บทที่ 310 – เตรียมพร้อม (3)
“สำหรับเมืองแนวหน้าแล้ว การที่ฮารามาร์คจะเข้าร่วมการรบครั้งนี้ด้วยคงจะยาก แถมทาเซียน่า ซินเซียก็เป็นคนที่ฉันรับมือไม่ค่อยไหวด้วยสิ…”
ฟิลิปส์ มูเลอร์ได้หยุดพูดไว้เท่านี้พร้อมมองซอลจีฮู
“คุณก็อาจจะไม่ได้อะไรกลับมาเหมือนกัน แต่ผมก็ยังอยากให้คุณลองไปสอบถามดู ดาวแห่งความเกียจคร้านเป็นนักเวทย์เหมือนกับผม หากว่าเธอยอมช่วย เธอก็จะกลายเป็นกำลังรบสำคัญให้เราได้แน่”
ซอลจีฮูพยักหน้าเห็นด้วยกับเขา หากว่าฟิลิปส์ มูเลอร์บอกว่าจะไปคุยกับผู้บริหารอีกสองคน อย่างน้อยที่สุดเขาก็ควรจะไปลองคุยกับซินเซีย
“ได้ครับ ผมจะลองดู”
“เยี่ยมเลย”
ฟิลิปส์ มูเลอร์ถอนหายใจสั้นๆก่อนจะหยิบลูกคริสตัลออกมาวางไว้บนโต๊ะ
“พอได้คำตอบจากฮารามาร์คช่วยติดต่อมาหาผมด้วยนะครับ พวกเราจะได้คุยเรื่องความคืบหน้ากันได้”
ซอลจีฮูได้รับคริสตัลสื่อสารไปเหมือนเป็นสมบัติล้ำค่า
“ต้องขออภัยด้วยที่ผมมากระทันหัน ได้คุยกับคุณทำให้ผมยินดีมากเลย มันเป็นช่วงเวลาแห่งความหวัง”
ซอลจีฮูเริ่มรู้สึกคุ้นเคยแปลกๆขึ้นมา
เวลาแห่งความหวัง เขารู้สึกเหมือนเขาเคยได้ยินคำพูดแนวนี้มาก่อน
เป็นราชาฟีไฮหรือเปล่านะ?
“ผมคงจะต้องไปแล้ว”
ฟิลิปส์ มูเลอร์ลุกขึ้นยืน
“นับจากนี้จะยุ่งกันแล้วสิ”
***
การเจอกันได้จบลงเพียงเท่านี้
ฟิลิปส์ มูเลอร์ได้บอกไม่ให้ซอลจีฮูไปส่ง แต่ว่าเขาก็ตอบกลับไปว่าอย่างน้อยเขาก็จะไปส่งที่หน้าประตู
“คุณไม่ต้องสุภาพกับผมก็ได้ พูดตามตรงแล้วระหว่างคุยกันผมก็พูดเรื่องนี้หลายครั้งแล้วนะ”
“แต่แบบนี้มันสบายใจกับผมมากกว่า”
ดาวแห่งความโลภที่กำลังรีบเดินออกไปได้พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ ทันใดนั้นซอลจีฮูที่กำลังคุยอยู่กับโอเดลเล็ต เดลฟีนก็ตะโกนออกมา
“คุณฟิลิปส์ มูเลอร์”
ฟิลิปส์ มูเลอร์หยุดนิ่งไป เขาได้ค่อยๆหันหน้ากลับมามอง
“อะไรหรอครับ?”
“ขอบคุณมากครับ”
ซอลจีฮูได้แสดงความขอบคุณออกมา นี่คือความรู้สึกภายในหัวเขา
เขารู้สึกมั่นใจยิ่งขึ้น มันเหมือนกับมีคนปรากฏตัวเข้ามาช่วยพยุงร่างกายของเขาที่เหมือนจะล้มในตลอดเวลาท่ามกลางความมืด และยังบอกว่า ‘คุณทำได้ อย่าล้มนะ ถ้าคุณเหนื่อยคุณก็พึ่งผมได้’
“เรื่องอะไรครับ?”
