มีอะไรทำพอดี แล้วเมื่อกี้เขาก็เพิ่งได้รับทักษะการเล่นบาสระดับมือโปรมาพอดี หลินฟานจึงคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ในการทดลองทักษะดูสักหน่อย
ขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ หลินฟานก็พยักหน้าและพูด “ไปสิ”
ซงหยี่วางมือลงบนไหล่ของหลินฟานและกล่าวอย่างมีความสุขมาก “อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าเพื่อนรัก!”
เมื่อพูดจบดูเหมือนว่าซงหยี่กำลังคิดถึงเรื่องเมื่อวานที่ หลินฟานบอกว่าไม่ได้เล่นบาสมานานแล้ว
จากนั้นเขาก็ พูดว่า”ไม่ต้องกลัวนะหลินฟาน ทักษะของพวกเราก็ไม่ได้ดีกันเท่าไหร่ ไม่ได้เก่งกันขนาดนั้นหรอก”
หลังทานอาหารกลางวัน เจิ้งจุนเป่ากลับไปที่ห้องนอนเพื่อหลับพักผ่อน และหม่าจงก็ไปที่ห้องสมุด
ตอนนี้ซงหยี่และหลินฟานกำลังซื้อเครื่องดื่มชูกำลัง และตรงไปที่โรงยิมบาส
ขณะนี้มีชายสี่คนสวมรองเท้าบาส รออยู่ที่สนามบาสอยู่ก่อนแล้ว
ชายร่างสูงผิวดำทักทายมาจากระยะไกล “ซงหยี่ ในที่สุดนายก็มาสักที!”
“ฉันขอแนะนำก่อน นี่คือเพื่อนของฉันเองชื่อหลินฟาน อยู่หอพักเดียวกันกับฉัน ขอบอกพวกนายก่อนเลยว่าเขาไม่ได้เล่นบาสมานานแล้ว อย่าเล่นดุดันเกินไปหล่ะ” ซงหยี่กล่าว
“แน่นอน.”
“ไม่มีปัญหา!”
ทั้งสี่ก็พยักหน้าทีละคน
จากนั้นตามกฎของสตรีทบาส ทีมหนึงจะมีผู้เล่นเพียง 3 คน
หลินฟานที่ค่อนข้างผอมเพรียว และผู้ชายที่สวมเสื้อหมายเลข 1 และหมายเลข 3 ได้อยู่ทีมเดียวกัน
เขาทั้งสองคนมองดูทีมที่พึ่งแบ่งได้ด้วยสีหน้าขมขื่นและหมดหนทาง!
พวกเขาไม่ได้เล่นเก่ง และไม่มีข้อได้เปรียบในเรื่องของส่วนสูง
บวกกับหลินฟานอีกคนที่พึ่งกลับมาเล่น…
ทำให้ทั้งสองเหมือนจะมองเห็น…ฉากที่พวกเรากำลังจะแพ้อย่างราบคาบ
ซงหยี่,เฮยด้าและเกาจวง อยู่ทีมตรงกันข้าม
ทั้งสามคนหันมามองหน้ากันและใบหน้าของพวกเขาก็มีแต่รอยยิ้ม
“อย่ากังวลเลย เล่นให้สนุกกันดีกว่า”
ไม่นานเกมก็ได้เริ่มขึ้น ซงหยี่ที่กำลังเดาะบาสอยู่ได้ส่งต่อให้กับชายตัวสูง
ทั้งสูงและแข็งแรง ยากมากที่จะหยุดเอาไว้ได้
จากนั้นชายร่างสูงตัวใหญ่ผิวดำก็ได้ชู้ตลูกบาสไปที่ห่วงอย่างง่ายดาย
“ฟุบ!”
บาสได้ลงห่วง ทำให้เขาได้คะแนนแรกไปก่อน!
เริ่มเปิดเกมส์อีกครั้งที่หมายเลข 1 เขาถูกคนตัวสูงเข้ามาประกบเอาไว้อย่างแน่นหนา
เมื่อโดนประกบติด เขาจึงต้องส่งลูกไปที่หมายเลข 3
หมายเลข 3 รับลูกบาส เขาเลี้ยงบาสอยู่พักนึงก่อนจะโดนชายผิวดำเข้ามาแย่งไปอย่างง่ายด่าย
หลังจากแย่งบาสมาได้ ชายผิวดำก็ชู๊ตไปที่ห่วง
“ฟุบ”
ได้ไปอีกคะแนน!
