“เพื่อน้องชายพี่ไงคะ”
ชีวิตคู่สำหรับเสี่ยวเชี่ยนมันก็แค่เปลือก ลำพังแค่ความสามารถของเธอก็เพียงพอที่จะใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมั่นคงสงบสุขแล้ว เพียงเพราะเขาเธอถึงได้ยอมเข้าสู่การใช้ชีวิตคู่ ก้าวเข้าสู่โลกที่มีกำแพงล้อมเอาไว้
“ไอ้เล็กแกมันเฮงซวย”
“พี่ว่าถ้าวันนี้ฉันอาละวาดคนที่จะเสียใจที่สุดคือใคร คนที่จะตำหนิตัวเองมากที่สุดคือใครคะ?”
เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ร่วมวงด่าเสี่ยวเฉียงไปกับอวี๋หมิงซีด้วย เพราะเธอรู้ว่าอวี๋หมิงซีเป็นคนแบบเดียวกับเธอที่ว่า ตัวเองด่าน้องชายได้คนเดียว แต่ถ้าคนอื่นด่ามีเรื่องแน่
ดูเหมือนอวี๋หมิงซีจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง เธอยืนอยู่หน้ากระจกพลางมองเสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนตบบ่าเธอ “เดี๋ยวบ่ายฉันก็จะกลับแล้ว ถ้าพี่ไม่อยากเข้าสู่โลกที่มีกำแพงล้อมทางที่ดีรีบชิ่งดีกว่านะคะ”
อวี๋หมิงซีตัวแข็ง “เธอหมายถึง…?!”
เสี่ยวเชี่ยนชูขึ้นมาห้านิ้ว
แม่อวี๋รอมานานขนาดนี้ก็แค่อยากใช้โอกาสที่อวี๋หมิงหลางแต่งงานจับลูกสาวคนเดียวไปดูตัว จากบรรดารูปถ่ายกองพะเนินมีผู้เข้ารอบอย่างน้อยๆก็ห้าคน พองานเลี้ยงจบลงจะต้องไปดักจับตัวอวี๋หมิงซีไว้แน่นอน
“เดี๋ยวฉันก็จะกลับหน่วยแล้ว” อวี๋หมิงซีพยักหน้าให้เสี่ยวเชี่ยน “ฉันจดจำน้ำใจเธอครั้งนี้ไว้แล้ว”
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มมุมปาก
หากโลกนี้มีคนประเภทหนึ่งที่ไม่เหมาะกับการแต่งงาน นั่นก็คือคนอย่างอวี๋หมิงซีนั่นเอง เธอรักอิสระชอบใช้ชีวิตไปเรื่อย ไม่อยากยอมถอยหรือเสียสละเพื่อใคร
อีกทั้งภายในมุมหนึ่งของจิตใจเธอที่แคร์เรื่องความรักจะต้องมีความลับที่บอกใครไม่ได้แน่นอน
“อ้อจริงสิ อันนี้ให้เธอ ขอให้มีความสุขนะ ขอให้เธอกับน้องเล็กรักกันตีกันไปจนแก่” อวี๋หมิงซีเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เดินกลับมา จากนั้นก็ยัดกล่องเล็กๆใส่มือเสี่ยวเชี่ยน นี่เป็นของขวัญวันแต่งงานที่เธอเตรียมไว้ให้เสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนเปิดกล่อง ข้างในเป็นเข็มกลัดติดหน้าอกที่งดงามมาก มองด้วยตาน่าจะเป็นเพชรกับทองคำขาว
ยศของอวี๋หมิงซีไม่เล็ก รายได้ก็ดีงาม แถมเธอยังมีรายได้จากการลงทุนตามคนอื่น แต่จะถึงขนาดมีเงินมาซื้อของแพงแบบนี้ไม่น่าจะใช่
เสี่ยวเชี่ยนจับผิดได้บางอย่าง
“พี่เสี่ยวซี” เสี่ยวเชี่ยนเรียก
อวี๋หมิงซีหันกลับมา “มีอะไรอีกเหรอ?”
“ของขวัญนี่ไม่ได้ซื้อเองใช่ไหมคะ?”
“มีคนให้มา ฉันไม่มีโอกาสได้ใช้หรอก เอามาให้เธอได้พอดี”
“เก็บไว้เองเถอะค่ะ คราวหน้าค่อยเอาอย่างอื่นมาให้ฉัน” เสี่ยวเชี่ยนส่งคืนกลับไป
“เธอขี้เกรงใจแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?” อวี๋หมิงซีหน้านิ่ว เธอจำได้ว่าเสี่ยวเชี่ยนเป็นคนที่ไม่เรื่องมาก แล้วทำไมถึงทำตัวมีปัญหากับของขวัญนี่?