“ก็ทุกเรื่องเลย ฝากตัวด้วยนะครับ”
ฟิลิปส์ มูเลอร์ได้แต่ผงะไปกับความซาบซึ้งของซอลจีฮู เขามองฝ่ายตรงข้ามอยู่ครู่หนึ่งก่อนยิ้มออกมา
“ครับ… อย่าเอาแต่พึ่งลูซูเรียล่ะ”
เขาได้หันกลับไปมองด้านหน้า
“แล้วหันมาพึ่งอวาริเทียซะบ้าง”
เขาได้จากไปพร้อมทิ้งคำพูดคลุมเครือนี้ไว้
ซอลจีฮูที่มองดูแผ่นหลังฟิลิปส์ มูเลอร์กับโอเดลเล็ต เดลฟีนเดินจากไปไกลได้ถอนหายใจออกมาฃฃ
ในที่สุด ในที่สุดเขาก็รู้สึกว่าเขาคืบหน้าขึ้นบ้างแล้ว
***
ในวันนั้นซอลจีฮูได้เตรียมตัวเดินทางไปฮารามาร์คในทันที
สิ่งที่ฟิลิปส์ มูเลอร์พูดถูกต้อง ไม่มีใครจะรู้ได้เลยว่าระหว่างพวกเขาอยู่ในอาณาจักรภูติจะเกิดอะไรขึ้นกับมิดเดิลเวิลด์บ้าง
ก่อนเข้าไปในอาณาจักรภูติพวกเขาทำได้เพียงต้องเตรียมการให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“จีฮู~”
ระหว่างซอลจีฮูกำลังยุ่งกับการจัดของ ซอยูฮุยก็ได้เดินเข้ามาในสำนักงาน
“โอ้ พี่สาวมาแล้ว”
“อืม ฉันได้ยินมาจากคุณคิมฮันนาห์แล้วนะ นายกำลังจะไปฮารามาร์คงั้นหรอ?”
“ครับ”
ซอลจีฮูยังไม่ลืมพูดเรื่องความคืบหน้าอีกด้วย เขาได้ไปบอกคิมฮันนาห์ และคิมฮันนาห์ก็ไปบอกต่อกับสมาชิกทุกคน
ด้วยขนาดของภารกิจนี้ การให้พวกเขารู้เร็วๆจะทำให้พวกเขายอมรับมันได้ง่ายยิ่งขึ้น
จริงๆแล้วพวกเขาส่วนใหญ่ต่างก็รู้เป้าหมายของซอลจีฮูนับตั้งแต่ที่เขาพาพี่น้องฮาเลฟกับโฮชิโนะ อุราระมาแล้ว
บางทีอาจจะเพราะแบบนี้ทำให้เมฆแห่งสงครามเริ่มปกคลุมรอบวัลฮาลา สมาชิกบางคนก็ได้เข้าฝึกเข้มข้นหรือไม่ก็ตรวจสอบอุปกรณ์กันแล้ว
“โอ้ จริงสิ พี่สาวหายดีแล้วหรือยังครับ?”
“อืม คือฉันยังเก็บอนุสรณ์แห่งมอไรเอาไว้อยู่”
“เอ๊ะ… พี่สาวยังไม่ใช้มันอีกหรอ?”
ซอยูฮุยยิ้มแห้งๆออกมา
“พูดตามตรงฉันมีเรื่องที่อยากจะทำอยู่… แต่ด้วยสถานการณ์นี้ดูเหมือนฉันควรจะฟื้นฟูพลังกลับมาสินะ”
‘เรื่องที่พี่สาวอยากจะทำ?’
ซอลจีฮูเอียงหัวออกมา
เธออยากจะใช้อนุสรณ์มอไรทำอะไรกันแน่?