ในเกมที่สาม หมายเลข 1เป็นคนเปิดเกมส์อีกครั้ง เขามองไปที่หมายเลข 3 ซึ่งตอนนี้ถูกชายผิวดำประกบติดอยู่ ทำให้เขาต้องส่งลูกบาสไปให้หลินฟาน ด้วยความรู้สึกความสิ้นหวัง
ซ่งหยี่ยืนอยู่ไม่ไกลจากหลินฟาน เขาหัวเราะและพูด “หลินฟาน ฉันจะเป็นคนป้องกันนายเอาไว้เอง นายต้องระวังฉันให้ดีหล่ะ”
ขณะพูด เขาก็วิ่งไปประกบตัวหลินฟานในทันที
“ฟริ้ว!”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ซงหยี่จะเข้ามาถึง หลินฟานได้เลี้ยงบาสผ่านเขาไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลม
คนตัวสูงท่าทางแข็งแรงเลิกคิ้วเล็กน้อย และรีบวื่งเข้ามาเพื่อที่จะหยุดหลินฟาน
แต่หลินฟาน ก็หมุนตัวหลบไปอย่างง่ายดาย
ชายผิวดำ จึงเลิกประกบหมายเลข 3 และรีบเข้ามาขวางหลินฟานเอาไว้
แต่มันสายเกินไป
“ฟุบ!”
หลินฟานปล่อยลูกบาสออกจากมือไปแล้ว
คะแนน!
“ดีมาก!” หมายเลข 1 และ 3 ต่างอุทานอย่างดีใจปนตกใจ
ซงหยี่ประหลาดใจและพูด “หลินฟาน เทคนิคของนาย…ไม่เลวเลยนะ!”
“ไม่ขนาดนั้นหรอก.” หลินฟานยิ้ม
สตรีทบาสยังคงดำเนินต่อไป
ชายร่างสูงที่ดูแข็งแกร่ง ได้ถูกหมายเลข 1 ป้องกันเอาไว้อย่างแนบชิด ทำให้เขาต้องส่งลูกไปให้ซงหยี่
ซงหยี่ยิ้มและพูด “หลินฟาน นายเลี้ยงบาสได้เร็วมากก็จริง แต่นายหยุดฉันไม่ได้หรอก”
“ตบเลย!”
หลินฟาน ได้ยินดังนั้นจึงยกมือขึ้นและตบลูกบาสออกจากมือของเขาที่กำลังจะทำแต้ม
ซงหยี่ตกตะลึงในทันที
สุดยอด!
หลินฟานไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขาเลี้ยงลูกพร้อมหมุนตัวหลบอย่างรวดเร็วอีกครั้งและเลย์อัพลงไปที่ห่วง
“ฟุบ!”
ได้คะแนนอีกแล้ว!
“เล่นได้สุดยอดมาก!” หมายเลข 1 และหมายเลข 3 ตะโกนอย่างตื่นเต้น
ซงหยี่พูดอย่างว่างเปล่า: “หลินฟาน นายเลิกเล่นบาสมานานแล้วจริงๆหรอ”
หลินฟานพยักหน้า
ซงหยี่”….”
ถ้าไม่ได้เล่นบาสมาเป็นเวลานานแล้วนี่มันคืออะไร?
ไหนล่ะคนที่บอกว่าไม่ได้บาสมานานแล้ว?
รุ่งขึ้นของวันถัดมา
พระอาทิตย์ส่องแสงระยิบระยับ
หลินฟาน ที่นอนอยู่บนเตียงกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือของเขาอย่างสบาย ๆ มองดูนกกระจอกตัวน้อยที่เกาะอยู่ตรงหน้าต่างเป็นครั้งคราว
ในตอนนั้น หม่าจงก็ได้ลืมตาตื่นขึ้น เขารู้สึกเวียนหัวก่อนจะยกมือมาลูบหัว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “พี่น้องทุกคน ได้เวลาลุกขึ้นแล้ว”
“โอเค” หลินฟาน ตอบกลับและลุกขึ้นจากเตียงทันที
เจิ้งจินเป่ากล่าวว่า: “หลินฟาน ฉันไม่ค่อยจะชื่นชมใครหรอกนะ แต่ฉันอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับนาย… !”
“เมื่อวานฉันกับนาย ดื่มเบียร์ไปคนละสองขวดใช่ไหม และนายก็ยังดื่มต่อกับอีกสองคน แต่ดูนายสิ นายยังไม่มีอาการเมาเลยแม้แต่น้อย!”