เธอเป็นคนสบายๆ และก็ชอบเป็นเพื่อนกับคนที่ทำตัวสบายๆไม่เรื่องมาก
“ไม่ได้เกรงใจค่ะ แต่พี่รู้ไหมว่าพี่เอาเข็มกลัดมานี่มาให้ฉันมันหมายความว่าไง?”
“ก็แค่เครื่องประดับมันจะมีความหมายอะไร?”
“เพชรสีเขียวหมายถึงซื่อสัตย์ตลอดกาล พี่แน่ใจว่าจะเอาความซื่อสัตย์ของคนอื่นมามอบให้ฉันเหรอคะ?”
พอเสี่ยวเชี่ยนเห็นเพชรเม็ดนี้ก็รู้เลยว่าใครให้อวี๋หมิงซีมา
เพราะตอนนั้นคนๆนี้ใช้รายได้ทั้งปีลำบากลำบนไปซื้อเพชรสีเขียวหายากเม็ดนี้มาจากต่างประเทศ เขาดีใจถึงขนาดเรียกเธอกับเสี่ยวเฉียงไปดื่มฉลอง
รวมถึงการนำเพชรไปเจียระไนก็ทุ่มเทไปไม่น้อย
ตอนนี้กลับถูกอวี๋หมิงซีเอามาให้คนอื่น หัวใจคนๆนั้นไม่แหลกสลายแล้วเหรอ?
“ซื่อสัตย์? ฮ่าๆ น่าขำจริง” อวี๋หมิงซียัดกล่องใส่มือเสี่ยวเชี่ยนอีกครั้ง
“คุณนักจิตวิทยา เธอเรียนด้านนี้ทำไมถึงยังไร้เดียงสาได้แบบนี้ล่ะ? หรือเธอไม่รู้หรือไงว่าโลกนี้ไม่มีหรอกความซื่อสัตย์ที่ว่ากัน ก็แค่คนส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาชดใช้ถ้าเกิดหักหลังขึ้นมา ฉันให้ก็รับๆไว้”
อวี๋หมิงซีหันตัวเดินออกไปอย่างไม่ลังเล ทิ้งเสี่ยวเชี่ยนไว้กับกล่องเล็กๆใบนั้น เสี่ยวเชี่ยนมองตามหลังอวี๋หมิงซีพลางคิดหนัก
คำพูดของอวี๋หมิงซีเมื่อครู่ดูเหมือนจะแฝงอะไรไว้เยอะมาก
“เสี่ยวเชี่ยน คุณน้าให้มาดูว่าเสร็จหรือยัง ต้องไปส่งแขกอีกนะ”
ไห่เจาเดินมาจากทางนั้น สายตาเห็นได้ชัดว่ากำลังมองหาอะไรอยู่
เมื่อกี้เขาเห็นเสี่ยวซีออกมาพร้อมกับเสี่ยวเชี่ยนนี่นา แต่ทำไมถึงเจอเสี่ยวเชี่ยนอยู่ตรงห้องน้ำคนเดียวล่ะ?
“เสี่ยวซียังอยู่ข้างในไหม—นี่มัน?!”
ไห่เจาเห็นกล่องในมือเสี่ยวเชี่ยนแล้ว
ของที่เขาให้ไปเขาคุ้นเคยกับมันดี แต่ทำไมมาอยู่ในมือเสี่ยวเชี่ยนได้?