“ช่างเถอะนะ ดูหน้านายสิ! ชิ เขตพื้นที่เป็นกลางก็จบไปแล้ว แต่นายกลับผอมลงอีกแล้วนะ”
ซอยูฮุยยื่นมือออกมาจับแก้มเขาเอาไว้ สัมผัสอันอ่อนโยนนี้ทำให้เขาแทบจะหลับ แต่เขาก็ต้องฝืนตัวเองไว้
ซอยูฮุยคือปีศาจร้าย หากว่าเขาเผลอตัวไปกอดเธอ เขาก็จะไม่มีวันหลุดพ้นมาได้ตลอดกาล
“น่าเสียดาย”
“ไม่ครับ ผมสบายดี”
“สบายดีงั้นหรอ? ฉันไม่คิดแบบนั้นนะ พูดมาสิว่ามีอะไรที่พี่สาวคนนี้ช่วยได้บ้าง?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ซอลจีฮูก็ผงะไป หากเป็นตอนอื่นเขาก็คงบอกว่าไม่มี แต่บางทีอาจจะเพราะเขาได้เจอกับฟิลิปส์ มูเลอร์ทำให้มีความคิดหนึ่งเข้ามาในหัวของเขา
พวกเขากำลังรวบรวมพลังของมนุษยชาติ
และเป็นธรรมดาที่เขาจะต้องนึกถึงคนๆหนึ่ง
“คือว่า…”
“หม อะไรก็ได้ บอกมาได้เลย”
เมื่อเห็นซอลจีฮูลังเล ซอยูฮุยก็ลูบแก้มปลอบเขาอย่างอ่อนโยน
ซอลจีฮูฝืนถามออกไป
“ช่วยพาคนๆหนึ่งมาได้ไหมครับ?”
“หืม?”
“ในระหว่างสงครามหุบเขามีคนๆหนึ่งที่ช่วยผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะถูกความหมั่นเพียรอันนิรันดร์ฆ่า ผมมาได้ยินทีหลังว่าเธอเป็นหนึ่งในนักสู้ที่แกร่งที่สุดในพาราไดซ์”
มือของซอยูฮุยได้หยุดนิ่งไป
“นายกำลังพูดถึงคุณแบคแฮจู?”
“ครับ คนนั้นแหละ เธอคือจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหมครับ?”
ชาวโลกระดับ 8 คนแรกในพาราไดซ์ จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์
จริงๆแล้วซอลจีฮูก็แทบจะไม่รู้เรื่องของเธอเลย ทั้งหมดที่เขารู้คือเธอใช้หอกเหมือนกับเขา และมีบทบาทสำคัญในสงครามหุบเขา
แต่ถึงแบบนั้นด้วยการใช้นิมิตก็ทำให้ความทรงจำของเขาพร่ามัวมาก…
[ฉันไม่รู้นะว่าทำไมนายมาที่นี่…]
แต่เขาก็ยังจำคำพูดที่เธอพูดในตอนช่วยเขาจากความตายได้อย่างชัดเจน
“พี่สาวไม่รู้จักเธอหรอครับ?”
ใบหน้าของซอยูฮุยได้แข็งทื่อไป
“ฉันรู้จัก แต่ว่า…”
เสียงเธอเบาลงจนเห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากจะพูดถึง
‘นี่มันเกี่ยวกับการเถียงกันในตอนนั้นหรือเปล่านะ?’
“…จำเป็นต้องมีเธอจริงๆหรอ?”
ซอลจีฮูมีเหตุผลที่ขอแบบนี้
[หากว่าเธอกำลังพูดถึงน้ำพุก็เงียบไปเลย เพราะเธอไม่รู้เรื่องกำลังรบที่ต้องใช้ในการจัดการกับผู้บัญชาการสักคนสินะ ถึงได้ปากพล่อยแบบนี้ออกมา]
[ฉันรู้ว่าวิธีการใช้น้ำพุมีจำกัด แต่หากเราร่วมมือกันกับกองกำลังของอาณาจักรภูติที่เหลืออยู่ เราก็อาจจะ…]
นี่คือสิ่งที่อึนยูริในอนาคตพูดไว้ วิธีการใช้น้ำพุมีขีดจำกัด
ถึงเขาจะต้องไปที่นั่นเพื่อยืนยันให้แน่ใจ แต่มันก็ดูเหมือนว่าจะมีการจำกัดจำนวนคนที่จะเข้าไปภายในน้ำพุได้
นี่มันหมายความว่าเขาจะต้องตั้งทีมที่ทรงพลังด้วยสมาชิกจำนวนน้อยที่สุด
“ครับ”
และดังนั้นซอลจีฮูถึงได้ขอออกมาแบบนี้
“ผมมั่นใจว่าเธอจะมีส่วนช่วยสำคัญในแผนของผม ผมคิดแบบนั้น”
ซอยูฮุยเม้มปากออกมา พอมาคิดดูแล้วมันมีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะเผชิญหน้ากับผู้บัญชาการกองทัพ เธอรู้ดีว่าซอลจีฮูพยายามมากแค่ไหนกับแผนๆนี้
ที่สำคัญไปกว่านั้นมันไม่มีทางที่เธอจะปฏิเสธคำขออันจริงจังของกระต่ายน้อยแสนน่ารักได้
“…โอเค”
ในท้ายที่สุดเธอก็ยอมรับออกมา
สีหน้าซอลจีฮูสดใสขึ้นทันที
“ฉันจะบอกเธอให้ แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเธอจะตอบกลับยังไง หรือเธอจะมาหรือเปล่า… ฉันจะใช้โอกาสที่มีอยู่ครั้งสุดท้าย”
“โอกาส?”