แค่สองขวดไม่สามารถทำให้หลินฟานเมาได้อย่างแน่นอน
อย่างน้อยก็ต้องเอามาสักพันขวด!
“หลินฟาน นายเป็นคนเหนือใช่ไหม ทำไมถึงดื่มเก่งขนาดนี้” ซงหยี่กล่าว
หลินฟาน ยิ้มและพูดว่า “คนเหนืออะไรกัน บ้านเกิดของฉันอยู่ที่ชิงซี เอาล่ะ ตอนนี้ลุกขึ้นได้แล้ว”
หลังจากร้องโอดครวญกันอยู่สักพัก จนในที่สุดก็ลุกขึ้นมาจากเตียง
เมื่อพวกเขาทั้งสามคนลุกขึ้น เจิ้งจินเป่า, หม่าจง และซงหยี่ ยังคงรู้สึกเวียนหัวอย่างหนัก
แต่หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าแล้ว ทั้งสามคนก็กลับมามีชีวิตชีวากันอีกครั้ง
ภาคเช้าเป็นวิชาทฤษฎีคณิตศาสตร์ที่อาจารย์เฒ่ากำลังอธิบาย เจิ้งจินเป่าและซงหยี่รู้สึกง่วงอย่างมาก
แต่หม่าจงเป็นนักเรียนที่มีความสนใจเกี่ยวกับการศึกษา เขาตั้งใจฟังมาก
หลินฟาน ฟังมั่งไม่ฟังมั่งในชั้นเรียนและบางครั้งก็อ่านหนังสือของตัวเองไปด้วย
กริ่งหลังเลิกเรียนดังขึ้น
หม่าจงพูด “หลินฟาน นายเพิ่งจะมาเข้าเรียนคาบนี้ ถ้ามีอะไรที่นายไม่เข้าใจ นายสามารถถามฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ”
เขาสังเกตเห็นว่าตอนที่หลินฟานอยู่ในชั้นเรียน เขาไม่ค่อยได้ฟังอะไรมากนัก เขาเอาแต่อ่านหนังสืออยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นหม่าจงจึงคิดว่าหลินฟานไม่เข้าใจเกี่ยวกับวิชานี้
อย่างไรก็ตาม หม่าจงไม่รู้ถึงเหตุผลที่หลินฟานได้มาเข้ามาเรียนที่นี่ มันไม่ใช่เพราะเขาไม่เข้าใจ แต่เพราะเขารู้สึกว่ามันง่ายเกินไปขนาดไม่ต้องฟังก็เข้าใจได้
เจิ้งจินเป่าหาวและพูดเสริม ” ถึงหม่าจงไม่ค่อยเก่งในด้านอื่น ๆ แต่เรื่องการศึกษาของเขาถือว่าเก่งใช้ได้เลย”
“ไม่ค่อยเก่งในด้านอื่นๆ งั้นหรอ” หม่าจงประท้วง
เจิ้งจินเป่า หัวเราะคิกคักและพูด “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เราไปคลับกันไหมหล่ะ?”
ใบหน้าของหม่าจงเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที เขาเขินอายจนไม่สามารถอ้าปากพูดได้เลย
“เอาไว้ค่อยคุยกันเถอะ โรงอาหารจะเต็มหมดแล้วนะถ้าเราไม่รีบไป” ซงหยี่ขัดจังหวะ
หลินฟานบอกได้เลยว่ามีความแตกต่างอย่างมากระหว่างโรงอาหารของมหาวิทยาลัยเจียงเป่ย กับโรงอาหารของโรงเรียนมัธยมปลายของหลินฟาน
โรงอาหารในโรงเรียนมัธยมปลายของหลินฟานนั้นคล้ายกับร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด
แต่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยเจียงเป่ย นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
ซุปหม้อ, ข้าวเป็ดย่าง, ผัดเผ็ด, เนื้อย่าง, ราเม็ง ฯลฯ มีของกินหลายอย่างมากมาย
นักศึกษามหาวิทยาลัยเจียงเป่ยส่วนใหญ่ก็มักจะมากินกันที่นี่ จึงทำให้มีคิวยาวทุกร้าน
ขณะนี้เป็นเวลา 12:00 น.
