ไห่เจาชินกับการตามจีบอวี๋หมิงซีนานแล้ว และก็ชินกับการที่เธอรักษาระยะห่างกับเขา แต่เขาไม่อาจยอมรับท่าทางที่ดูไม่แคร์อะไรเลยในเวลานี้ของเธอได้
เพราะไม่แคร์ ดังนั้นเธอจึงไม่สังเกตเห็นว่าการกระทำของเธอได้ทำร้ายจิตใจเขาเป็นอย่างมาก
“ถ้านายเสียดายก็เอาคืนไปก็ได้ ฉันค่อยไปหาของขวัญให้เสี่ยวเชี่ยนอีกที”
“ตามใจ” ไห่เจาที่ไม่เคยพูดจาแรงๆใส่เสี่ยวซีนี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้อารมณ์กับเธอ เขามักจะมีรอยยิ้มให้เธอเสมอ แต่เวลานี้สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความผิดหวังอย่างชัดเจน
“อ่อ งั้นฉันค่อยหาอย่างอื่นก็ได้ นายจะขับรถไปส่งฉันไหม?”
ไห่เจามองเธออย่างเงียบๆ ถ้าโลกนี้มีนรกอยู่จริงๆ เขาก็คิดว่าเวลานี้ตัวเขาอยู่ในนั้นแล้ว
เขายอมให้เธอต่อว่าเขา อธิบายกับเขา อะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่เป็นอย่างตอนนี้ หัวใจของเขาเย็นชาเป็นน้ำแข็งไปแล้ว เธอยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขากับเธอเหมือนอยู่กันคนละโลก
“ไห่เจา?” เสี่ยวซีเอามือโบกไปมาข้างหน้าไห่เจา ไห่เจาปัดออก จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเย็นชา
“คุณเรียกรถไปเองเถอะ ผมยุ่ง”
พอไห่เจาหันไปก็ไม่เห็นสีหน้าของอวี๋หมิงซีที่มองตามเขา ไม่ใช่สีหน้าแบบคนไม่แคร์อะไร แต่เป็นสายตาที่เย็นชาเหมือนแฝงอะไรอยู่ในนั้น
เมื่อเสี่ยวเชี่ยนตามมาถึงก็เห็นภาพนี้พอดี
อวี๋หมิงซีมองตามไห่เจาด้วยแววตาที่ประหลาด จากมุมของเสี่ยวเชี่ยนเธอเห็นน้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาของไห่เจา และเห็นสายตาของอวี๋หมิงซีที่แม้แต่นักจิตวิทยาก็ยังเดาใจไม่ออก
เสี่ยวซีไม่เหลือเวลาให้เสี่ยวเชี่ยนได้คาดเดาจิตใจเธอมากมาย อาการผิดปกติของเธอคงอยู่เพียงแค่ไม่กี่วินาที จากนั้นเธอก็หันไปเรียกรถแล้วจากไปทันที
ไห่เจาเดินไปที่ลานจอดรถด้วยสภาพสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาหารถตัวเอง
ตรงเบาะนั่งข้างคนขับมีช่อดอกกุหลาบสีเขียวที่บานสะพรั่งถูกวางนอนอยู่ตรงนั้น
ดอกไม้ชนิดนี้มาจากเมืองนอก มีชื่ออันไพเราะว่า ทะเลเขียวคราม
ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดแบบเมื่อครู่ขึ้น มันก็ควรจะได้อยู่ในอ้อมกอดของผู้หญิงที่ทำให้คนหลงหัวปักหัวปำ เขายังแอบจินตนาการว่าจะได้รอยยิ้มจากเธอ คำชื่นชมจากเธอ
แต่ตอนนี้แม้แต่ดอกไม้ก็ยังแสยะยิ้มให้กับความพยายามของเขา
หัวใจของผู้หญิงคนนั้นกว้างยิ่งกว่าทะเล สูงยิ่งกว่าท้องฟ้า โลกของเธอเต็มไปด้วยสีสันแต่กลับไม่มีที่ยืนให้เขา เขาถูกติดป้ายอันโหดร้ายไว้ว่าเพื่อนในวัยเด็ก ถูกโยนไว้ในมุมหนึ่งที่ไม่มีความสำคัญอะไร