‘จักรพรรดินีได้ทำข้อตกลงที่จะช่วยบุตรแห่งลูซูเรียหนึ่งครั้งงั้นหรอ?’
ขณะที่ซอลจีฮูคิดแบบนี้…
“แต่ว่า อืม…”
หลังจากชั่งใจอยู่นาน…
“หากว่าฉันบอกว่าเป็นคำขอของนาย เธอก็อาจจะยอมรับ”
ซอยูฮุยพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มลึกซึ้ง
***
ซอยูฮุยได้ออกไปจากพาราไดซ์หลังจากที่ได้รับคำสั่งพิเศษของซอลจีฮู
ซอลจีฮูก็ยังออกไปจากอีวา และเดินทางไปถึงจุดหมายในเวลาห้าวันต่อมา
หลังผ่านไปนาน เขาก็ได้กลับมาบ้าน
เขาได้เดินดื่มด่ำบรรยากาศบริสุทธิ์ตามถนนอันแสนคุ้นเคยอยู่นาน
ร้านกิน ดื่ม และเพลิดเพลินก็ยังคึกคักเหมือนเคย และบ้านที่ซอยูฮุยเคยอยู่ก็ยังอยู่ที่เดิม
ซอลจีฮูได้เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าสำนักงานที่เคยใช้เป็นสำนักงานคาเพเดี่ยม เมื่อเห็นสถานที่ทรุดโทรมนี้เขาก็นึกไปถึงอดีต
เขาอยากจะเข้าไป แต่ก็ต้องบังคับตัวเองไว้ ต่อให้เขาเข้าไปข้างในก็ไม่มีใครอยู่
จางมัลดงกำลังฝึกให้เด็กใหม่ทั้งสามคนอยู่ในภูเขาหินยักษ์ และพวกเขาจะไม่กลับมาจนกว่าจะดึก
อีกด้านหนึ่งเขาก็ไม่ได้มีเวลามาเสียเปล่าไปกลับความทรงจำ เขามีภารกิจที่ต้องรีบทำให้เร็วที่สุด และรีบไปชุบชีวิตต้นไม้โลก
ทุกๆนาทีตอนนี้ต่างก็มีค่า
‘ฉันไม่รู้เลยว่าคุณซินเซียจะตอบกลับยังไง’
เขาได้ติดต่อเทเรซ่าเพื่อบอกให้เธอรับรู้ไปแล้ว แต่ถึงจะเป็นเทเรซ่าที่ตอบรับคำขอของเขาอย่างไม่ลังเล เธอก็ไม่อาจจะให้คำยืนยันในเรื่องการระดมพลของซิซิเลียได้
นี่มันไม่ใช่เรื่องของเมือง แต่เป็นเรื่องขององค์กร ดังนั้นแล้วต่อให้ราชวงศ์จะมีคำสั่งเกณฑ์พล แต่ก็มีโอกาสที่ซินเซียจะปฏิเสธ
ซอลจีฮูก็คิดแบบเดียวกัน
‘เธอคงไม่ระดมพลง่ายขนาดนั้นหรอก’
เขาต้องหาวิธี วิธีที่จะทำให้เธอเคลื่อนไหว
ไม่นานนักเขาก็เริ่มเห็นธงซิซิเลียโบกสะบัดอยู่ไกลๆ
ซอลจีฮูได้ฝืนกลืนน้ำลายลงไป
***
“ช่างน่าตกใจๆ”
ทาเซียรน่า ซินเซีย หัวหน้าของซิซิเลีย และเป็นเหยี่ยวสงครามทางใต้ก็ยังคงสวมใส่เสื้อโค้ทสีแดงเข้มเหมือนเคย ผมสีแดงของเธอปล่อยยาวลงมาเหมือนกับสิงโต และน้ำเสียงก็ยังเต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่าย