โทรศัพท์ของหลินฟานสั่นเล็กน้อย และซองแดงก็ปรากฏขึ้น
หลินฟานแตะไปที่หน้าจอในขณะที่เขายังมีเวลาว่างระหว่างรออาหาร
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 5 หยวน”
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 1,000 หยวน”
…
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 10,000 หยวน”
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 3 หยวน”
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้รับทักษะ การเล่นบาสเก็ตบอลระดับมือโปร”
เมื่อเขากำลังกดเปิดซองแดงอันต่อไป เวลาก็เปลี่ยนเป็น 12:01 น. แล้ว
เมื่อถึงคิวของหลินฟานและเพื่อนๆ พวกเขาดูรายการอาหารแล้วทำการสั่งอาหาร
หลินฟานและเพื่อนๆ สั่งเมนูเนื้อมาจำนวนมากและพวกเขานั่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อย
ซงหยี่พูด “บ่ายนี้เราไม่มีเรียน ฉันมีนัดเล่นบาสกับเพื่อนสองสามคนที่โรงยิมน่ะ หลินฟาน นายจะไปด้วยกันเปล่า”
หลินฟานเองก็ไม่มีเรียนตอนบ่าย เขาไม่มีอะไรทำพอดี แล้วเมื่อกี้เขาก็เพิ่งได้รับทักษะการเล่นบาสระดับมือโปรมาพอดี หลินฟานจึงคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ในการทดลองทักษะดูสักหน่อย
ขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ หลินฟานก็พยักหน้าและพูด “ไปสิ”
ซงหยี่วางมือลงบนไหล่ของหลินฟานและกล่าวอย่างมีความสุขมาก “อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าเพื่อนรัก!”
เมื่อพูดจบดูเหมือนว่าซงหยี่กำลังคิดถึงเรื่องเมื่อวานที่ หลินฟานบอกว่าไม่ได้เล่นบาสมานานแล้ว
จากนั้นเขาก็ พูดว่า”ไม่ต้องกลัวนะหลินฟาน ทักษะของพวกเราก็ไม่ได้ดีกันเท่าไหร่ ไม่ได้เก่งกันขนาดนั้นหรอก”
หลังทานอาหารกลางวัน เจิ้งจุนเป่ากลับไปที่ห้องนอนเพื่อหลับพักผ่อน และหม่าจงก็ไปที่ห้องสมุด
ตอนนี้ซงหยี่และหลินฟานกำลังซื้อเครื่องดื่มชูกำลัง และตรงไปที่โรงยิมบาส
ขณะนี้มีชายสี่คนสวมรองเท้าบาส รออยู่ที่สนามบาสอยู่ก่อนแล้ว
ชายร่างสูงผิวดำทักทายมาจากระยะไกล “ซงหยี่ ในที่สุดนายก็มาสักที!”
“ฉันขอแนะนำก่อน นี่คือเพื่อนของฉันเองชื่อหลินฟาน อยู่หอพักเดียวกันกับฉัน ขอบอกพวกนายก่อนเลยว่าเขาไม่ได้เล่นบาสมานานแล้ว อย่าเล่นดุดันเกินไปหล่ะ” ซงหยี่กล่าว
“แน่นอน.”
“ไม่มีปัญหา!”
ทั้งสี่ก็พยักหน้าทีละคน
จากนั้นตามกฎของสตรีทบาส ทีมหนึงจะมีผู้เล่นเพียง 3 คน
หลินฟานที่ค่อนข้างผอมเพรียว และผู้ชายที่สวมเสื้อหมายเลข 1 และหมายเลข 3 ได้อยู่ทีมเดียวกัน
เขาทั้งสองคนมองดูทีมที่พึ่งแบ่งได้ด้วยสีหน้าขมขื่นและหมดหนทาง!
พวกเขาไม่ได้เล่นเก่ง และไม่มีข้อได้เปรียบในเรื่องของส่วนสูง
บวกกับหลินฟานอีกคนที่พึ่งกลับมาเล่น…
ทำให้ทั้งสองเหมือนจะมองเห็น…ฉากที่พวกเรากำลังจะแพ้อย่างราบคาบ
ซงหยี่,เฮยด้าและเกาจวง อยู่ทีมตรงกันข้าม
ทั้งสามคนหันมามองหน้ากันและใบหน้าของพวกเขาก็มีแต่รอยยิ้ม
“อย่ากังวลเลย เล่นให้สนุกกันดีกว่า”
ไม่นานเกมก็ได้เริ่มขึ้น ซงหยี่ที่กำลังเดาะบาสอยู่ได้ส่งต่อให้กับชายตัวสูง
ทั้งสูงและแข็งแรง ยากมากที่จะหยุดเอาไว้ได้
จากนั้นชายร่างสูงตัวใหญ่ผิวดำก็ได้ชู้ตลูกบาสไปที่ห่วงอย่างง่ายดาย
“ฟุบ!”