“เขาให้ของขวัญแต่งงานฉัน”
ประโยคนี้ของเสี่ยวเชี่ยนทำไห่เจาหน้าถอดสี
เพื่อเพชรสีเขียวเม็ดนี้ เขาใช้รายได้ทั้งปีซื้อมาเลยนะ
ช่วงสองปีมานี้กิจการของไห่เจาในเมืองหลินไปได้สวย ร้านชาบูของเขาเปิดสาขาใหม่ไปอีกหลายแห่ง แถมในเมืองQยังมีร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย
ถึงแม้เขาจะเป็นลูกที่ทำงานไม่เก่งเท่าลูกคนอื่นในบ้าน เป็นลูกที่พ่อไม่ภูมิใจที่สุด แต่ช่วงหลายปีมานี้เขาพยายามอย่างมากที่จะพิชิตใจเสี่ยวซี
เพชรสีเขียวเม็ดนี้เป็นเพชรที่หายากมาก
เขารู้สึกว่าสีเขียวเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เหมาะกับเสี่ยวซีที่รักอิสระเป็นที่สุด และก็มีเพียงอัญมณีหายากราคาแพงนี้เท่านั้นถึงจะเหมาะกับสาวงามแห่งยุคอย่างเสี่ยวซี
ยิ่งไปกว่านั้น สีเขียวหมายถึงความรักที่ซื่อสัตย์ตลอดกาล และความซื่อสัตย์ของเขากลับถูกเธอนำไปมอบให้คนอื่นชนิดที่ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
เสี่ยวเชี่ยนมองไห่เจาด้วยแววตาเห็นใจ เขาจะต้องสะเทือนใจมากแน่นอน
ไห่เจาไม่มีเวลาคุยอะไรมากกับเสี่ยวเชี่ยน เขารับกล่องมาจากเสี่ยวเชี่ยนแล้วออกวิ่งอย่างบ้าคลั่ง เขาจะต้องไปถามเธอด้วยตัวเองว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่!
เขาวิ่งตามหาเธอ ในที่สุดก็ไปเจอเสี่ยวซีที่เตรียมจะขึ้นรถ ไห่เจารีบไปคว้าแขนเธอเอาไว้พลางเหนื่อยหอบ อวี๋หมิงซีมองเขา เธอยิ้มทักทาย
“ทำไม อยากขับรถไปส่งฉันกลับเหรอ? งั้นก็ได้ ขอโทษนะคะลุงไปก่อนได้เลยค่ะ”
รถแท็กซี่สีเหลืองแล่นออกไป
ไห่เจามองอวี๋หมิงซีที่มีรอยยิ้มเหมือนตอนปกติ แต่ในใจเขากลับรู้สึกด้านชา
ในสายตาเธอเขาเป็นแค่คนขับรถที่คิดจะเรียกใช้เมื่อไรก็ได้งั้นเหรอ?
“อันนี้ ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณต้องเอาไปให้คนอื่นด้วย?” เขาชูกล่องในมือขึ้นมา แล้วถามด้วยความโมโห
เสี่ยวซีหันไปมองแล้วก็ อ้อ ออกมา “อันนี้เหรอ”
น้ำเสียงแบบไม่แคร์อีกแล้ว สีหน้าแบบไม่ได้รู้สึกอะไรเหมือนเดิม
ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าไห่เจาจะทุ่มเทเพื่อเธอขนาดไหน เสี่ยวซีก็จะแสดงออกแบบนี้เสมอ
เธอไม่ได้ถึงกับเย็นชาใส่เขา หรือจะเรียกว่าเป็นเพื่อนก็ได้ แต่นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีอะไรพิเศษ
เธอไม่แคร์คนอื่น แต่จะยิ้มให้เขา แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่เขาไม่อยากได้
ในสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวอย่างในตอนนี้ รอยยิ้มของเธอเพียงพอที่จะทำให้หัวใจของเขากลายเป็นน้ำแข็ง
“คุณรู้ไหมว่าผมทุ่มเทแรงกายแรงใจขนาดไหนกว่าจะได้ของสิ่งนี้มา ผมไปร่วมงานประมูลที่เมืองนอกถึงสองครั้ง แล้วคุณ—ก็เอามันไปให้คนอื่นงั้นเหรอ?”
ของอย่างอื่นจะเอาไปให้ใครก็ได้ มีแค่สิ่งนี้เท่านั้นที่ห้ามเด็ดขาด มันคือความซื่อสัตย์ที่เขามีต่อเธอ แต่กลับไม่มีค่าในสายตาเธอเลย
“อันนี้นายให้ฉันมาใช่ไหม?”
“ใช่!” เขาจะลืมความรู้สึกตอนไปตามหาเพชรเม็ดนี้ได้อย่างไร ตัวเขามีเงินเท่าไรก็ทุ่มให้เธอหมดโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น เขาไม่เรียกร้องให้เธอตอบรับความรู้สึกเขาในทันที แต่ขอร้องอย่าใจร้ายแบบนี้ได้ไหม
“ในเมื่อให้ฉันแล้วมันก็เป็นของฉัน ฉันมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้หรือเปล่า? ไห่เจา เสียดายเหรอ? นายใจแคบแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”
“ใจแคบ…คุณพูดว่าผมใจแคบเหรอ?”
ไห่เจารู้สึกว่านี่เป็นอีกวันที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตเขา เพราะผู้หญิงที่เขาชอบมานานพูดจาทำร้ายจิตใจด้วยสีหน้าที่ไม่แคร์