“ยังรู้สึกเหมือนนายเพิ่งมาฮารามาร์คเมื่อวานนี้เองนะ แต่นี่นายก็ได้ข้ามตำแหน่งหัวหน้าคาเพเดี่ยม และขึ้นเป็นตัวแทนของเมืองไปซะแล้ว ตามตำแหน่งแล้วเราก็อยู่ในระดับเดียวกัน”
“ผมแค่โชคดี”
“ก็ยังถ่อมตัวเกินไปอยู่ดีอีกนะ เอาเถอะ นายมันก็แปลกมาตั้งแต่เขตพื้นที่เป็นกลางแล้ว”
เมื่อซินเซียได้คาบบุหรี่ไว้ แอ็กเนสที่อยู่ข้างๆก็จุดไฟขึ้นมาอย่างรื่นไหล
“ฉันสงสัยอยู่เลยว่าคราวหน้าที่เราเจอกันนายจะเป็นแบบไหน เธอคิดยังไงล่ะแอ็กเนส?”
“ไม่มีความเห็นค่ะ”
แอ็กเนสได้ตอบกลับนิ่งๆพร้อมดึงมือกลับไป
รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้าของซินเซีย
“โอ้ นี่เธอก็ไม่ได้เจอเขานานแล้วนะ จะไม่เย็นชาไปหน่อยหรอ?”
“ดิฉันไม่ได้หมายความว่าไม่มีอะไรจะพูด มันก็แค่เขาทำได้ดีด้วยตัวเอง”
“แต่ว่าในฐานะแม่เขาจะไม่พูดอะไรหน่อยหรอ? อย่างเช่นการกระตุ้นให้เขามุ่งเป้าหมายสู่ตำแหน่งผู้บริหาร”
“แม่? ฉันยังไม่ได้แต่งงานนะคะ”
ซินเซียได้หัวเราะขึ้นกับคำปฏิเสธนี้
“ลองคิดดูนะ เธออาจจะกำลังทำเท่ แต่ฉันมั่นใจว่าภายในใจเธอกำลังไม่พอใจอยู่แน่”
“หืม? คุณแอ็กเนสไม่พอใจ?”
“อืม ก็เป็นธรรมดานี่นา นายไปจากฮารามาร์คโดยไม่บอกอะไรกับเธอเลยสักครับ ในตอนนั้นแอ็กเนสถึงกับใจสลายเชียวนะ”
“ขอแก้ไขนะคะ-!”
แอ็กเนสได้ขึ้นเสียงอย่างกระทันหัน
“ฉันไม่ได้ ‘ใจสลาย’ สักนิด ฉันไม่ได้สนใจมากนัก”
“หืม แล้วใครกันนะไปวนเวียนอยู่รอบสำนักงานว่างเปล่าอยู่กลางดึก”
เสียงเฮือกสั้นๆได้ดังออกมา แอ็กเนสได้กัดฟันแน่นพร้อมใบหน้าที่เริ่มแดงขึ้น
ซินเซียได้ปรบมือหัวเราะออกมา
“โทษทีๆ พวกเธอทั้งคู่แค่ทำให้ฉันรู้สึกดีน่ะ ฉันแทบอยากจะบังคับให้ทั้งคู่แต่งงาน เพื่อที่จะได้คอยดูชีวิตคู่ของพวกเธอจริงๆเลย”
“ได้โปรดหยุดเรื่องไร้สาระด้วยค่ะ”
“ก็ได้ๆ”
ซินเซียโบกมือออกมา
“พอไว้แค่นี้ดีกว่า ตอนนี้เรากลับมาเรื่องเหตุผลที่ทำให้ตัวแทนวัลฮาลามาที่ซิซิเลียกันดีกว่า”
ฟู่ว เสียงลมถูกพ่นได้ดังขึ้นพร้อมควันสีขาวที่ลอยออกมาจากปากซินเซีย
ขณะที่ซอลจีฮูกำลังเตรียมจะพูดสิ่งที่เตรียมไว้-
“เอาเถอะนะ ฉันก็เดาได้อยู่แล้ว”
ซินเซียได้เป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้นก่อน
“การมาเยือนสหพันธรัฐ และล่าสุดก็การมาเยือนของดาวแห่งความโลภ แค่ข้อมูลสองอย่างนี้ก็พอใจ ถึงฉันจะไม่เข้าใจว่าทำไมราชวงศ์อีวาปล่อยตัวโฮชิโนะ อุราระก็ตามทีเถอะนะ”
ซอลจีฮูรู้สึกทึ่งอยู่ในใจ ต่อให้จะไม่ได้แสดงออกมาก็ตาม ข่าวเรื่องของเขาดูจะมาถึงฮารามาร์คแล้ว
เมื่อดูจากที่ฟิลิปส์ มูเลอร์ก็รู้เรื่องพวกนี้เหมือนกัน เหล่ายักษ์ใหญ่แห่งพาราไดซ์คงจะให้ความสนใจกับเขาอย่างมาก
“อย่าเข้าใจผิดไปล่ะ ซิซิเลียไม่ได้สะกดรอยตามนายหรอกนะ เพียงแต่ว่าช่วงนี้ดาวแห่งความโลภค่อนข้างจะเป็นที่สนใจน่ะ”
ซินเซียเดาะลิ้นออกมา
“มันชัดเจนมากว่าต้องมีเหตุผลที่หนอนหนังสือแบบเขาอยู่ๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมา”
ซินเซียได้มองขึ้นไปพร้อมเคาะขี้เถ้าของบุหรี่กับแก้วไวน์ ในเวลาเดียวกันซอลจีฮูก็เกาหัวด้วยความกังวล
ในเสี้ยววินาทีหนึ่งบรรยากาศรอบตัวซินเซียได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ดวงตานิ่งซึมของเธอดูจะทำเป็นเล่น แต่ในตอนนี้สายตาเธอได้เปลี่ยนไปเป็นเหมือนนักล่ากำลังมองเหยื่ออยู่
ซอลจีฮูรู้สึกได้ถึงแรงกดดันบางอย่างที่ถึงขนาดทำให้โฮชิโนะ อุราระยังต้องเงียบได้เลย
“…พอมาคิดดูแล้ว ฉันก็เป็นผู้ดูแลในตอนนายเข้ามาในเขตพื้นที่เป็นกลางสินะ”
“ครับ”
“ยังจำที่ฉันพูดต่อหน้าทุกคนได้ไหม?”
“การดูแลพวกนายมันเป็นงานที่น่าเบื่อจริงๆ อย่าได้เจอกันอีกสินะครับ?”
“ไม่ ไม่ใช่คำนั้น”
ซินเซียได้รวบมือเข้าด้วยกัน และเอนหลังพิงโซฟา เธอได้เอียงคางพูดออกมาอย่างหยิ่งผยอง
“ฉันไม่รู้จักการพูดอ้อมค้อม แล้วก็ไม่รู้จักการซ่อนความตั้งใจจริงไว้หลังคำโกหกด้วย”
“อ่อ”
ในเมื่อตัวแทนซอลสละเวลามาที่นี่ทั้งๆที่ยุ่งมาก ฉันก็จะให้คำตอบในทันที เพราะงั้นเราทั้งคู่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเปล่า”
จากนั้นซินเซียก็พูดขึ้นโดยไม่ยอมเสียเวลาอีก
ซอลจีฮูก็สงสัย-
“เราปฏิเสธ”
ซึ่งมันเป็นจริง
“ซิซิเลียไม่คิดที่จะร่วมมือกับวัลฮาลา และสมาคมนักเวทย์เพื่อเข้าร่วมแผนช่วยเหลือสหพันธรัฐ นอกไปจากนี้เราก็ไม่มีแผนเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้เลยด้วย”
เธอได้หยิบบุหรี่สะบัดลงไปในแก้วไวน์ ก่อนจะพูดคำสุดท้ายออกมาอย่างชัดเจน
“นี่คือคำตอบของฉัน”