บาสได้ลงห่วง ทำให้เขาได้คะแนนแรกไปก่อน!
เริ่มเปิดเกมส์อีกครั้งที่หมายเลข 1 เขาถูกคนตัวสูงเข้ามาประกบเอาไว้อย่างแน่นหนา
เมื่อโดนประกบติด เขาจึงต้องส่งลูกไปที่หมายเลข 3
หมายเลข 3 รับลูกบาส เขาเลี้ยงบาสอยู่พักนึงก่อนจะโดนชายผิวดำเข้ามาแย่งไปอย่างง่ายด่าย
หลังจากแย่งบาสมาได้ ชายผิวดำก็ชู๊ตไปที่ห่วง
“ฟุบ”
ได้ไปอีกคะแนน!
ในเกมที่สาม หมายเลข 1เป็นคนเปิดเกมส์อีกครั้ง เขามองไปที่หมายเลข 3 ซึ่งตอนนี้ถูกชายผิวดำประกบติดอยู่ ทำให้เขาต้องส่งลูกบาสไปให้หลินฟาน ด้วยความรู้สึกความสิ้นหวัง
ซ่งหยี่ยืนอยู่ไม่ไกลจากหลินฟาน เขาหัวเราะและพูด “หลินฟาน ฉันจะเป็นคนป้องกันนายเอาไว้เอง นายต้องระวังฉันให้ดีหล่ะ”
ขณะพูด เขาก็วิ่งไปประกบตัวหลินฟานในทันที
“ฟริ้ว!”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ซงหยี่จะเข้ามาถึง หลินฟานได้เลี้ยงบาสผ่านเขาไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลม
คนตัวสูงท่าทางแข็งแรงเลิกคิ้วเล็กน้อย และรีบวื่งเข้ามาเพื่อที่จะหยุดหลินฟาน
แต่หลินฟาน ก็หมุนตัวหลบไปอย่างง่ายดาย
ชายผิวดำ จึงเลิกประกบหมายเลข 3 และรีบเข้ามาขวางหลินฟานเอาไว้
แต่มันสายเกินไป
“ฟุบ!”
หลินฟานปล่อยลูกบาสออกจากมือไปแล้ว
คะแนน!
“ดีมาก!” หมายเลข 1 และ 3 ต่างอุทานอย่างดีใจปนตกใจ
ซงหยี่ประหลาดใจและพูด “หลินฟาน เทคนิคของนาย…ไม่เลวเลยนะ!”
“ไม่ขนาดนั้นหรอก.” หลินฟานยิ้ม
สตรีทบาสยังคงดำเนินต่อไป
ชายร่างสูงที่ดูแข็งแกร่ง ได้ถูกหมายเลข 1 ป้องกันเอาไว้อย่างแนบชิด ทำให้เขาต้องส่งลูกไปให้ซงหยี่
ซงหยี่ยิ้มและพูด “หลินฟาน นายเลี้ยงบาสได้เร็วมากก็จริง แต่นายหยุดฉันไม่ได้หรอก”
“ตบเลย!”
หลินฟาน ได้ยินดังนั้นจึงยกมือขึ้นและตบลูกบาสออกจากมือของเขาที่กำลังจะทำแต้ม
ซงหยี่ตกตะลึงในทันที
สุดยอด!
หลินฟานไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขาเลี้ยงลูกพร้อมหมุนตัวหลบอย่างรวดเร็วอีกครั้งและเลย์อัพลงไปที่ห่วง
“ฟุบ!”
ได้คะแนนอีกแล้ว!
“เล่นได้สุดยอดมาก!” หมายเลข 1 และหมายเลข 3 ตะโกนอย่างตื่นเต้น
ซงหยี่พูดอย่างว่างเปล่า: “หลินฟาน นายเลิกเล่นบาสมานานแล้วจริงๆหรอ”
หลินฟานพยักหน้า
ซงหยี่”….”
ถ้าไม่ได้เล่นบาสมาเป็นเวลานานแล้วนี่มันคืออะไร?
ไหนล่ะคนที่บอกว่าไม่ได้บาสมานานแล้ว?