อากาศร้อนมาก ไห่เจารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหวัดแดด มึนหัวตาลาย ร่างกายเบาหวิว ในดวงตามีของเหลวสีใสออกมาอยู่ตลอดเวลาโดยที่เขาควบคุมไม่ได้ เขาเอาตัวพิงรถ ไม่ได้รีบร้อนเปิดประตู แต่หยิบบุหรี่ออกมา แล้วเริ่มหวนนึกถึงอดีตที่ผ่านมาว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง
เขาเฝ้านับวันรอว่าเมื่อไรผู้หญิงที่แสนรักอิสระคนนั้นจะกลับมา
หลังจากเธอกลับมาแล้วเขาจะพาเธอไปเที่ยวไหนดี ไปกินอะไรดี
วางแผนจะให้อะไรเธอดี ต้องทำอย่างไรถึงจะมีเวลาอยู่กับเธอได้นานๆ
เมื่อปีที่แล้วเขาแกล้งทำตัวเป็นแฟนเธอเพื่อไล่คู่ดูตัวของเธอไป ตอนนั้นเขาคิดว่าฟ้าสว่างแล้ว เขายังมีหวังอยู่บ้าง
ครั้นแล้วจึงพยายามมากกว่าเดิม
เขาคิดว่าเธอเป็นภูเขา ส่วนเขาเป็นอวี๋กง นานวันเข้าเขาก็จะย้ายเธอได้เอง[1]
แต่เขาประเมินความอดทนของตัวเองสูงเกินไป และประเมินความดื้อดึงของเธอต่ำเกินไป ไม่เพียงแต่ฟ้าจะไม่สว่าง กลับมืดหนักยิ่งกว่าเดิม
เอาความซื่อสัตย์ให้เธอ ในเมื่อเธอไม่เอา แล้วเขาจะลำบากรอเธอไปทำไม นับจากนี้ไป เขาจะเป็นตัวของตัวเอง เธอรักสนุกงั้นเขาก็จะเอาด้วย เธอรังเกียจของที่เขาให้ งั้นเขาก็จะทิ้งความรักครั้งนี้ไป!
ไห่เจาตัดสินใจแล้วว่า ตอนนี้เขาจะไปจากที่ที่ทำให้เขาเสียใจ ไปหาสาวๆมาโอบล้อม เขาไม่เชื่อหรอกว่าตัวเองไม่มีอวี๋หมิงซีแล้วจะอยู่ไม่ได้!
ขณะที่กำลังจะเปิดประตูรถอยู่ๆก็มีมือเข้ามาจับประตูไว้ ไห่เจาดีใจคิดว่าอวี๋หมิงซีกลับมาแล้ว แต่พอหันไปก็ต้องพบกับความผิดหวัง
เสี่ยวเชี่ยนยืนอยู่ข้างหลังเขา
“ขอโทษนะวันนี้ผมมีธุระต้องขอตัวก่อน ฝากบอกไอ้เล็กด้วยว่าขอให้พวกคุณทั้งคู่มีความสุข”
พอไห่เจาเห็นว่าไม่ใช่เสี่ยวซีก็รู้สึกแย่พร้อมทั้งดูถูกตัวเอง ผู้หญิงคนนั้นใจร้ายขนาดนี้ เขายังจะไปหวังอะไรอีก?
“นายรู้ไหมว่าสภาพนายในตอนนี้ทำให้ฉันนึกถึงสำนวนอะไร?” เสี่ยวเชี่ยนถาม
“หมาโดนทิ้ง?” ไห่เจาประชดตัวเอง เขาถูกผู้หญิงที่ตัวเองชอบใช้วิธีแบบนี้ปฏิเสธต่อหน้าแฟนเพื่อนสนิทของเขา
“ไม่ใช่ หมาโดนทิ้งน่ะ นายต้องมีเจ้าของก่อน แต่เขาเคยรับปากว่าจะเลี้ยงนายหรือไง?”
ฉึก~
ประหนึ่งมีมีดทิ่มเข้าไปที่หัวใจของไห่เจา เมื่อกี้หัวใจเขาก็เลือดโชกแล้ว นี่ยังมาถูกเสี่ยวเชี่ยนแทงให้อีกดอก
แต่ดูเหมือนเสี่ยวเชี่ยนจะยังไม่พอใจ ซ้ำเข้าไปอีก
“มีอยู่สำนวนหนึ่งที่ว่า การทอดถอนใจของสาวแก่ ใช้บรรยายผู้หญิงที่ถูกทอดทิ้งจนต้องทอดถอนใจอย่างไร้ความหวัง ฉันเห็นสภาพนายในตอนนี้ก็นึกถึงสำนวนนี้ขึ้นมาทันที”
ไห่เจามุมปากกระตุก “คุณนี่ทำตัวกวนโอ๊ยยิ่งกว่าไอ้เล็กอีกนะ พูดจาซ้ำเติมผมแล้วสะใจมากใช่ไหม? มีความสุขบนความทุกข์คนอื่นพอใจแล้วหรือยัง? มันช่วยชดเชยความทุกข์ที่เจ้าบ่าวไม่อยู่ในงานเลี้ยงได้ไหม?”
ไห่เจาในเวลานี้เหมือนสัตว์ป่าที่บาดเจ็บ เห็นใครก็ระแวงไปหมด ยิ่งไปกว่านั้นเสี่ยวเชี่ยนยังเอาเกลือมาสาดใส่บาดแผลเขาอีก เขาไม่มีเวลามาถนอมน้ำใจใครแล้วตอนนี้
“ของฉันยังดีกว่า ถึงงานฉลองมงคลสมรสของฉันจะขาดเจ้าบ่าว แต่ฉันไม่ได้ทุกข์ใจอะไร เพราะหัวใจของเขาอยู่กับฉันเสมอ พิธีสำคัญพวกเราก็ทำเสร็จหมดแล้ว งานเลี้ยงก็แค่ส่วนประกอบหนึ่งที่ไม่สำคัญอะไร แต่ของนายน่ะไม่เหมือนกัน เขาอนุญาตให้นายได้ใกล้ชิดมากกว่าคนอื่น แต่หัวใจของเขากลับอยู่ห่างเป็นหมื่นลี้”
โวะ!
ใครก็ได้ช่วยมาเก็บยัยผู้หญิงปากร้ายนี่ไปที!
ไห่เจาตะโกนโวยวายในใจ ไม่เห็นเหรอว่าอกหักอยู่ ยังจะมาพูดจาซ้ำเติมกันอีก!
ฮือ รักเขาข้างเดียวแต่มันก็คือความรักนะ!
“ผมจำได้ว่าผมไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อพวกคุณสองคนนะ?” ไห่เจาถามอย่างเหนื่อยใจ ถ้าเสี่ยวเชี่ยนมาเพื่อซ้ำเติม งั้นก็ทำสำเร็จแล้ว เขาสะเทือนใจหนักยิ่งกว่าเดิมอีก
“ไม่เพียงแต่จะไม่มี ยังดีกับพวกเรามากด้วย หมิงหลางมีเพื่อนไม่น้อย แต่นายเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา”
ไห่เจาเป็นเพื่อนซี้ของอวี๋หมิงหลางที่เล่นกันมาตั้งแต่แบเบาะ
โตกันมาตั้งแต่เล็กๆ เพิ่งจะห่างกันก็ตอนที่อวี๋หมิงหลางสอบเข้าโรงเรียนทหารได้
ต่อให้ทั้งสองคนเลือกเดินกันคนละเส้นทาง แต่ก็ไม่ได้ทำให้สนิทกันน้อยลง
ไห่เจามีน้ำใจกับอวี๋หมิงหลางเสมอ จึงดูแลเสี่ยวเชี่ยนดีไปด้วย
ช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ถ้าอวี๋หมิงหลางออกมาจากค่ายไม่ได้ แล้วเสี่ยวเชี่ยนมีเรื่องจำเป็นต้องใช้คน คนที่มาหาก็คือไห่เจา
เสี่ยวเชี่ยนไม่ชอบกินข้าวโรงอาหารที่มหาวิทยาลัย อวี๋หมิงหลางเลยให้ไห่เจามาเปิดร้านชาบูที่เมืองหลิน เวลาเสี่ยวเชี่ยนไปกินไม่ต้องจ่ายสักบาท แน่นอนว่าเสี่ยวเชี่ยนก็ได้ให้คำแนะนำติชมที่เป็นประโยชน์กับทางร้านมากทีเดียว
พวกเขาสนิทกันมาก ดังนั้นคำพูดซ้ำเติมของเสี่ยวเชี่ยนในวันนี้จึงรุนแรงตามระดับความสนิท
“เห็นแก่ความเป็นเพื่อนสนิทของผมกับไอ้เล็ก เลิกซ้ำเติมผมเถอะ”
ไห่เจาหันหนีอย่างอ่อนแรง ตอนนี้เขาอยากหาที่สงบเพื่อเลียแผลใจ
“จากนี้นายคิดจะปล่อยตัวปล่อยใจ ใช้ชีวิตอย่างสุดเหวี่ยงเหรอ?”
คำพูดนี้ของเสี่ยวเชี่ยนทำให้ไห่เจาหันกลับมาอย่างเกร็งๆ สายตานั้นเหมือนกำลังพูดว่า รู้ได้ไงอะ?
เสี่ยวเชี่ยนเห็นสีหน้าเขาเป็นแบบนั้นก็รู้ได้เลยว่าตัวเองเดาถูก
เธอแอบถอนหายใจในใจ
ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง
[1] มาจากนิทานจีนเรื่องอวี๋กงย้ายภูเขา หมายถึงคนที่มีความตั้งใจแน่วแน่ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค